 |
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ ราฟา เบนิเตซ คงไม่มีความสุขพอกัน เพราะการเตรียมทีมมีปัญหามาก นักเตะที่ไปเล่นทีมชาติ กว่าจะกลับมาน่าจะตอนสายๆ วันพฤหัสฯ หรือวันศุกร์โน่น เวลาซ้อมร่วมกันแทบไม่มี สภาพความฟิต ยังไงก็ไม่มีทางเต็มร้อย
แมนฯ ยูไนเต็ด อาจได้พักนานหน่อย เพราะมีคิวเตะกับ แอสตัน วิลล่า วันอาทิตย์ แต่อย่าลืมว่า
เวย์น รูนี่ย์ เนมันย่า วิดิช รวมทั้ง พอล สโคลส์ ติดโทษแบนห้ามแข่ง ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ไม่สมบูรณ์ คาร์ลอส เตเวซ เพิ่งกลับจากไปเล่นให้อาร์เจนตินา เจอ โบลิเวีย บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร แถมแพ้ยับ 1-6 ส่วน ปาร์ก จี ซอง ก็กลับบ้านมาช่วยให้เกาหลีใต้ ชนะเกาหลีเหนือ แบบหืดขึ้นคอ
ความพร้อมของแมนฯยู ถ้าได้ซัก 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เก่งแล้ว
ลิเวอร์พูลเองก็ไม่ต่างกัน
หงส์แดงจะบุกเยือนฟูแล่มตั้งแต่วันเสาร์ มีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่าแมนฯยู 1 วัน งานของราฟา เบนิเตซ จึงยากกว่าเซอร์อเล็กซ์ และอาจส่งผลต่อการจัด 11 ตัวแรกลงสนามด้วย
พวกตัวจริงอย่าง ตอร์เรส, เจอร์ราร์ด, มาร์ติน สเคอร์เทล, อัลเบิร์ต ริเอร่า รวมทั้ง ฮาเบียร์ มาสเชราโน่ บักโกรกกลับมาจากทีมชาติแน่ๆ โดยเฉพาะตอร์เรสซึ่งร่างกายไม่ปึ้กอยู่แล้ว แต่ต้องหวดกับคู่แข่งหินๆ อย่างตุรกี ถึง 2 นัดในรอบ 5 วัน
ส่วนมาสเชราโน่ การเป็นกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาชุดงามหน้าแพ้ยับสุดในรอบ 60 ปี ย่อมเป็นฝันร้ายแน่นอน
เช็คสภาพกันแล้ว แมนฯยู กับ ลิเวอร์พูล ปวดกะโหลกพอๆ กัน และบางทีเซอร์อเล็กซ์ กับราฟา ก็อาจจำเป็นต้องจัดทีมแบบเน้นเอาความสดไว้ก่อน ใครฟิต ใครแข็งแรงกว่า ลงไปเล่นตัวจริง ที่เหลือรอเปลี่ยนทีหลัง ตรงนี้จะว่าเสี่ยงก็ใช่ แต่อาจจำเป็นต้องทำนะครับ
ผลงานของสองบิ๊ก จะออกมาอีท่าไหน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่า
แล้วมันก็ยาก ตรงพลาดไม่ได้
ลิเวอร์พูลลุยเอาชนะในลีกมา 3 นัดติด ไล่จี้แมนฯยูห่างแค่แต้มเดียว แม้จะแข่งมากกว่า แต่ถ้าบุกชนะฟูแล่มได้ ทีมของราฟา เบนิเตซ จะแซงนำฝูงชั่วคราวทันที
ถ้าเป็นแบบนั้นหงส์จะนำผี 2 แต้ม แถมลูกได้-เสีย ดีกว่า
ถึงจะไม่ใช่ความได้เปรียบอะไรนัก แต่จะส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมหาศาล รวมทั้งโยนความกดดันไปอยู่กับแมนฯยูแทน
การขับเคี่ยวของสองทีมนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใครได้แชมป์จะถือว่าเก่งมาก เพราะต้อง "มีของ" ครบทุกอย่าง ดีเยี่ยมในทุกๆ ด้าน
อย่างเกมสัปดาห์นี้ โอกาสพลาดก็มีเยอะ ลิเวอร์พูลเองตอนเจอฟูแล่มในบ้านทำได้แค่ 0-0 ส่วน ยูไนเต็ด ไปเยือนวิลล่า นัดแรกก็ 0-0 ด้วยเหมือนกัน
หงส์แดงไม่ค่อยชอบเล่นกับทีมที่เหนียวแน่น ไม่ค่อยเสี่ยง ขณะที่แมนฯยูออกทะเล แพ้มา 2 นัดติด ชักจะมีปัญหาในเกมรับ แถมยังขาดตัวชนอย่างวิดิชเสียอีก
ดูยากทั้งคู่ และที่แน่ๆ อีกอย่างคือ จะเอาผลงานนัดล่าสุดที่ฟูแล่มสอยทีมแมนฯยู วิลล่าโดนลิเวอร์พูลยำเละมาเป็นตัววัดว่าทั้งคู่จะอยู่ในสภาพเดิม ทำอะไรเหมือนเดิม ไม่ได้เด็ดขาด
นี่เป็นเกมใหญ่ เล่นกับเงื่อนไขใหม่ๆ ถ้าผลออกมาแตกต่างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
โปรแกรมแข่งพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 4 เม.ย. อาร์เซน่อล-แมนฯซิตี้, แบล๊คเบิร์น-สเปอร์ส, โบลตัน-มิดเดิ้ลสโบรช์, ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล, ฮัลล์-ปอร์ทสมัธ, นิวคาสเซิล-เชลซี, เวสต์บรอมวิช-สโต๊ก, เวสต์แฮม-ซันเดอร์แลนด์ วันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. เอฟเวอร์ตัน-วีแกน, แมนฯยู-แอสตัน วิลล่า
โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์
คืนวันเสาร์ที่ 4 เม.ย. เวลา 18.45 น. แบล๊คเบิร์น-สเปอร์ส (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแอล ช่อง 107) เวลา 20.00 น. ลาซิโอ-โรม่า (ทรูสปอร์ต 4 ช่อง 62) เวลา 21.00 น. อาร์เซน่อล-แมนฯซิตี้ (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับเอ ช่อง 110) โบลตัน-มิดเดิ้ลสโบรช์ (ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66) ฮัลล์-ปอร์ทสมัธ (ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 2 ช่อง 67, คลับเอ็ม ช่อง 106) นิวคาสเซิล-เชลซี (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแอล ช่อง 107) เวสต์แฮม-ซันเดอร์แลนด์ (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63) เวสต์บรอมวิช-สโต๊ก (ทรูสปอร์ต 4 ช่อง 62) เวลา 23.30 น. ฟูแล่ม-ลิเวอร์พูล (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับแอล ช่อง 107) เวลา 01.00 น. รีล บายาโดลิด-บาร์เซโลน่า (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 03.00 น. มาลาก้า-รีล มาดริด (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) คืนวันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. เวลา 21.00 น. เอฟเวอร์ตัน-วีแกน (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับซี ช่อง 109, คลับเอ ช่อง 110) เวลา 22.00 น. แมนฯยู-แอสตัน วิลล่า (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับเอ็ม ช่อง 106) แอตเลติโก้ มาดริด-โอซาซูน่า (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63) เวลา 24.00 น. บาเลนเซีย-เกตาเฟ่ (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 02.00 น. เอซี มิลาน-เลชเช่ (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61)
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
