ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา คู่แข่งอันดับ 1 ของเราคือตัวพวกเราเอง

ดิเย่ร์ ดร็อกบา ผู้พบแต่ความสุขตลอดทั้งปี



ในช่วงปี 2005 บรรดานักฟุตบอลอาชีพต่างก็พบกับเหตุการณ์มากมาย
ทั้งความสุขเคล้าความเศร้า แต่สำหรับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา แล้ว เขาแทบจะพบแต่ความสุขมาตลอดในช่วงปีระกานี้ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักเตะของ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ที่ยิงประตูกระจุยกระจายจนพา เชลซี ผงาดยึดจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น และยังระเบิดฟอร์มยอดเพชฌฆาต พาทีมชาติบ้านเกิดไปตะลุย เวิลด์ คัพ ที่เมืองเบียร์ เป็นครั้งแรกได้อีกด้วย

ดร็อกบา ย้ายมาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ในยุคที่น้ำมันตราหมีขาวของ โรมัน อบราโมวิช ท่วมท้นล้นทะลักรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และก็ไม่ทำให้เม็ดเงินจากหยาดเหงื่อแรงงานของ เสี่ยหมี ต้องสูญเปล่า เพราะ ยอดกองหน้าทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ยิงประตูระเบิดเถิดเทิง จนพา สิงโตน้ำเงินคราม ขบถ้วย พรีเมียร์ชิพ มานอนกอดได้ หลังจากที่รอคอยจนเหงือกแห้งกว่า 50 ปี

ในฤดูกาลนี้ ดร็อกบา ต้องประสบปัญหาในการลงเป็นตัวจริงอยู่บ้าง เนื่องจาก โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือมาดยียวน เพิ่งจะกวักมือเรียก เฮอร์นัน เครสโป ศูนย์หน้าเลือดอาร์เจนไตน์ กลับมาประจำถ้ำสแตมฟอร์ด บริดจ์ และ เฮียเครียด ก็มักนิยมใช้ระบบกองหน้าตัวเดียว จึงทำให้ ดร็อกบา ต้องขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งกับ เครสโป มาตลอด แต่ด้วยฟอร์มที่คงเส้นคงวา ทำให้ ศูนย์หน้าทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ยึดตำแหน่งเพชฌฆาตเบอร์ 1 ในสีเสื้อสีน้ำเงินคราม ได้อย่างเด็ดขาดอีกครั้ง




แม้ว่า ชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม 3-2 ในเกมวันแกะกล่องของขวัญจากซันตาครอส


และแม้ว่าเชลซี จะดร็อป ดร็อกบา เป็นเพียงตัวสำรองอยู่ข้างสนามก็ตาม

แต่ไม่ใช่ว่า ยอดดาวยิงผิวสี จะไม่ได้รับความไว้วางใจจาก เฮียเครียด
แต่อย่างใด เพียงแต่ในช่วงสัปดาห์นี้ สิงโตน้ำเงินคราม ต้องมีเกมหนักติดต่อกัน ทำให้ต้องการพัก ดาวยิงทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ เพื่อเก็บความสดไว้ใช้งานในนัดต่อไป

และเคล็ดลับที่ทำให้ หัวหอกค่าตัว 24 ล้านปอนด์ สามารถระเบิดฟอร์มกระซวกตาข่ายได้อย่างสุดยอด

เป็นเพราะสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตในเมืองผู้ดีได้นั้นเอง

ผมทำผลงานได้ดีตอนอยู่ที่ฝรั่งเศส ครอบครัวของผมรู้สึกดีมากที่นั่น ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ เนื่องจากความแตกต่างด้านภาษา และทุกๆ อย่าง แต่ผมคิดว่าผู้เล่นทุกคนต่างก็ต้องการเวลา 1 ปี เพื่อปรับตัวด้วยกันทั้งนั้น เมื่อพวกเขาต้องจากประเทศตัวเองมา ผมใช้เวลาไป 1 ปีแล้ว ดังนั้น ผมจึงคิดว่าบางที 1 ปีก็น่าจะเพียงพอ


ทว่า จากการที่ เชลซี เป็นสโมสรที่มีนักเตะต่างชาติเป็นจำนวนมาก ทำให้โดนหลายๆ คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า


