เมื่อเหล่าคนดังพากัน ถือเคล็ด


เลบรอน เจมส์
กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับบรรดานักกีฬาทั้งหลายไปแล้วที่มักจะ ถือเคล็ด หรือมี ความเชื่อ ที่ต้องปฏิบัติกันจนเป็นกิจวัตร เหมือนที่เคยหยิบยกมาฝากกันอยู่เรื่อยๆ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ช่วยในเรื่องของ พลังใจ ได้มากโข ก่อนจะไปเผชิญหน้ากับคู่แข่งในสนาม และเมื่อใดก็ตามที่เหล่าคนดังพากันถือในเรื่องโชคลางขึ้นมา ก็เป็นธรรมดาที่แฟนกีฬาและสื่อจะจับจ้องกันเป็นพิเศษจนบางทีกลายเป็น จุดขาย ของนักกีฬาไปเลยก็มี!

@ เลบรอน เจมส์

ก่อนที่ เลบรอน เจมส์ สตาร์ดังของคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส จะลงเล่นในบาสเกตบอลเอ็นบีเอทุกนัด สิ่งที่เขาต้องทำเป็นประจำ คือการเดินไปที่โต๊ะจดคะแนนด้านข้างสนาม จากนั้นก็จะเทแป้งลงบนฝ่ามือ แล้วก็โยนขึ้นเหนือศีรษะจนแป้งฟุ้งกระจายราวกับนักบุญที่กำลังทำพิธีทางศาสนา ซึ่งท่าทางแบบนี้ เควิน การ์เน็ตต์ ทำมาก่อนเจมส์ด้วย ส่วนคนที่เป็นต้นตำรับจริงๆ นั้นคือ ไมเคิล จอร์แดน ตำนานกีฬายัดห่วงเอ็นบีเอ

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนมองว่าเจ้าของเสื้อหมายเลข 23 ผู้นี้ไม่ได้ทำไปเพราะถือเคล็ดหรือมีความเชื่อใดๆ แต่เป็นเรื่องของ การตลาด ที่ทำให้กล้องจับมาที่สปอนเซอร์ ไนกี้ ที่เจมส์เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เสียมากกว่า

และถ้าใครได้ดูอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล นัดชิงแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่าแม้แต่ ซานโตนิโอ โฮล์มส์ ฮีโร่ผู้นำทีมพิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าแชมป์ก็ยังทำท่าท่างเลียนแบบเจมส์ ด้วยการเขย่าบอลเหมือนเขย่าขวดแป้งใส่มือ และโยนขึ้นฟ้าหลังรับลูกทำทัชดาวน์ในช่วง 35 วินาทีสุดท้ายของการแข่งขันด้วย จนถูกเอ็นเอฟแอลสั่งปรับเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 360,000 บาท เหตุเพราะฉลองชัยเกินงามไปหน่อย

โคโล ตูเร่



@ โคโล ตูเร่

กองหลังทีมอาร์เซน่อลมีความเชื่ออย่างหนึ่งที่ยึดปฏิบัติมานานแล้ว
นั่นคือทุกครั้งที่ลงสนาม โคโล ตูเร่ จะต้องเดินออกจากห้องแต่งตัวและเข้าสนามเป็นคนสุดท้าย

ด้วยความเชื่อแบบนี้แหละที่ทำให้เจ้าตัวไม่ยอมเข้าสนามเป็นอันขาดถ้ายังมีใครหลงเหลืออยู่อีก ซึ่งในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หากใครได้ดูการแข่งขันก็จะเห็นว่าอาร์เซน่อลเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน เพราะ วิลเลียมส์ กัลลาส กองหลังอีกรายยังรับการรักษาอาการเจ็บอยู่ ตูเร่จึงยังไม่ยอมออกมาที่สนาม ก่อนจะกลับเข้ามาเล่นโดยไม่รอให้ผู้ตัดสินอนุญาตเสียก่อน งานนี้เลยต้องรับ ใบเหลือง ไปแบบไม่จำเป็น และด้วยความที่เคยรับใบเหลืองไปแล้วในนัดอื่นทำให้ต้องติดโทษพักแข้งไปเสียอย่างงั้น!!!

@ จอห์น เทอร์รี่

จอห์น เทอร์รี่ เป็นอีกคนหนึ่งที่ถือเคล็ดมากมายจนแทบจำกันไม่หวาดไม่ไหว และกองหลังกัปตันทีมเชลซีก็ยอมรับเองด้วยว่ามีความเชื่อที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำถึง 50 ข้อเลยทีเดียว!

