10 จุดพลิกผันสู่แชมป์สมัยที่ 18 ของ ปีศาจแดง

ไม่มีใครเชื่อว่ากุนซือระดับซือแป๋อย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ จะน็อตหลุดง่ายๆเมื่อถูกเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ป่วนประสาทด้วยเกมจิตวิทยาง่ายๆ

แต่เชื่อเถอะว่าภายหลังการตบะแตกครั้งนั้น มันได้ทำให้ความได้เปรียบทุกประการที่ลิเวอร์พูล เคยมีอยู่หมดไป

เพราะหลังจากนั้นหงส์แดงก็ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดในฤดูกาล พลาดโอกาสที่จะชนะในเกมที่ควรชนะหลายนัด (จำเสมอสโต๊ค 0-0 ได้หรือไม่?) ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าโกยแต้มจนหนีห่างในการเป็นจ่าฝูงแบบสบายใจ

ยกนี้ราฟาคือผู้แพ้อย่างแท้จริง กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรจะเล่นเกมจิตวิทยาด้วยอีกก็เข้าช่วงปลายฤดูกาลแว

กองหน้าดาวรุ่งชาวอิตาเลียนที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ถูกส่งลงสนามเป็นนัดแรกในเกมที่ทีมกำลังเผชิญภาวะล่อแหลมต่อความพ่ายแพ้มากที่สุด เมื่อโดนแอสตัน วิลล่า เล่นงานจนเจียนอยู่เจียนไปหลายที และถ้าแพ้ในเกมนี้โอกาสที่สถานการณ์จะพลิกผันกลายเป็นลิเวอร์พูล ที่แซงหน้าคว้าแชมป์ก็มีสูง

แต่สุดท้ายแล้วนอกจากความอึดตายยากที่เป็นธรรมชาติของ ปีศาจแดง ก็เกิดปาฏิหารย์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก็เกิดขึ้นเมื่อ เฟเดริโก้ มาเคด้า จารึกชื่อของเขาให้โลกรู้จักด้วยลูกยิงสุดคลาสสิคช่วยให้ทีมกลับมาเป็นผู้ชนะ 3-2

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่านี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของฤดูกาลด้วยซ้ำ

6 วันหลังจากปาฏิหาริย์ครั้งแรก มาเคด้า กลายเป็นตัว โจ๊กเกอร์ ให้กับทีมอีกครั้ง เมื่อลงมาเป็นตัวสำรองและทำประตูพลิกสถานการณ์ให้ทีมกลับมาชนะ 2-1 เหนือซันเดอร์แลนด์

ด้วยจังหวะยืนเฉยๆแต่ลูกยิงของไมเคิล คาร์ริค มาถึงตัวเองก็เลยสะกิดบอลเปลี่ยนทางอย่างเหนือชั้นเข้าไป!

ที่สำคัญกว่านั้นคือมันเกิดขึ้นหลังอาการตบะแตกฟาดงวงฟาดงาของราฟา เบนิเตซ แค่ 2 วันเท่านั้น

ซันเดอร์แลนด์ เป็นทีมที่สร้างปัญหาให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ได้เสมอไม่ว่าจะเจอกันที่ไหน เช่นกันกับการเจอกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ดูเหมือนขุนพลจากแวร์ไซด์ จะเก็บแต้มสำคัญให้กับ ริคกี้ สบราเกีย ผู้จัดการทีมที่เข้ามารับตำแหน่งชั่วคราวได้อยู่แล้ว

จนกระทั่ง เนมันย่า วิดิช มาโขกพังประตูชัยในช่วงนาทีสุดท้ายให้ทีมคว้าชัยชนะได้

อุตส่าห์ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งมันน่าจะเป็นการรูดม่านปิดฉากฤดูกาลไปแล้ว

แต่สุดท้ายหายนะก็เกิดขึ้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเนมันย่า วิดิช ทำพลาดปล่อยให้เฟร์นานโด ตอร์เรส เข้าไปยิงประตูตีเสมอให้ หงส์แดง

และมันก็กลายเป็นเกมอัปยศที่สุดของพวกเขาในฤดูกาลนี้กับความปราชัย 4-1 และที่สำคัญกว่านั้นคือมันเป็นการปลุกให้ลิเวอร์พูล กลับมามีลุ้นแชมป์อีกครั้งด้วย และทำให้คู่ปรับแห่งถนน M62 ต้องขับเคี่ยวกันจนถึงช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

สถานการณ์ตามหลัง 2-0 ในช่วงครึ่งแรกในรูปเกมที่ดูเหมือนจะหาทางกลับมายาก แม้แต่การไล่ตีเสมอก็ตาม ซึ่งมันอาจจะสะเทือนต่อความหวังในการรักษาแชมป์ได้

แต่จุดโทษในช่วงต้นครึ่งหลังได้กลายเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญ

จนถึงวันนี้แฟนสเปอร์ส ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาจะกลับมาแพ้ 5-2 ในช่วง 45 นาทีให้หลัง....