แข้ง12ไทยพ่ายเด็กปารีสฯชิงแค่ที่5ศึกไซตามะ

   

แข้ง12ไทยพ่ายเด็กปารีสฯชิงแค่ที่5ศึกไซตามะ






แข้ง 12 ปีไทยไปไม่ถึงฝัน ทำได้แค่ชิงอันดับ 5 เท่านั้น หลังพ่ายเด็กปารีส-แซงต์ แชร์กแมง 1-2 ก่อนจะเอาชนะจุดโทษทีมคุนม่า 5-3 หลังเสมอในเวลา 0-0 เสี่ยชาติ ศุภชาติ อาจวิบูลย์พร ผจก.ทีม รับพอใจภาพรวมของเด็กที่มีความมุ่งมั่น แต่ด้วยสภาพแดดร้อนจัด แถมต้องมาเล่นสนามหญ้าเทียม ทำให้เด็กเล่นฟอร์มเก่งไม่เต็มร้อย หวังซิวอันดับ 5 ให้ได้


ชัชวลิต คุณสิทธิ์ ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา และ ชรัตน์ เบ็ญรัศซอ ช่างภาพสยามกีฬาทีวี รายงานความเคลื่อนไหวของทีมเยาวชน 12 ปีทีมชาติไทย ชุดลุยศึกฟุตบอล ไซตามะ คัพ 2010 ที่เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 22-26 ก.ค.นี้ โดยทีมชาติไทยพกดีกรีแชมป์เก่าไปด้วย โดยจะเล่นครึ่งละ 20 นาที 2 ครึ่ง
 

ล่าสุดในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เด็กไทยลงเล่นในรอบดิวิชั่น 1 หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเอาอันดับ 1 ของทั้ง 8 กลุ่มมาแข่งขันแบบน็อกเอาต์ พบกับเยาวชนปารีส-แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส
 

เกมนัดนี้เด็กไทยส่ง กฤษณะ เกียรติทองมา, จิรวัฒน์ ทองแสงพราว, ชิษณุพงษ์ วสุสิริศักดิ์, เทพวิรุฬห์ ฉัตรกิตติโรจน์, อภิสิทธิ์ มีพันธ์, อนันต์ สุรัตนศิลป, ธนภัทร ข่าทิพย์พาที, วรเทพ อาจวิบูลย์พร, คทาธร มะธิปิไข, ธนาธิป ขันทอง, ฐาป์นพัต วงศ์เพ็ชรพูน ลงสนามเป็น 11 คนแรกท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดในเวลา 10.00 น. (เร็วกว่าไทย 2 ชม.) อุณหภูมิเกือบ 40 องศาฯ ที่สนามหญ้าเทียมฮัดจิโอจิ ในเมืองไซตามะ
 

ครึ่งเวลาแรกทั้ง 2 ทีมเล่นกันสนุก แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์กันไม่ได้เสมอกัน 0-0 แต่ครึ่งเวลาหลังเด็กไทยถอด วรเทพ อาจวิบูลย์พร ออกแล้วให้ สมเกียรติ บุญมี เข้าแทน น.26 ไทยเสียประตูก่อน เมื่อกองหลังเคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทางหอกผิวสีอย่างของปารีสอย่าง เควิน โชเม ซัดแค่ 5 หลา กฤษณะ เกียรติทองมา ปัดได้จังหวะแรกแต่ด้วยความแรงของบอลปลิ้นเข้าประตู ทั้งที่ กฤษณะ พยายามคว้าเอาไว้ แต่ไม่ทันบอลข้ามเส้นไปแล้ว เด็กไทยโดนนำ 1-0
 

น.29 ไทยเอา ธนาธิป ขันทอง ออกแล้วให้ รชตะ สมพร ลงสนามจากนั้นเด็กไทยบุกหนัก แต่ น.30 พาโบล กองหน้าของปารีสได้โหม่งจ่อไม่ถึง 5 หลาเข้าไปอีกเด็กไทยตามปารีส 0-2 แต่เด็กไทยไม่ยอมแพ้ น.37 อนันต์ สุรัตนศิลป์ หลุดไปซัดนอกรอบเขตโทษระยะ 15 หลาบอลเสียบคานสุดสวยทำให้เด็ก 12 ปีไทยตามมาติดๆ 1-2 ช่วงเวลาที่เหลือไทยโหมบุกหนัก แต่ว่าพลาดเป้าไปหมด ทำให้หมดเวลาไทยแพ้ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง 1-2 ได้ลุ้นแค่ชิงอันดับ 5-8 เท่านั้นเอง
 

