อังกฤษของฟาบิโอ คาเปลโล่ยังทำผลงานสุดเพอร์เฟคหลังเล่นแบบขำๆซ้อมใหญ่บุกไล่ต้อนคาซัคสถาน 4-0 จากประตูของแบร์รี่แข้งใหม่แมนฯซิตี้,เฮสกีย์,รูนีย์และแลมพาร์ดเช็กบิลชนะรวด 6 นัดกวาด 18 แต้มเต็ม
ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรปกลุ่ม 6
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2552
คาซัคสถาน 0 - 4 อังกฤษ
ประตู : 0-1 แบร์รี่ น.39,0-2 เฮสกีย์ น.45+1,0-3 รูนีย์ น.72,0-4 แลมพาร์ด น.77
ฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือหน้าหงิกจัดทัพแบบแปร่งๆหลังโยกเอาสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดไปยืนปีกซ้ายและให้แกเรธ แบร์รี่เล่นกลางคู่แฟร็งค์ แลมพาร์ดส่วนกองหน้าเป็นเอมิล เฮสกีย์กับเวย์น รูนีย์
ครึ่งแรก
เจ้าถิ่นเริ่มเกมมาแม้ว่าความแน่นอนในเกมรุกจะไม่เท่าไหร่แต่การบีบผู้เล่นอังกฤษในแนวรับทำให้เกมช่วง 15 นาทีสูสีกันจนยังไม่มีโอกาสเสียวใดๆเลย
อังกฤษเองมีผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวดีกว่าเมื่อสู้กับแบบหนึ่งต่อหนึ่งแต่นาที 17 เจ้าถิ่นทำช็อกเมื่อลูกฟรีคิกทางปีกขวาโยนครอสข้ามมาเสาสองเป็นออสตาเปนโก้โขกระยะ 6 หลาเข้าไปก่อนวิ่งดีใจไปสามชั่วโมงแต่ไลน์แมนยกธงบอกล้ำหน้าก่อนแล้ว

นาที 29 โอกาสแรกของอังกฤษมาถึงเมื่อโมคินนายทวารเจ้าถิ่นหวดบอลที่เพื่อนส่งกลับแป๊กไปเข้าทางเฮสกีย์ที่ฝากรูนีย์ก่อนแทงให้แลมพาร์ดวิ่งเข้าในเขตโทษแต่วิ่งเร็วไปหน่อยเลยเหยียบบอลกลายเป็นดีเมื่อหยุดให้เฮสกีย์วิ่งมาตะบันเต็มข้อบอลชนเสาแรกกระเด้งผ่านหน้าประตูไปออกมุมอีกข้างอย่างไม่น่าเชื่อ
คาซัคลงไปตั้งรับกันในแดนตัวเองทั้งทีมทำให้อังกฤษมีพื้นที่เล่นในเกมรุกยากเอามากๆเรียกว่างานนี้ถ้าไม่ได้ลูกแรกก่อนรับรองเหนื่อยแน่นอนเพราะเล่นมาจนจะเข้าสู่ช่วงท้ายเกมเพิ่งมีโอกาสสวยๆไปครั้งเดียวเท่านั้นเอง
ก่อนหมกดวลา 9 นาทีทีมเยือนได้เตะมุมเป็นเทอร์รี่ได้โขกตรงระยะ 8-9 หลาแต่เจอค้ำทำให้น้ำหนักบอลไม่แรงจนโมคินรับติดมือหนึบ
แต่บทจะได้สิงโตคำรามก็มานำง่ายๆในนาที 39 จากจังหวะที่เจอร์ราร์ดซึ่งวันนี้ถูกโยกมาเล่นปีกซ้ายคลึงบอลหลอกตัวประกบแบบจะล็อกเพื่อโยนด้วยขวาแต่กลับพลิกออกซ้ายแล้วเปิดด้วยข้างไม่ถนัดบอลย้อยข้ามฝูงแข้งเจ้าถิ่นที่ไปออตามบี้เทอร์รี่กับเฮสกีย์จนกลายเป็นแบร์รี่สอดมาโขกที่เสาสองตรงระยะ 6 หลาบอลย้อนศรเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม
โดนแล้วไส้ไหลทันทีช่วงทดเจ็บอังกฤษมานำ 2-0 จากพิษสงของเจอร์ราร์ดที่ลักไก่ชิพยิงไกลระยะ 40 หลาเยื้องๆตรงปีกซ้ายหลังเห็นโมคินออกมาไกลถึงเส้น 6 หลาก่อนกระโดดปัดแบบสุดปลายมือบอลไปตกตรงหน้าเฮสกีย์ที่แปด้วยซ้ายเผาขนเข้าไปง่ายๆ
