เดือดเหมือนคู่ชิง! สเปน ต่อเวลาพิเศษเฉือน เยอรมนี
"กระทิงดุ" สเปน ลงสนามพบกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ทีมเจ้าภาพ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2024" รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่สตุ๊ดการ์ท อารีน่า เมืองสตุ๊ดการ์ท ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม
ทีมกระทิงดุ มีผลงานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่รอบแรก เก็บชัยชนะ 3 นัดรวดแบบไม่เสียประตู ก่อนจะมาเสียประตูแรกในทัวร์นาเมนต์นี้จากการทำเข้าประตูตัวเองในนัดที่ชนะจอร์เจีย 4-1 ขณะที่เยอรมนี ทำผลงานในรอบแรก ชนะ 2 เสมอ 1 จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะเดนมาร์กไปได้ 2-0
ทั้งสองทีมมีสถิติการพบกันที่สูสีมากๆ เจอกันมาทั้งหมด 26 ครั้ง เป็นเยอรมนีที่ชนะได้มากกว่า 1 ครั้ง (9-8) และเสมอกันไปอีก 9 ครั้ง ล่าสุดที่เจอกันคือฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เสมอกันไป 1-1
เริ่มเกมมาได้แค่ 6 นาทีเศษเท่านั้น สเปนต้องเสีย เปดรี้ กองกลางที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้ต้องส่งดานี่ โอลโม่ ลงมาเล่นแทน จากนั้นทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างบุกกันได้ลุ้น ทว่ายังไม่มีประตู จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังสเปนมาได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ ลามีน ยามาล ขึ้นเกมมาทางขวาก่อนเปิดให้ดานี่ โอลโม่ แปบริเวณจุดโทษผ่านตัวมานูเอล นอยเออร์ เข้าประตูไป ให้สเปนขึ้นนำ 1-0
จากนั้นเยอรมนีปูพรมบุกอย่างหนักหวังตีเสมอให้ได้ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 88 จากจังหวะที่โยชัว คิมมิช โหม่งตั้งให้กับฟลอเรียน เวิร์ตซ์ วอลเลย์เสียบมุมเข้าไป ตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1 และจบ 90 นาทียังตัดสินกันไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษนั้นต่างฝ่ายต่างแลกกันอย่างสนุก จนกระทั่งนาทีที่ 106 เยอรมนีน่าจะได้จุดโทษจากจังหวะที่จามาล มูเซียล่า ยิงไปติดแขนของมาร์ค คูคูเรย่า แต่ผู้ตัดสินแอนโทนี่ เทย์เลอร์ ไม่ให้จุดโทษ จนกระทั่งนาทีที่ 118 สเปนมาได้ประตูจากการโหม่งของ มิเกล เมริโน่ ให้สเปนออกนำอีกครั้ง 2-1
จากนั้นเวลาที่เหลืออีกราวๆ 3 นาทีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สเปนมาเหลือ 10 คน เมื่อดานี่ คาร์บาฆาล โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป แต่ก็ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม สเปน เฉือนเอาชนะ เยอรมนี ไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