แฟนมวยดังวิเคราะห์ หลังโจ ณัฐวุฒิ พ่ายศอกเสย หลับกลางอากาศ

หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ กีฬาไทย แฟนมวยดังวิเคราะห์ หลังโจ ณัฐวุฒิ พ่ายศอกเสย หลับกลางอากาศ

ในการแข่งขันมวยไทยรายการ ONE ลุมพินี 81 ที่เวทีมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาเมื่อ "โจ ณัฐวุฒิ" นักชกวัย 35 ปีจากโคราช ต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ในยกแรกของการชก หลังจากโดน "ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์" แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ใช้ท่าศอกสับซ้าย-ขวา จนโจหมดสติในเวลาเพียง 1.43 นาทีของยกแรก

ซุปเปอร์บอนที่เป็นที่รู้จักจากทักษะการชกคิกบ็อกซิ่งสุดเฉียบ เดินหน้าเข้าวงในใช้ศอกซ้ายฟันโจจนเลือดออก ก่อนที่จะสับศอกขวาส่งโจลงไปกองกับพื้น แม้ว่าโจจะพยายามลุกขึ้นมาตั้งสติสู้ต่อ แต่ผู้ตัดสินตัดสินใจยุติการชกและประกาศชัยชนะน็อกให้กับซุปเปอร์บอนทันที

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ "ผมชื่อ เมษ ครับ" ได้โพสต์ข้อความวิเคราะห์ถึงการพ่ายแพ้ของโจ ณัฐวุฒิ โดยเน้นถึงการที่โจเจอท่าศอกที่เรียกว่า "ฝานหน้า" หรือในวงการมวยพระนครเรียกว่า "ศอกเสย" ซึ่งเป็นท่าที่ใช้มานานตั้งแต่ยุคมวยโบราณอย่างมวยพระเจ้าเสือ การใช้ท่านี้มีผลต่อคู่ต่อสู้มากจนทำให้โจต้องหลับกลางอากาศ

เมษยังได้ยกตัวอย่างการพ่ายแพ้คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นกับ "แฮกเกอร์ตี้" ซึ่งเคยโดนท่าศอกเสยจาก "ซูเปอร์เล็ก" ในการชกครั้งก่อน เป็นเครื่องยืนยันถึงพลังทำลายล้างของท่านี้เมื่อถูกใช้ในวงในอย่างถูกจังหวะ

เมษได้อธิบายถึงหลักการ "แพ้ทาง" ในมวยไทยตามแบบโบราณว่า มวยหมัดมักแพ้ทางศอก, มวยเตะแก้ทางด้วยเข่าหรือถีบ, มวยศอกแพ้ทางเตะ และมวยเข่ามักแพ้หมัดหรือศอก ซึ่งสะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการวางแผนการต่อสู้ในแต่ละรูปแบบ

ท้ายที่สุด เมษได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้กับโจ ณัฐวุฒิ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าโจจะเติบโตและพัฒนาตนเองจากประสบการณ์นี้ การฝึกฝนและความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวไปข้างหน้าในวงการมวย เช่นเดียวกับในชีวิตทั่วไป

"ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ วันนี้ทำหน้าที่ให้เต็มที่" เป็นคำเตือนใจให้กับทั้งนักชกและแฟนมวยทุกคนว่า การดูมวยควรเป็นเรื่องของความสนุกและการเคารพต่อคู่ต่อสู้ ไม่ใช่เรื่องของการด่าทอหรือเหยียดหยามกัน

**#ฝากไว้ให้คิด**