นอกจากนี้ หัวหอกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า คู่แข่งตัวฉกาจที่จะมาแย่งแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ไปจากพวกเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นตัวของพวกเขาเอง เพราะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ ขุนพลสิงห์บลูส์ ออกลูกประมาท ไม่รักษาความมุ่งมั่นและทีมเวิร์กเอาไว้ โอกาสที่จะพลาดก็มีอยู่มากเช่นกัน
คู่แข่งอันดับ 1 ของเราไม่ใช่ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่คือตัวพวกเราเอง ที่ เชลซี นอกเหนือจากความสามารถแล้ว ความสำเร็จของเราขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจัง, ทีมเวิร์ก และสภาพจิตใจ ถ้าเรายังคงยึดมั่นในคุณค่าเหล่านั้น เราก็จะเดินหน้าคว้าแชมป์ต่อไป
สำหรับในฤดูกาลนี้ เชลซี มีการปรับปรุงทัพเล็กน้อย โดยพวกเขาคว้าตัว อาเซียร์ เดล ออร์โน่, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และ มิชาเอล เอสเซียง
โดยเฉพาะในรายของ เอสเซียง เจ้าของฉายา บักอึด หรือ เดอะ บัฟฟาโล่ ถือว่า สิงห์บลูส์ ซื้อตัวได้คุ้มค่าเงินปอนด์ที่ทุ่มลงไปมากที่สุด แต่เสียอย่างเดียว ดาวเตะกานา มักจะทุ่มเทมากเกินไป จนบางครั้งเกิดการปะทะที่รุนแรง และถูกกล่าวหาว่า เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นสกปรก
โดย ดร็อกบา รีบออกมาแก้ต่างให้กับเพื่อนร่วมทีมว่า ไม่ใช่นักเตะที่เลวร้ายอย่างที่ถูกครหานินทาแต่อย่างใด เพียงแค่ เอสเซียง เป็นผู้เล่นที่ทุ่มเทมากเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บางครั้งในการเข้าปะทะกัน ผลจึงออกมาดูรุนแรงก็เท่านั้นเอง
เอสเซียง ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่สกปรก เขาเพียงแค่ต้องการทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อ เชลซี เท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาต้องการชัยชนะ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการทำร้ายคนอื่นแต่อย่างใด เขาเป็นคนสุขุมมากๆ ผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำเขาเลย เพราะเขารู้ตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไร
บางครั้งคุณต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาต้องการแค่ปรับตัวเองให้เข้ากับวิธีการเล่นของที่นี่เท่านั้น เขาเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ไม่นาน เช่นเดียวกับที่ผมเคยพบช่วงเวลายากลำบาก เพราะมีอาการบาดเจ็บ และการย้ายประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนต้องใช้เวลาปรับตัว 2 หรือ 4 ปี แต่บางคนก็อาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ม.ค. - 10 ก.พ. หัวหอกวัย 27 ปี ต้องเดินทางร่วมทัพกับทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ เพื่อทำศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่ประเทศอียิปต์ ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะไม่สามารถอยู่ช่วยต้นสังกัดทำศึกในช่วงเวลาสำคัญได้ แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับใช้ชาติเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากๆ และหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์แห่งกาฬทวีปมาครองได้
มันเป็นเรื่องน่าผิดหวัง เพราะว่าผมอยากจะลงเล่นในเกมใหญ่ บางทีผมอาจจะพลาดเกมสำคัญๆ กับเชลซี หลายเกมด้วยกัน แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้ลงเล่นเกมใหญ่กับทีมชาติของผม เมื่อผมอยู่กับเชลซี ผมทุ่มเทเต็มที่ 120 เปอร์เซ็นต์ให้กับสโมสรของผม และเมื่อผมไปเล่นให้กับทีมชาติ มันก็เป็นอย่างเดียวกัน ดังนั้น เมื่อผมอยู่ที่นี่ผมก็จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย จากการกลับไปรับใช้ชาติ มันเป็นครั้งแรกของผมสำหรับรายการนี้ ผมต้องการคว้าถ้วยแชมป์กลับมาให้ได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน หัวหอกผมสลวย ยังรู้สึกปลื้มปิติไม่หาย ที่ได้มีโอกาสสวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน เพราะทุกครั้งที่ได้มายืนอยู่ในรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เหมือนกับเป็นยากระตุ้นทำให้ชีวิตสุขสดชื่นอยู่เสมอ และยังหวังว่า การที่ได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จะพบกับสิ่งแปลกใหม่มากมายให้ได้เจอะเจอทุกๆ วัน
ผมภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะว่า ผมอยู่กับสโมสรที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งในยุโรป ผมเป็นนักเตะที่โชคดีมาก ผมยังคงมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ และทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ผมสนุกกับตัวเอง และนี่คือช่วงที่ยอดเยี่ยมในชีวิตของผม ผมรู้สึกกระปี้กระเปร่าเพราะว่า ผมจะได้ลงเล่นในระดับสูงสุดอีกอย่างน้อย 2 ฤดูกาล ผมหวังว่ายังจะมีอะไรอีกมากมายให้ได้เผชิญกันต่อไป
แม้ว่า การขับเคี่ยวเพื่อแย่งชิง ดาวยิงเบอร์ 1 ในถ้ำ สแตนฟอร์ด บริดจ์ จะเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม แต่ตัวเลือกแรกในแดนหน้าในใจของ มูรินโญ่ ส่วนใหญ่จะเป็น ดร็อกบา เสมอ......