“แมนเชสเตอร์” ชวดเมืองที่ 3 ได้แชมป์ยุโรป 2 ใบ

"ปีศาจแดง" ต้องอกหักคว้ารองแชมป์ที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังจากดวลจุดโทษพ่ายให้กับ บียาร์เรอัล 10-11 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาพลาดสร้างประวัติศาสตร์เป็นเมืองที่ 3 ในโลกฟุตบอลที่มีทีมฟุตบอลสามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ทั้งถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ แมนฯซิตี้ จะเอาชนะ เชลซี ได้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ก็ตาม

ส่วน 2 เมืองที่ทำได้ก่อนหน้านี้ก็คือ เมืองมิลาน และ เมืองมาดริด โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่เมืองมิลานในปี 1994 โดย เอซี มิลาน คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีกไปครอง และ อินเตอร์ ได้แชมป์ยูฟ่าคัพ จากนั้นในปี 2018 ก็ตกเป็นของเมืองมาดริด โดย เรอัล มาดริด ได้แชมเปี้ยนส์ลีก และ ดิเอโก ซิเมโอเน่ นำ แอตเลติโก มาดริด ชูถ้วยยูโรป้า ลีก

อย่างไรก็ตามเมืองแมนเชสเตอร์ ไม่ใช่เมืองแรกของอังกฤษ ที่เกือบจะสร้างประวัติศาสตร์ดังกล่าวได้ เพราะก่อนหน้านี้ กรุงลอนดอน ก็เกือบกลายเป็นเมืองที่ 3 ที่ทำได้เมื่อปี 2019 หลัง เชลซี กับ อาร์เซน่อล สองทีมจากกรุงลอนดอนเข้าชิงชนะเลิศกันเองในศึกยูโรป้า ลีก ขณะที่แชมเปี้ยนส์ลีก สเปอร์ส เข้าชิงกับ ลิเวอร์พูล แต่สุดท้าย สเปอร์ส กลับไปแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ พลาดสร้างประวัติศาสตร์ไปอย่างน่าเสียดาย

ด้านสื่อในยุโรปต่างพากันเปิดเผยสถิติของ ดาบิค เด เคอา ผู้รักษาประตูแมนฯยูไนเต็ด ที่เป็นพลาดการยิงจุดโทษเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยสถิติที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ สถิติการเซฟจุดโทษของผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เนื่องจากนายด่านวัย 30 ปี เซฟจุดโทษให้ทัพ "ปีศาจแดง" ได้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเดือน เม.ย. ปี 2016 หรือ 5 ปีมาแล้ว โดยครั้งนั้นเป็นการเซฟลูกยิงของ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงเอฟเวอร์ตัน ในเกมเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ และช่วยให้ แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 2-1 แต่หลังจากนั้นมีลูกจุดโทษเกิดขึ้นอีก 36 ครั้ง แต่ เด เคอา ก็เซฟเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงจุดโทษที่เกิดขึ้นในเกมนัดชิงยูโรป้า ลีก ด้วย

เครดิตแหล่งข้อมูล : pptvhd36.com