คุก 10 ปี! แก๊งชั่วโพสต์หมิ่นเบื้องสูง

ศาลตัดสินจำคุก 20 ปี หนุ่มนครพนมหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เผยแพร่ข้อความผ่านทางอินเทอร์เน็ต ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกเป็นเวลา 10 ปี เจ้าตัวถึงโฮลั่นศาล



ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวกับคดี

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น



มาตรา 91 เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้

(1) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี



มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี



รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

มาตรา 8 องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้



มาตรา 9 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก



พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน



มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



รายงานข่าวเกี่ยวกับคดี

วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1033/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุวิชา หรือ ชินภัสร์ ท่าค้อ อายุ 34 ปี ชาว จ.นครพนม เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83, 91 อนุมาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8, 9 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 อนุมาตรา 2 มาตรา 16 วรรค 1



คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15-16 ส.ค.2551 จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการต่อเติมภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ แล้วเผยแพร่รูปภาพทางเว็บไซต์ อันเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท กระทั่งวันที่ 14 ม.ค.2552 พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดตามจับกุมจำเลยได้บริเวณหน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมของกลางหลายรายการ แจ้งข้อหาดำเนินคดี



จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด



ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง หลายบทหลายกรรม ให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาลงโทษจำคุก รวม 2 กระทง ๆ ละ 10 ปี รวม 20 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารรา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 10 ปี



ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสุวิชา ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถึงกับร่ำไห้ ขณะที่มีบิดา มารดา และญาติๆ ซึ่งเดินทางจาก จ.นครพนม ก็ร่ำไห้เช่นกัน แต่ต้องคอยปลอบ นายสุวิชา ระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวกลับไปควบคุมไว้บริเวณใต้ถุนศาลอาญา



สำหรับผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต จากนั้น พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ นำหมายค้นเลขที่ 78/2552 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 277/149 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กทม.ภายหลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นสถานที่ใช้เผยแพร่ข้อความ และคลิปวิดีโอหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ยูทูป



เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว เนื้อที่ 25 ตารางวา ประตูบ้านมีกุญแจล็อกอยู่ จึงประสานให้ญาติของเจ้าของบ้านนำกุญแจมาเปิดประตู และร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเครื่องคอมพิวเตอร์ และบิลค่าโทรศัพท์จํานวนหนึ่งมาตรวจสอบ



จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว คือ นายสุวิชา ท่าค้อ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับญาติที่ จ.นครพนม ดีเอสไอจึงมอบหมายให้ พ.ต.ต.กล้าหาญ คล่องพยาบาล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงส์มณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ออกติดตามจับกุม

ขอขอบคุณ รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ










เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์