สิ่งที่ได้เรียนรู้ของเด็กชายเจอร์เก้น คลิ้นสมันน์และเพื่อนๆอนุบาลเสือใต้ .-_-., โดยพี่ๆสารพัดช่าง แห่งแคว้นกาตาลัน

ก่อนอื่นต้องให้เครดิตกับทีมเจ้าถิ่น กว่าจะเล่นเข้าขากันได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเป๊ป กวาดิโอลาร์แกเทพมาจากไหนหรอกคับ
แกเก่งจริงๆล่ะ แต่ว่าการได้มรดกทีมที่ปั้นกันมาตั้งแต่หลุยส์ ฟาน กัล, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด จนมาถึงมือแก
โครงสร้างทีมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเท่าไหร่นัก เท่ากับว่ากว่าจะเป็นบาร์ซ่าที่ไร้เทียมทานได้ขนาดนี้
ก็ต้องใช้เวลากันเกือบสิบปี สานต่อกันมาเรื่อยๆ
ส่วนอนุบาลเสือน้อยของเรา..

ดช.ฮันส์ ยอร์ก บุทท์ได้เรียนรู้เมื่อปูนนี้แล้วว่า ถ้าต้องเล่นด้วยแผงหลังใจเสาะอย่างนี้
กรุณาเอาขวดเบียร์ตีหัวตัวเองให้สลบเหมือดในห้องแต่งตัวไปเลย ดีกว่าจะลงสนามมารับกรรมแบบนี้

ดช.มิโช่ได้เรียนรู้ว่า อย่างไว้ใจเซนเตอร์แบ๊คประเทศเพื่อนบ้านวัยละอ่อนให้มาก

ดช.เบรโน่ได้เรียนรู้ว่า เพื่ออนาคตที่สดใส ไฉไลกว่าตอนนี้
กรุณาย้ายสถานศึกษาไปยังที่ๆจะได้ลงเล่นบ่อยๆโดยด่วน

ดช.อ๊อดโด้ได้เรียนรู้ว่า หลังจากค่ำคืนนี้
ยังมีคนคิดถึงนักเรียนเก่าที่ชื่อวิลลี่ ซาญอลอีกมากมายนัก เมื่อเห็นการเล่นของนู๋อ๊อด

ดช.เลล์ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตนู๋โดนเด็กชายคลิ้นซี่ทำร้าย และทำลายอย่างชัดเจนจงใจ
เล่นแบ๊คขวาข้างถนัดยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอดเร้ย นี่ต้องโยกมาอีกฝั่ง
แถมยังต้องมาเจอเลขที่10โรงเรียนนู้นเข้าไปอีก.. คาดว่าคงงอนอะไรเมสซี่ซักอย่าง
ไม่ยอมยืนใกล้ๆกันเลย ประกบห่างเป็นไมล์ทะเล
ดับอนาถแล้วล่ะ น้องเอ๊ย..

ดช.เซ โรแบร์โต้ ได้เรียนรู้ว่า คนที่เล่นดีที่สุดในทีมวันนี้ยังสามารถถูกเปลี่ยนออกได้หน้าตาเฉย..

ดช.ชไวนี่ได้เรียนรู้ว่า สักวันนู๋จะต้องเป็นอย่างพี่อิเนียสต้าให้ได้(แล้วจะได้มั้ยเนี่ย)

ดช.ฟาน บอมเมลได้เรียนรู้ว่า การเป็นหัวโจกที่ดี ต้องวางบอลแม่นๆซ่าส์ๆ เปลี่ยนแกนได้ตลอดทั้งเกม
วันนี้น้องเกือบจะทำได้ดีแล้วล่ะคับ แต่เพื่อนร่วมทีมไม่เอื้ออำนวยเท่านั้นเอง

ดช.อัลตินท็อปได้เรียนรู้ว่า การมีสมาธิและไม่ถูกชื่อชั้นคู่แข่งข่มขวัญ คือสิ่งที่สำคัญมากๆในสนาม
เพราะวันนี้น้องชายเล่นฟุตบอลได้เกร็งซะเยี่ยวเหนียวไปเลยคับ สมควรโดนเปลี่ยนออกด้วยประการทั้งปวง

ดช.ริเบรี่ได้เรียนรู้ว่า นักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุด คือนักฟุตบอลที่ขับเคลื่อนทีมไปข้างหน้าได้ทั้งทีม
โอเคคับ น้องโซโล่ได้กระจายมากคับ พี่ไม่เถียง
แต่ตราบเท่าที่น้องยังไม่ใช่เพื่อนร่วมทีมให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ น้องก็จะยังไม่ใช่นักเตะระดับโลกนะคับ
นึกถึงคนบ้านเดียวกันที่ชื่อซีเนดีน ซีดานสิคับน้อง

สิ่งที่เด็กชายโทนั่น เอ๊ย โทนี่ได้เรียนรู้ คือ หากน้องยังอยากจะสนุกกับการเล่นฟุตบอลระบบหน้าเดี่ยว
กรุณากลับอิตาลีเถอะคับ พี่มั่นใจว่าคนเยอรมันเค้าไม่มีวันเข้าใจระบบนี้หรอก

และสุดท้าย
สิ้งที่ดช.คลิ้นซี่ผู้เป็นหัวหน้าห้องได้เรียนรู้จากการมาทัศนศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่
างกาตาลัน วิทยาเขตคัมป์ นูแห่งนี้
ก็คือ คุณยังเต็มไปด้วยความอ่อนหัด และยังต้องเรียนรู้อีกเยอะมากๆคับ
และถ้าจะให้ดีกว่านี้ กรุณาหาผู้ช่วยเทรนเนอร์มือดีๆเก๋าประสบการณ์มานั่งคู่กับคุณโดยด่วน
เพราะคืนนี้พิสูจน์แล้วว่า ชีวิตการเป็นเทรนเนอร์ของคุณยังไม่เก๋าพอ
ที่จะประคองทีมในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หรือผ่อนหนักเป็นเบาได้
การวางแท๊คติกก่อนเกมล้มเหลว การแก้เกมระหว่างแข่งขันมีผลเป็นศูนย์ นี่คือความจริงในวันนี้

การใส่มิดฟิลด์เชิงรุกถึงสี่จากห้าตัว โดยที่ฟาน บอมเมลเองก็ไม่ใช่ตัวรับโดยธรรมชาติ
ผลคือตรงกลางเละคับ อย่าว่าแต่คุมเกมตั้งเกมตัวเองเลย ตัดเกมฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
การใช้งานเซนเตอร์แบ๊คดาวรุ่งอย่างเบรโน่ในเกมโหดขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีโอกาสในทีมชุดใหญ่เลย
แล้วยังเลือกใช้ไลน์ดีเฟนซ์สี่ตัวหน้ากระดาน ทั้งที่ขาดเซนเตอร์ตัวหลักไปสองจากสาม
แถมแบ๊คซ้ายตัวความหวังที่จะหยุดเกมบุกบาร์ซ่าดันมาเจ็บก่อนเกม ต้องโยกแบ๊คขวามาขัดตาทัพ
ผลคือช่องว่างมากมายที่เกิดขึ้นจากการยืนตำแหน่งที่ผิดพลาดตลอดทั้งเกม
กล้าให้แบ๊คซ้ายจำเป็นอย่างเลล์ ตามดูแลตัวแสบอย่างเมสซี่ แบบตัวต่อตัว
ที่สำคัญกว่านั้น ปัญหาเดิมๆของวงการฟุตบอลเยอรมัน เรื่องการวิ่งของผู้เล่นที่ไม่มีบอลกับตัว
คลิ้นซี่บอกว่าจะพาทีมเข้าสู่ฟุตบอลยุคใหม่ ผมว่ามันเป็นแค่เรื่องของภาพลักษณ์ซะมากกว่า
นักบอลจ่ายบอลไปแล้ว เพื่อนได้บอล แทนที่จะวิ่งทำทางหรอว่าหาช่องรับบอลจากเพื่อน.. ไม่มี๊
สิ่งที่เห็นๆกันอยู่ ความต่างเวลาบาร์ซ่าได้บอล แทบจะเล่นชิ่งสามเหลี่ยมทุกครั้ง ทุกคนเคลื่อนไหวตลอด
นักเตะบาร์ซ่าสามคนเป็นอย่างน้อยที่จะวิ่งไปรับบอลจากเพื่อนในระยะใกล้ๆ บาเยิร์นล่ะ?

ที่สำคัญ ผมไม่เคยเห็นบาเยิร์นในยุคพึ่งพาสตาร์ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
แม้แต่ยุคของบัลลัค บัลลัคเองก็ยังไม่ได้มีผลกับความเป็นความตายของทีมเท่าริเบรี่ในตอนนี้
ทีมพึ่งพาสตาร์ขนาดนี้ สื่อให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปรับจูนการเล่นของทีม แต่ปิดบังไว้ด้วยผลงานของผู้เล่นเพียงสองสามคนในสนาม
ผมมั่นใจว่าในยุคของมากัธ ทีมเล่นได้สูสีกว่านี้แน่ๆ แท๊คติกของเค้าอาจจะโบราณ บุกไม่หวือหวา แต่การครองเกมเนียนกว่าตอนนี้เยอะ
เพราะอย่างน้อยในสมัยของมากัธ นักเตะจะเคลื่อนที่รับส่งบอลกันตลอดเวลา และที่สำคัญ ไม่เล่นตามเกมฝั่งตรงข้าม
ผู้เล่นเกือบทุกคนในยุคของมากัธมีส่วนกับเกมเกือบทุกตำแหน่ง
ฟริงกส์,บัลลัค,โชล,มาคาย,ซาญอล,ชไวนี่,ฮาร์โก้,บาสตี้,บราซโซ่ พวกนี้มีส่วนร่วมกับเกมเสมอๆ ไม่ให้ภาระตกอยู่กับใครจนเกินไป
ที่เปรียบเทียบกับมากัธเพราะแค่จะบอกว่า แม่แต่ยุคของเค้าที่มีแต่คนยี้ ยังเล่นฟุตบอลได้มาตรฐาน
ไม่เสียราคาเสื้อบาเยิร์น มึนเช่นเหมือนตอนนี้เลย
รู้ ว่าสู้เกมเร็วไม่ได้ ก็ดึงช้าแล้วค่อยๆตั้งบอล เซ็ตบอล ชิ่งไปมาเรื่อยๆรอจังหวะ เท่าที่บอลยังอยู่กับเราก็ลดความเสี่ยงไปได้มากแล้ว
บอลเยอรมันแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้เล่นเร็วอยู่แล้ว บอลเท้าสู่เท้าง่ายๆแม่นๆ ถ่ายบอลไปมาได้ทั่วสนาม รอจังหวะอย่างใจเย็น
ไม่เล่นตามเกมคู่แข่ง แต่ดึงให้คู่แข่งต้องเล่นเกมเกมที่เราควบคุม
และที่สำคัญที่สุด..
หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง ไม่เคยหวั่นไหวต่อเสียงเชียร์และชื่อชั้นของฝ่ายตรงข้าม
แม้จะต้องไปเล่นที่สนามไหนในโลกนี้ก็ตาม

เอกลักษณ์พวกนี้ ไม่มีให้เห็นแล้วคับ

เห็นสกอร์แล้วยังไม่หงุดหงิดใจเท่าสารรูปของทีมในวันนี้

Thaigermanfanclub.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์