สิงโตแห่งเมืองหลวง โลดแล่นนำลิ่วอยู่ได้ทุกๆ วันนี้ เป็นเพราะมีบรรดาซูเปอร์สตาร์ที่ไม่ได้ถือพาสสปอร์ตของอังกฤษทั้งนั้น แต่สำหรับ ดร็อกบา รีบออกตัวมาปฏิเสธทันที เพราะ สิงห์บลูส์ ชุดนี้ ไม่ได้ใช้งานนักเตะต่างชาติเท่านั้น แต่มีบรรดาพ่อค้าแข้งสายเลือดผู้ดีเป็นแกนหลัก และผลงานที่ออกมาสุดยอด ก็เกิดจากการผสมผสานระหว่างยอดนักเตะของอังกฤษ และนักเตะต่างชาติเข้ากันได้เป็นอย่างดี

มันไม่ใช่การใช้จ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อปีก่อนเราได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้งยังเป็นแชมป์ลีก คัพ อีกด้วย ซึ่งเราต้องการจะเก็บชัยชนะแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผู้เล่นชาวอังกฤษของเรายังเป็นกระดูกสันหลังของทีมอยู่เหมือนเดิม แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก และ จอห์น เทอร์รี่ ก็เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดเช่นกัน

พร้อมกันนี้ อดีตนักเตะ โอลิมปิก มาร์กเซย ยังได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า เชลซี ในชุดปัจจุบันนี้ มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมากกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นอย่างมาก ร่วมทั้งยังแข็งแกร่งจนยากที่ใครจะล้มพวกเขาลงได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เชลซี จะแข็งแกร่งมากจนตอนนี้ทำแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 9 แต้มด้วยกัน แต่ ดร็อกบา ก็ยังไม่วางใจ เพราะเขาเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง โดยเฉพาะในโลกของฟุตบอล ย่อมมีสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ ดังนั้น จึงไม่ควรประมาทอย่างเด็ดขาด

เราดีขึ้นในเรื่องของสถิติ เราไม่ได้เล่นดีอย่างที่ต้องการ แต่เราก็ยังชนะ นอกจากนี้ เรายังพัฒนาขึ้นในเรื่องของประสบการณ์ด้วย เรารู้ว่าจะรับมือกับเกมยากๆ ได้อย่างไร ถึงแม้เราจะแพ้แต่เราก็รู้ว่าจะกลับมาได้อย่างไร แม้ตอนนี้ เราจะมีแต้มทิ้งห่างคู่แข่งมากพอสมควร แต่เรายังมีสิทธิ์ถูกไล่ทัน อะไรๆ ก็ยังเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เราจะไม่ประมาท


คู่แข่งอันดับ 1 ของเราไม่ใช่ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล หรือ แมนยู แต่คือตัวพวกเราเอง

นอกจากนี้ หัวหอกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า คู่แข่งตัวฉกาจที่จะมาแย่งแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ไปจากพวกเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นตัวของพวกเขาเอง เพราะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ ขุนพลสิงห์บลูส์ ออกลูกประมาท ไม่รักษาความมุ่งมั่นและทีมเวิร์กเอาไว้ โอกาสที่จะพลาดก็มีอยู่มากเช่นกัน

คู่แข่งอันดับ 1 ของเราไม่ใช่ ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่คือตัวพวกเราเอง ที่ เชลซี นอกเหนือจากความสามารถแล้ว ความสำเร็จของเราขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจัง, ทีมเวิร์ก และสภาพจิตใจ ถ้าเรายังคงยึดมั่นในคุณค่าเหล่านั้น เราก็จะเดินหน้าคว้าแชมป์ต่อไป

สำหรับในฤดูกาลนี้ เชลซี มีการปรับปรุงทัพเล็กน้อย โดยพวกเขาคว้าตัว อาเซียร์ เดล ออร์โน่, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และ มิชาเอล เอสเซียง
โดยเฉพาะในรายของ เอสเซียง เจ้าของฉายา บักอึด หรือ เดอะ บัฟฟาโล่ ถือว่า สิงห์บลูส์ ซื้อตัวได้คุ้มค่าเงินปอนด์ที่ทุ่มลงไปมากที่สุด แต่เสียอย่างเดียว ดาวเตะกานา มักจะทุ่มเทมากเกินไป จนบางครั้งเกิดการปะทะที่รุนแรง และถูกกล่าวหาว่า เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นสกปรก

