หงส์ที่ลำบาก?

ตกลงแล้วลิเวอร์พูล จะได้ใครบ้าง? คำถามนี้เดอะ ค็อป หลายคนคงอยากรู้

เอาชัดๆนั้นที่มีกระแสข่าวว่าค่อนข้าง ชัวร์ ยังไม่มีเลยสักคน มีแค่ข่าวว่าน่าจะได้ ซิลแว็ง ดิสแต็ง เพื่อมาทดแทนตำแหน่งของ ซามี่ ฮูเปีย และการเปิดเผยจากตุนชาย ซานลี่ กองหน้าจอมลีลาของ มิดเดิลสโบรช์ ว่าได้รับการติดต่อมาเท่านั้น ขณะที่ยังกังขากันคือรายของ เอเซเกวล ลาเวซซี่ กองหน้าอาร์เจนไตน์ จากนาโปลี และ เคลแบร์ กองหน้าชาวบราซิล ของครูไซโร่ ที่ไม่รู้จะยังไงกันแน่

สรุปก็คือจนถึงตอนนี้ ราฟา ที่ประกาศโต้งๆเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ว่าจะพยายามหานักเตะเข้ามาเสริมทีมให้ได้โดยเร็วที่สุด และต้องเป็นนักเตะที่ ใช่ สำหรับการลงทุนซื้อมาเสริมให้ดีกว่าเก่าด้วยแล้วนั้น จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้ใครเข้ามาบ้าง

สถานการณ์แบบนี้จะบอกว่าไม่น่าเป็นห่วงก็กระไร ในเมื่อเห็นอยู่ว่าคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี หรืออาร์เซนอล ดูจะขยับแข้งขยับขาได้ถนัดกว่าในการตามล่าเป้าหมาย

โดยเฉพาะเชลซี ที่ปีนี้จะกลับมา ช็อปแหลก อีกครั้ง เพื่อสร้างทีมชุดใหม่ที่จะถ่ายเลือดจากยุค มูรินโญ่ และเอาแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ ปีนี้น่าจะมีชื่อตัวระดับท็อปเข้ามาหลายคน

อะไรคือปัญหาของลิเวอร์พูล? เรื่องบัญชีติดลบที่เป็นข่าวอย่างนั้นหรือ?

คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่

ทีบอกว่าใช่ก็เพราะ เรื่องหนี้สินรุงรังที่สองเจ้าของชาวอเมริกันไปก่อไว้และยังไม่มีปัญญาหาเงินมาชดใช้เขา แถมยังต้องจ่ายดอกกันหัวบานกว่า 30 ล้านปอนด์ต่อปี มันย่อมกระเทือนต่อเรื่องงบประมาณในการทำทีมบ้างอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย

ความจริงเงินหลัก 30 ล้านปอนด์นั้น เกือบจะเท่ารายได้ตลอดทั้งปีของทีมด้วยซ้ำไป ซึ่งคิดกันตรรกะง่ายๆว่าหากไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยคืนให้ธนาคาร ราฟา อาจจะได้งบประมาณก้อนนี้เข้ามาเสริมทีมก็ได้

แม้จะมีการยืนยันจาก แหล่งข่าว ซึ่งมีความใกล้ชิดกับทางด้าน ฮิคส์ และจิลเล็ตต์ ว่าราฟา ไม่ได้ถูกตัดงบไปด้วย และยังโม้แถมด้วยว่าจริงๆแล้วลิเวอร์พูล มี กำลังภายใน ที่เหนือกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำไปในซีซั่นนี้

แต่ปัญหาเรื่องงบประมาณตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้เราไม่ควรจะเชื่อแหล่งข่าวที่ว่านัก

นอกจากนี้ยังมีอีกปัญหาใหญ่ที่หลายคนมองไม่เห็นในเวลานี้ก็คือการที่ ราฟา ตัดสินใจ รวบ เอาอำนาจการตัดสินใจเรื่องงบประมาณมาไว้ในมือตัวเองทั้งหมด หลังประสบความสำเร็จในเกมการเมืองภายในเลื่อยขาเก้าอี้ของ ริค แพร์รี่ ซีอีโอสโมสรที่ถูกกล่าวหาว่าทำงานชักช้าจนทำให้พลาดนักเตะเป้าหมายไปหลายราย

