เริ่มเกมได้เพียง 4 นาที เช็กได้โอกาสทักทายก่อนจากจังหวะที่ โทมัส เนซิด ถูกเคราร์ด ปิเก้ ตัดฟาวล์บริเวณนอกกรอบเขตโทษ แต่ วลาดิเมียร์ ดาริด้า ยิงฟริคิกไปติดกำแพงไม่ได้ลุ้นอะไร
ผ่าน 10 นาทีแรก ทัพกระทิงดุเน้นการโจมตีแบบเพรสซิงกดดันเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เช็กอาศัยจังหวะโต้กลับเร็วโจมตีผู้เล่นของสเปน แต่แนวรับทั้งสองทีมยังไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 30 เป็นสเปนที่มีโอกาสบุกใส่ได้มากกว่า เล่นเกมเพรสซิงโจมตีใส่อย่างต่อเนื่อง ครองบอลกดดันอยู่ฝ่ายเดียว แต่แนวรับของเช็กยังคงไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น ขณะที่รูปเกมของเช็กดูเป็นรองอย่างชัดเจน แทบไม่มีโอกาสทำเกมบุกกดดันแนวรับทัพกระทิงดุเท่าไหร่นัก ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
เริ่มเกมครึ่งเวลาหลังไม่ถึง 2 นาที สเปนพลาดการได้ประตูออกนำจากจังหวะบุกกดดันใส่เช็กอยู่หลายจังหวะ ทั้งจากการสกัดบอลเกือบพลาดเข้าประตูตัวเองของ โรมัน ฮับนิค และการส่องประตูของเซร์คิโอ รามอส ,อัลวาโร โมราต้า และโนลิโต้ แต่ยังไม่เฉียบคมพอ
นาทีที่ 57 เช็กได้โอกาสเล่นเกมโต้กลับเร็วโจมตีใส่สเปน และเกือบได้ประตูออกนำจากการโอกาสของ โรมัน ฮับนิค แต่ยังไม่ผ่านมือดาวิด เด เฮอา
จนกระทั่งนาทีที่ 62 สเปนเริ่มขยับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในแนวรุกเพื่อหวังได้ประตูขึ้นนำ ด้วยการถอดอัลวาโร โมราต้าออก แล้วส่งอาริซ อดูริซ หอกจากบิลเบาวัย 35 ปี ลงเข้าเล่นแทน
จากนั้นนาทีที่ 70 ถอด เชสก์ ฟาเบรกาสออก ส่งธิอาโก้ อัลคานทาราลงมาแทน แต่แนวรับเช็กก็ยังคงช่วยกันสกัดเกมบุกทัพกระทิงดุได้ดี
เช็กขยับเปลี่ยนตัวผู้เล่นหวังใช้จังหวะฉาบฉวยใส่สเปน ด้วยการถอดโทมัส เนซิดออก แล้วส่ง ดาวิด ลาฟาตา ศูนย์หน้าจอมเก๋าวัย 34 ปี ลงเล่นแทน
ความพยายามของสเปนมาสำเร็จในนาทีที่ 87 เมื่ออันเดรส อิเนียสต้า ได้โอกาสครอสบอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนที่เคราร์ด ปิเก้ จัดการเทคตัวโขกเหน่งๆ ให้ทัพกระทิงดุออกนำ 1-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังเช็กเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะส่องไกลของวลาดิเมียร์ ดาริดา แต่บอลยังไปตรงตัวดาวิด เด เฮอา ก่อนจะไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิมได้ จบเกม แชมป์เก่าเฉือนเช็กหวุดหวิด 1-0 ประเดิม 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