โดย ดร็อกบา รีบออกมาแก้ต่างให้กับเพื่อนร่วมทีมว่า ไม่ใช่นักเตะที่เลวร้ายอย่างที่ถูกครหานินทาแต่อย่างใด เพียงแค่ เอสเซียง เป็นผู้เล่นที่ทุ่มเทมากเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บางครั้งในการเข้าปะทะกัน ผลจึงออกมาดูรุนแรงก็เท่านั้นเอง

เอสเซียง ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่สกปรก เขาเพียงแค่ต้องการทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อ เชลซี เท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาต้องการชัยชนะ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการทำร้ายคนอื่นแต่อย่างใด เขาเป็นคนสุขุมมากๆ ผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำเขาเลย เพราะเขารู้ตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไร

บางครั้งคุณต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาต้องการแค่ปรับตัวเองให้เข้ากับวิธีการเล่นของที่นี่เท่านั้น เขาเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ไม่นาน เช่นเดียวกับที่ผมเคยพบช่วงเวลายากลำบาก เพราะมีอาการบาดเจ็บ และการย้ายประเทศ มันไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนต้องใช้เวลาปรับตัว 2 หรือ 4 ปี แต่บางคนก็อาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ม.ค. - 10 ก.พ. หัวหอกวัย 27 ปี ต้องเดินทางร่วมทัพกับทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ เพื่อทำศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่ประเทศอียิปต์ ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะไม่สามารถอยู่ช่วยต้นสังกัดทำศึกในช่วงเวลาสำคัญได้ แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับใช้ชาติเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากๆ และหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์แห่งกาฬทวีปมาครองได้

มันเป็นเรื่องน่าผิดหวัง เพราะว่าผมอยากจะลงเล่นในเกมใหญ่ บางทีผมอาจจะพลาดเกมสำคัญๆ กับเชลซี หลายเกมด้วยกัน แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้ลงเล่นเกมใหญ่กับทีมชาติของผม เมื่อผมอยู่กับเชลซี ผมทุ่มเทเต็มที่ 120 เปอร์เซ็นต์ให้กับสโมสรของผม และเมื่อผมไปเล่นให้กับทีมชาติ มันก็เป็นอย่างเดียวกัน ดังนั้น เมื่อผมอยู่ที่นี่ผมก็จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย จากการกลับไปรับใช้ชาติ มันเป็นครั้งแรกของผมสำหรับรายการนี้ ผมต้องการคว้าถ้วยแชมป์กลับมาให้ได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน หัวหอกผมสลวย ยังรู้สึกปลื้มปิติไม่หาย ที่ได้มีโอกาสสวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน เพราะทุกครั้งที่ได้มายืนอยู่ในรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เหมือนกับเป็นยากระตุ้นทำให้ชีวิตสุขสดชื่นอยู่เสมอ และยังหวังว่า การที่ได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จะพบกับสิ่งแปลกใหม่มากมายให้ได้เจอะเจอทุกๆ วัน

ผมภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะว่า ผมอยู่กับสโมสรที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งในยุโรป ผมเป็นนักเตะที่โชคดีมาก ผมยังคงมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ และทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้มาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ผมสนุกกับตัวเอง และนี่คือช่วงที่ยอดเยี่ยมในชีวิตของผม ผมรู้สึกกระปี้กระเปร่าเพราะว่า ผมจะได้ลงเล่นในระดับสูงสุดอีกอย่างน้อย 2 ฤดูกาล ผมหวังว่ายังจะมีอะไรอีกมากมายให้ได้เผชิญกันต่อไป

แม้ว่า การขับเคี่ยวเพื่อแย่งชิง ดาวยิงเบอร์ 1 ในถ้ำ สแตนฟอร์ด บริดจ์ จะเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม แต่ตัวเลือกแรกในแดนหน้าในใจของ มูรินโญ่ ส่วนใหญ่จะเป็น ดร็อกบา เสมอ......

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์