แต่อีก 2 นาทีต่อมา ไทยมาพลาดเสียประตูง่ายๆให้มาเก๊า
เมื่อเช็ง เดซูซา นักเตะลูกครึ่งโปรตุเกส ยิงฟรีคิกเรียดจากระยะ 25 หลา นายทวารโกสินทร์พุ่งตะครุบบอล แต่ลูกหลุดมือไปเข้าทางชาน คิน เซ็ง พุ่งเข้าชาร์จเผาขนเป็นประตูตีตื้นให้มาเก๊าไล่มาเป็น 1-2 ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือนักเตะไทยยิ่งเร่งเครื่องพับสนามลุยแหลก แต่ทำได้แค่หวาดเสียวเท่านั้น จบครึ่งแรกไทยจึงนำมาเก๊าอยู่แค่ 2-1
ครึ่งหลัง ไทยโหมบุกต่อทันที และแค่ 2 นาทีก็ยิงเป็น 3-1
จาก “โจ้ห้าหลา” ศรายุทธ ชัยคำดี ที่เข้ายิงบอลจากจังหวะที่ผู้รักษาประตูมาเก๊าคว้าลูกหลุดมือเข้าไปแบบส้มหล่น และเป็น 4-1 ในนาทีที่ 53 จากลูกจุดโทษที่ธีรศิลป์ แดงดา โดนเสียบล้มคว่ำในกรอบเขตโทษ และเป็น “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่รับบทเพชฌฆาตสังหารเข้าไปไม่เหลือ จากนั้นในช่วงท้ายเกมไทยมาบวกเพิ่มอีก 2 ประตู จากลูกโหม่งของปฏิภาณ เพชรพูล ในนาทีที่ 82 และลูกพุ่งโขกตอร์ปิโดสุดสวยของดัสกร ทองเหลา ในนาทีสุดท้าย หมดเวลาทีมไทยถล่มชนะมาเก๊าหายห่วง 6-1 หนทางข้ารอบต่อไปสดใส โดยยังเหลือเกมที่จะออกไปเยือนมาเก๊า ในวันที่ 15 ต.ค.นี้
หลังจบเกม “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือใหญ่ เปิดเผยว่า
พอใจกับภาพรวมที่ออกมา แต่จะให้ฟอร์มสวยงามเหมือนเอเชียนคัพคงเป็นเรื่องยาก เพราะเรามีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก วันนี้แค่เอาตัวรอดไปก่อนเท่านั้น ซึ่งในเรื่องของสกอร์ถือว่าเกินคาด ตอนแรกหวังแค่ 2-3 ลูกเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ต้องแก้คือเรื่องของจังหวะเข้าทำเรามีโอกาสครอสบอลมากมาย และน่าจะได้ประตูมากกว่านี้ ส่วนนัด 2 คงไม่มีปัญหามั่นใจจะชนะได้อีกครั้ง แต่ก็จะไม่ประมาท เพราะต้องเจอสภาพกดดันรอบด้านอีกพอสมควร โดยเฉพาะปัญหาของเราเองที่นักเตะต้องมีอาการล้า เนื่องจากก่อนเดินทางทุกคนยังมีโปรแกรมเตะให้ต้นสังกัดในวันพุธนี้อีก ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้เล่นเทโรกับทีโอทีที่จะเตะในวันที่ 13 ต.ค. ก็คงต้องประชุมหารือกันอีกว่าจะเอาใครไปมาเก๊าบ้าง ซึ่งเราจะเอานักเตะไปทั้งหมด 18 คน โดยจะออกเดินทางในวันที่ 12 ต.ค.นี้