ครึ่งหลัง
คาเปลโล่ไม่รอช้าเปลี่ยนเอาไรท์ ฟิลลิปส์ลงนามแทนวัลค็อตต์ที่แม้จะกระชากได้วูบวาบแต่จังหวะสุดท้ายไม่ได้เปิดบอลเป็นชิ้นเป็นอันเลยเพราะพื้นที่เล่นมีไม่มากนัก
คาซัคขยับเกมรุกขึ้นมามากกว่าเดิมตามคาดทำให้ตอนนี้อังกฤษเริ่มเล่นกันง่ายแต่เหมือนวันนี้เน้นผลการแข่งขันเฉยๆเพราะไม่ได้เร่งสปีดจังหวะเท่าไหร่ซึ่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่ยังยิงประตูไม่ได้ด้วยซ้ำ
เล่นมาจะ 70 นาทีแล้วน่าง่วงนอนเหลือเกินเพราะอังกฤษก็ไม่ได้บุกอะไรมากมายหลังนำอยู่แล้ว 2 เม็ด เรียกว่ารีบๆเล่นให้มันจบๆกันไปเลยดีกว่าบอลคู่นี้
บ่นหน่อยก็มีประตูทันทีในอีก 2 นาทีต่อมาเกล็น จอห์สันโชว์ความพลิ้วให้ทีมใหญ่เห็นเป็นขวัญตาหลังวิ่งเลาะเส้นทำทางให้ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์แทงขึ้นมาก่อนเบียดแบ็คซ้ายไปตบบอลถึงเส้นหลังเป็นเฮสกีย์เข้าฮอร์ตที่เสาแรกวืดบอลเลยไปถึงรูนีย์ที่แทงเข่าเผาขนแค่โมคินบินกระโดดควักมือเดียวบนเส้นก่อนที่หมูพลิ้วจะหมุนตัวกระโดดยิงแบบจา พนมบอลเสียบหน้าต่างไกลเข้าไปงามสุดติ่ง
นาที 77 อังกฤษมาอีกชุดคราวนี้แอชลีย์ โคลเก็บตกยิงเต็มข้อในกรอบแต่โมคินปัดได้แต่จังหวะที่เฮสกีย์จะวิ่งมาซ้ำเผาขนเจอทำฟาว์ลจากด้านหลังเสียจุดโทษแบบไม่ต้องคิดมากและแลมพาร์ดรับอาสาวิ่งมายิงแบบแสกหน้าโมคินเกือบๆตรงกลางประตูไม่มีเหลือ 4-0 เละเทะ
ก่อนหมดเวลานาทีเดียวคูเคเยฟที่เป็นดาวเด่นที่สุดในทีมคาซัคสถานในวันนี้สบโอกาสยิงไกลนอกเขตบอลพุ่งออกข้างเสาร้อนถึงกรีนต้องพุ่งสุดปลายมือวัดระยะ
จากนั้นผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาอังกฤษชนะ 4-0 ชนะรวด 6 นัดมี 18 แต้มเต็มนำโครเอเชียที่จะเตะคู่ดึกออกไปเป็น 8 แต้มโดยเหลือเกมให้เล่นอีก 4 นัดโดยกลางสัปดาห์เจอหมูอันดอร์ร่าซึ่งตั๋วไปฟุตบอลโลกแทบไม่น่าพลาดสำหรับทีมแชมป์กลุ่มที่จะได้สิทธิ์ไปโดยอัตโนมัติ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
คาซัคสถาน : โมคิน,อับดูลิน,คิสลิทซิน,คาร์โปวิช,นูสบาเยฟ,สคอรข์,ออสทาเปนโก้,คูเคเยฟ,อเวอร์เชนโก้,ล็อกวิเนนโก้
อังกฤษ : โรเบิร์ต กรีน,เกล็น จอห์นสัน(เบ็คแฮม น.76),แมทธิว อัพสัน,จอห์น เทอร์รี่,แอชลีย์ โคล,ธีโอ วัลค็อตต์(ไรท์ ฟิลลิปส์ น.46),แกเรธ แบร์รี่,แฟร็งค์ แลมพาร์ด,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,เวย์น รูนี่ย์,เอมิล เฮสกีย์(เดโฟ น.80)















ขอบคุณข่าวจากlentee
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว