นักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษ
ได้เดินทางจากประเทศเวียดนาม กลับถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ย. หลังจากที่เดินทางไปทำศึกลูกหนัง 3 เส้า “ทีแอนด์ทีคัพ” ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และเอาชนะ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ 1-0 แต่เกมนัดสุดท้ายกับ “เจ้าภาพ” เวียดนาม ไม่สามารถทำการแข่งขันได้ เนื่องจากพายุฝนได้พัดกระหน่ำอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังภายในกรุงฮานอย จึงต้องเลื่อนเกมการเตะกับเวียดนาม ไปเป็นวันที่ 16 พ.ย. แทน
ขณะที่ ปีเตอร์ รีด ได้กล่าวว่า
เมื่อกลับ มาเมืองไทย จะเปิดโอกาสให้นักเตะได้พักผ่อนกัน 2 วัน และจะเรียกมาเก็บตัวฝึกซ้อมในวันที่ 4 พ.ย. ที่โรงแรมเรดิสัน พร้อมกับไปร่วมงานเปิดตัวชุดแข่งใหม่ของทีมชาติไทย ที่บริษัทไนกี้ เป็นผู้ออกแบบให้ โดยการฝึกซ้อมที่ผ่านมาและช่วงที่ไปแข่งขันที่เวียดนาม อยู่ในขั้นที่น่าพอใจมาก เนื่องจากนักเตะไทยดูจะมีความกระหายที่จะเรียนรู้ และยอมทุ่มเทให้กับเกมการเล่นทุกนาที ส่วนการคัดเลือกนักเตะไปอุ่นเครื่องกับ “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดีอาระเบีย คงจะไม่เรียก ใครมาเสริมแล้ว จะนำนักเตะที่มีอยู่ 20 คน ไปทำการแข่งขัน โดยจะออกเดินทางวันที่ 6 พ.ย. และการไปครั้งนี้ ยังตั้งเป้าเหมือนเดิม คือ จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้
รีดเคี่ยวนักเตะเตรียมอุ่นซาอุฯ
กุนซือทีมชาติไทย ยังกล่าวต่อไปอีกว่า
เมื่อกลับจากซาอุดีอาระเบีย อาจจะให้นักเตะพัก 1 วัน และเข้าแคมป์ซ้อมต่อทันที ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศไปซ้อมภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่จังหวัดนครราชสีมา ก็เป็นได้ จากนั้นจะออกเดินทางไปประเทศเวียดนาม วันที่ 14 พ.ย. เพื่อลงเตะนัดชิงชนะเลิศ “ทีแอนด์ทีคัพ” ในวันที่ 16 พ.ย.
ด้าน ชัยยง ขำเปี่ยม ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า
ช่วงเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ที่ ปีเตอร์ รีด ได้ฝึกซ้อมนักเตะและได้นำทีมไทยลงแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นนัดแรก ทางกลุ่มสตาฟฟ์โค้ชได้มานั่งประชุมกัน และค่อนข้างพอใจในผลงานของทุก ๆ คน ซึ่งการฝึกซ้อมในช่วงต่อไป ปีเตอร์ รีด พยายามเน้นในเรื่องของเกมการเล่น และแทคติกให้มากขึ้น รวมทั้งทดลอง ผู้เล่น ก่อนจะหานักเตะแต่ละตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อลงแข่งขันในรายการฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ “ซูซูกิคัพ” ต่อไป
ส่วนสิ่งที่ ปีเตอร์ รีด พยายามจะเน้นให้มากในการทำทีมต่อจากนี้ ก็คือ
การครอบครอง บอล ซึ่งนักเตะไทยจะต้องทำเกมรุกให้แน่นอน ไม่ใช่เสียบอลง่ายในแดนกลาง แล้วโดนโต้กลับเร็วเสียประตูเหมือนที่ผ่าน ๆ มา ต่อไปนี้หากยังเจาะเข้าทำไม่ได้ ก็ต้องใช้การครองบอล ถ่ายเทบอลไป-มา ไม่เร่งเกม แต่พอถึงจังหวะการเข้าทำจะต้องไม่พลาดง่าย ๆ และจุดเด่นอีกข้อใน การทำทีมของ ปีเตอร์ รีด ก็คือ ทีมชาติไทยชุดนี้ นักเตะจะมีความเสมอภาคกัน วัดความสามารถกันที่ฝีเท้า ไม่ว่าใครจะเล่นใน “ไทยลีก” หรือ “ดิวิชั่น 1” หากทำผลงานในสนามได้ดี มีสิทธิได้เล่นในนามทีมชาติแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นักเตะมีความกระตือรือร้น และทุ่มเท เพื่อจะทำผลงานให้ออกมาดี
ส่วนความเคลื่อนไหวของนักเตะเยาวชนอายุ 19 ปีของไทย ที่ลงเตะนัดแรก ในศึกฟุตบอลเยาวชนอายุ 19 ปีชิงแชมป์เอเชีย กลุ่ม D ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ด้วยการพ่าย “จิงโจ้” ออสเตรเลีย 0-1 ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พ.ย. นักเตะไทยได้ลงทำการฝึกซ้อมในช่วงเย็น เพื่อเตรียมตัวลงเตะนัดที่ 2 พบกับ จอร์แดน วันที่ 3 พ.ย. ที่สนามปริ๊นซ์ซาอุด บิน จาวาลี (เวลาประเทศไทย 22.45 น.)
โดย “โค้ชตุ้ย” กวิน คเชนทร์เดชา กุนซือทีมไทย กล่าวว่า
การเล่นกับจอร์แดน มีปัญหาพอสมควร เนื่องจากภายในทีมไทยมีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บมาจากเกมกับออสเตรเลีย แต่ก็โชคดีที่ได้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ อนุสรณ์ ศรีชาหลวง กลับมาช่วยทีมได้ หลังจากพ้นโทษแบน ซึ่งเกมนี้จะสั่งให้นักเตะเล่นบอลตามช่อง ใช้ความคล่องตัวสร้างปัญหาให้กองหลังจอร์แดน เน้นจังหวะเข้าทำให้ แน่นอน ไม่พลาดเหมือนนัดแรก และนัดนี้จะปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 เชื่อมั่นว่าจะคว้า 3 แต้ม ลุ้นเข้ารอบต่อไปได้
สำหรับผู้เล่น 11 คนแรกของทีมไทยที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบไปด้วย แซมมวล ป. คันนิ่งแฮม (ผู้รักษาประตู), ธีราทร บุญมาทัน, เฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้, คมกริช คำโสกเชือก, ซีเกต หมาดปูเต๊ะ, วัฒนศักดิ์ เจริญศรี, ศุภพร พรหมพินิจ, อรรถพงษ์ หนูพรหม, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ยอดรัก นาเมืองรักษ์ และอนุสรณ์ ศรีชาหลวง.