จะดีจะชั่วแต่ก็อย่าลืมว่าแพร์รี่ เป็นซีอีโอที่ เป็นงาน มากที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอล และการที่ขาดผู้บริหารที่จะคอยทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงานให้ในการเจรจากับใคร

ตรงนี้กลายเป็น ภาระ ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับเฮียหนวด เพราะลิเวอร์พูล ก็ยังไม่มีข่าวว่าจะแต่งตั้งใครเข้ามาทำงานแทน แพร์รี่ มีแค่การคาดว่าจะเป็น เอียน อายร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดที่จะได้ทำหน้าที่แทนเท่านั้น (มีข่าว เดวิด ดีน อดีตรองประธานสโมสรอาร์เซนอลด้วย)

ทั้งสองเรื่องก็เลยกลายเป็นตัวถ่วงไม่ให้ลิเวอร์พูล เดินหน้าได้เต็มสตรีมในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ดูเหมือนว่าทำอะไรชักช้าไปหมด

อย่างไรก็ดี ก็อยากจะชี้ให้เดอะ ค็อป เข้าใจและอย่าเพิ่งคิดมากหรือตีโพยตีพายอะไรเกินไป เพราะเดี๋ยวนี้การซื้อนักเตะเข้ามาสักคนมันไม่ง่าย

โดยเฉพาะเมื่อมีทีมที่อำนาจทางการเงินนั้นอยู่นอกเหนือ ระบบ อย่าง แมนฯ ซิตี้ และปีนี้ก็มีทีมยักษ์ใหญ่ที่กำลังเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงถึง 3 ทีมคือ เชลซี, เรอัล มาดริด และเอซี มิลาน

บรรดาตัวดีๆเด่นๆย่อมเป็นเป้าหมายของทีมเหล่านี้ไปโดยปริยาย และไม่ต้องสงสัยว่าเรื่องอำนาจทางการเงินมันเทียบกันไม่ได้

ขนาดผู้เขียนที่อยู่ห่างไกลยังเข้าใจได้ แล้วทำไมคนวงในอย่าง ราฟา จะไม่เข้าใจ? ดังนั้นเชื่อได้ว่าเวลานี้มันมีการเดินหมากกันอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างลิเวอร์พูล ที่คงจะต้องงัดกลยุทธ์แรงจูงใจมาใช้มากเป็นพิเศษ

สำหรับตัวดีๆอย่าง ซิลบา จอห์นสัน หรือ ลาเวซซี่ หากย้ายเข้ามาก็ขอให้เชื่อใจได้ว่านักเตะเหล่านี้ มีใจ ให้จริงๆ ไม่ได้มาเพราะเรื่องเงิน

หรือถ้าสุดท้ายจะได้แค่ ดิสแต็ง, ตุนชาย ก็ไม่ต้องคิดมาก

ถ้าลิเวอร์พูล ไม่โดนฉกตัวเทพอย่าง มาสเคราโน่ หรืออลอนโซ่ไป มองจากขุมกำลังของทีมและผลงานในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวจนเกินไป

ราฟา ก็บอกไว้เองว่า กระดูกสันหลัง ของทีมยังอยู่ครบแขนขาจะง่อยเปลี้ยไปบ้าง มันคงไม่ทรุดหนักเท่าไหร่หรอก...

    *** ในความคิดของผม  ทีมลิเวอร์พลู ปัจจุบัน ยิ่งใหญ่ หรือเเข็งเเกร่งเหมือน สมัยก่อน ขณะที่ เชลซี เเมนยู เเละทีม อื่น ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่เเน่อาจล้มละลาย ไปเลย(เวอร์ไปใช่ไหม)  เพราะการเงิน  กำลังขัดสน ขณะทีมอื่นกำลัง ซื้อนักเเตะเสริมทัพ มากมาย