หลังจากนั้นเด็กไทยได้พักอีก 2 ชั่วโมง ก่อนจะมาเจอทีมคุนม่า จากประเทศญี่ปุ่น โดยเกมนัดนี้เด็กไทย สลับให้ตัวสำรองเล่นสนามบ้าง เนื่องจากตัวจริงหลายคนเจอพิษหญ้าเทียมเล่นเอาเท้าพองไปตามๆ กัน โดยผู้รักษาประตูเป็น กฤษณะ เกียรติทองมา, จิรวัฒน์ ทองแสงพราว, ชิษณุพงษ์ วสุสิริศักดิ์, เทพวิรุฬห์ ฉัตรกิตติโรจน์, พีฬาวัช อรรคธรรม, อภิสิทธิ์ มีพันธ์, สมเกียรติ บุญมี, ธนภัทร ข่าทิพย์พาที, วรเทพ อาจวิบูลย์พร, อาณากร สีหามาตย์, รชตะ สมพร ลงสนาม
 

โดยตลอด 40 นาทีทั้งเกม 2 ทีมแทบจะหาโอกาสยิงประตูกันไม่ได้เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนนักเตะเล่นกันไม่ออกแถมยังเพิ่งเล่นมาในช่วงเช้าด้วย ทำให้หมดเวลาเสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ เพื่อลุ้นหาทีมเข้าชิงอันดับ 5-6 ของดิวิชั่น 1 ด้วย ก่อนเป็นไทย ที่แม่นกว่ายิงโทษเอาชนะไปได้ 5-3 ผ่านไปรอบพบผู้ชนะของทีมจากบาห์เรน หรือทีมคามามูโตะ ซึ่งผลปรากฏว่าทีมคามามูโตะ ชนะ ทีมบาห์เรนมา 1-0
 

หลังเกม ศุภชาติ อาจวิบูลย์พร ผจก.ทีม 12 ปีได้เปิดเผยว่า วันนี้เกมแรกเด็กเราเล่นได้ดี จัดการกับนักเตะผิวสีกองหน้าของเขาได้อยู่หมัดในครึ่งแรก แต่ด้วยสมาธิที่เสียง่ายๆ ทำให้โดนนำก่อนถึง 2-0 แต่พอมาได้ 1-2 ในช่วงท้ายเกมเด็กเราโหมเยอะแต่จบกันไม่ได้เอง
 

พอเจอทีมคุนม่า เราเองก็อยากให้ตัวสำรองลงบ้าง เลยสลับนักเตะหลายตำแหน่ง ต้องยอมรับว่าเรื่องของสภาพสนามหญ้าเทียมกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้นักเตะหลายคนเท้าพอง จนไม่สามารถเล่นต่อได้เลย แต่ภาพรวมนักเตะชุดนี้ได้มาตรฐานเล่นด้วยความมุ่งมั่นมากๆ โอเคเลย ส่วนเรื่องเกมชิงอันดับ 5 บอกเลยว่าหวังจะเอาอันดับ 5 กลับไปให้ได้ไม่มีกลัวแน่นอน ผจก.ทีม 12 ปีกล่าวปิดท้าย
 

โดยเด็ก 12 ปีไทยจะลงสนามชิงอันดับ 5-6 ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ที่สนามฮัดจิโอจิ เวลา 10.00 น. กับทีมคามามูโตะ
 

ส่วนการแข่งขันชิงอันดับ 3 ของศึกไซตามะ คัพ เป็นการพบกันระหว่างทีม ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ที่แพ้ทีมไซตามะ 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ พบกับทีมชิบะ ที่แพ้จุดโทษทีมอิบะระกิ 5-4 หลังเสมอในเวลา 1-1 ที่สนามไซตามะ 2 เวลา 11.00 น.
 

ส่วนเด็ก ไทย จะชิงอันดับ 5 กับทีมคามามูโตะ ที่ชนะทีมบาห์เรนมา 1-0 ที่สนามไซตามะ 2 เช่นกัน เวลา 10.00 น. ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะแข่งขันสนามไซตามะ สเตเดี้ยม เวลา 13.30 น. เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากญี่ปุ่นอย่างทีมไซตามะ พบกับทีมอิบะระกิ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์