(จากซ้าย) จอห์น เทอร์รี่, ราฟาเอล นาดาล, เยเลน่า โดคิช


อาทิ ก่อนจะลงแข่งขันในทุกครั้ง เขาจะต้องนั่งที่เบาะเดิมทุกครั้งเวลาขึ้นรถบัสประจำทีม และเวลาที่ขับรถมาสนามก็ต้องฟังซีดีเพลงแผ่นเดิมของนักร้องอาร์แอนด์บี อัสเชอร์ทุกครั้ง รวมถึงจอดรถของตัวเองในที่จอดเดิมทุกครั้งด้วย

เจ้าตัวเล่าด้วยว่า มีครั้งหนึ่งขับรถไปทานอาหารกลางวัน ก่อนจะกลับมาพบว่าที่จอดของตัวเองไม่ว่างเสียแล้ว ทำให้ต้องรอถึง 2 ชั่วโมง เพื่อจะรอให้ที่จอดว่าง และกลับมาจอดที่เดิมจนโดนมองว่าเพี้ยนไปแล้ว

นอกจากนี้ เทอร์รี่จะหยิบสนับแข้งนำโชคอันเดิมที่ใช้มานานถึง 10 ปีมาใส่ทุกครั้งด้วย โดยจะตัดผ้ามาพันสนับแข้งขนาดเท่าเดิมทุกครั้ง รวมถึงพันเทปรัดถุงเท้า 3 รอบทุกครั้งด้วย ก่อนจะทำสนับแข้งคู่ใจหายไปในระหว่างที่แข่งฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เกมที่ไปเยือนบาร์เซโลน่า เมื่อหลายปีก่อน ยังดีที่สนับแข้งอันใหม่ที่ แฟร้งก์ แลมพาร์ด เพื่อนซี้ร่วมทีมให้มาช่วยนำโชคเหมือนกันเลยได้ใช้ติดขามาตลอด

@ ราฟาเอล นาดาล

นักหวดหนุ่มมือ 1 โลกอย่าง ราฟาเอล นาดาล ก็เป็นอีกคนที่มักจะต้องทำอะไรเหมือนเดิมๆ ทุกครั้ง แม้จะบอกว่าไม่ได้ทำไปเพราะถือเรื่องโชคลาง แต่ก็มีนิสัยบางอย่างที่ใกล้เคียงกับการ ถือเคล็ด อย่างมาก
นั่นคือจะต้องมีขวดน้ำ 2 ขวดวางไว้ตรงเก้าอี้ โดยขวดหนึ่งจะต้องแช่เย็นไว้เสมอ และจะต้องหันด้านที่มีฉลากเข้าหาสนามทุกครั้งด้วย

"เดอะ ซัน" สื่อผู้ดีเคยสังเกตด้วยว่า

ถุงเท้าที่นักหวดสเปนใส่จะต้องดึงให้สูงเท่าเดิมทุกครั้ง และจะไม่ยาวเกิน 15 เซนติเมตรเป็นอันขาด โดยที่โลโก้ของสปอนเซอร์จะต้องขนานเป็นแนวเดียวกับสนามด้วย ส่วนผ้าคาดศีรษะก็จะหยิบออกมาจากกระเป๋าก่อนแข่ง 1 ชั่วโมง แต่จะไม่คาดจนกว่าจะถึงเวลาลงสนาม และก่อนเสิร์ฟลูกก็จะเคาะบอล 5 ครั้งด้วย

@ เยเลน่า โดคิช

นักหวดสาวออสเตรเลียเชื้อสายเซอร์เบียที่เพิ่งกลับมาคืนฟอร์มทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในเทนนิสแกรนด์สแลม "ออสเตรเลียน โอเพ่น"
มักจะเลือกใส่เสื้อผ้าชุดเดิม และใช้แร็คเกตอันเดิมทุกครั้งที่ลงแข่ง เพื่อเป็นเคล็ดให้คว้าชัยชนะได้ต่อไปเรื่อยๆ และที่สำคัญนักหวดสาววัย 25 จะไม่ยอมเผลอตัวดูสายการแข่งขันเกินกว่า 1 ครั้งเป็นอันขาดในการแข่งขันแต่ละรอบ

ขณะที่ตอนเสิร์ฟลูกก็จะยึดหลักเคาะบอล 5 ครั้งในการเสิร์ฟแรกของตัวเอง แต่ถ้าต้องเสิร์ฟในครั้งที่ 2 ก็จะลดจำนวนลงเหลือแค่ 2 ครั้ง แถมตอนที่เด็กเก็บบอลจะส่งลูกให้ ก็ต้องโยนลูกให้แบบใต้มือซะอีก เรียกว่าถือเคล็ดกันแบบทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์