ดัตช์เต็มสูบรุดยืนหอกเป้าหมีมั่นลิ่วตัดเชือกศึกยูโร

ดัตช์เต็มสูบรุดยืนหอกเป้าหมีมั่นลิ่วตัดเชือกศึกยูโร

คู่ที่สามของรอบควอเตอร์ไฟนั่ลศึกยูโร 2008 เป็นการดวลกันระหว่างแชมป์กลุ่ม ซี เนเธอร์แลนด์ กับทีมอันดับ 2 กลุ่ม ดี รัสเซีย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเกมที่ก้ำกึ่งสูสีมีโอกาสเป็นผู้ชนะทั้งสองฝ่าย ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามของทั้งสองทีมเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย

(รอบก่อนรองชนะเลิศ)

(วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2551)

เนเธอร์แลนด์ - รัสเซีย

เวลาเตะ :01.45 น. (ช่อง 7)

เนเธอร์แลนด์

มาร์โก แวน บาสเท่น เตรียมส่ง จอห์น ไฮติงก้า ซึ่งมีความเร็วและคล่องตัวมากกว่าลงคุมเกมในแดนกลางแทน ออร์ลันโด้ อิงเกลาร์ ที่โชว์ฟอร์มค่อนข้างแย่ในการลงเล่นสองนัดหลัง ขณะที่ คาลิด บูลาห์รูซ ที่สูญเสียบุตรสาวที่คลอดก่อนกำหนดยืนยันว่าพร้อมลงสนามในวันเสาร์นี้ ส่วนผู้เล่นตัวหลักที่ได้พักแข้งจากเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับ โรมาเนีย ต่างฟิตพร้อมลงสนามทุกคน แต่ อาร์เยน ร็อบเบน ยังต้องเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ เดิร์ค เค้าท์

ทีมดัตช์จะลงสนามด้วยระบบ 4-2-3-1 ซึ่งมี เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ลงเฝ้าเสา แนวรับ 4 คนไล่จากขวาไปซ้ายเป็น คาลิด บูห์ลารูซ, อังเดร ออยเยอร์, โยริส มาไธจ์เซ่น กับ โจวานนี่ ฟาน บร็องค์ฮอร์สท์ ขณะที่ จอห์น ไฮติงก้า จะลงคุมเกมในแดนกลางกับ ไนเจล เดอ ย็อง โดยมี เดิร์ค เค้าท์ หรือ อาร์เยน ร็อบเบน ลงเดินเกมรุกร่วมกับ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ส่วน รุด ฟาน นิสเตลรอย จะลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า

รัสเซีย

กุส ฮิดดิ้งค์ ยังต้องรอทดสอบความฟิตของ ดินิยาร์ บิเลียเลตดินอฟ ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยมาจากเกมเชือด สวีเดน 2-0 แต่ทั้ง ดมิทรี ตอร์บินสกี้ หรือ ดมิทรี ซีเชฟ พร้อมลงเสียบแทนทันที ขณะที่ขุมกำลังอื่นยังคงเป็นผู้เล่นชุดเดียวกับเกมล่าสุดที่ลงเล่นกับทีมสวีดิชนั่นเอง

ทีมหมีขาวปรับทัพมาเล่นระบบ 4-4-2 ซึ่งมี อิกอร์ อากินเฟเยฟ ลงเฝ้าเสา แนวรับ 4 คนจากขวาไปซ้ายเป็น อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, เดนิส โกโลดิน, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช กับ ยูริ ชีร์คอฟ ขณะที่ อิกอร์ เซมชอฟ จะลงทำเกมในแดนกลางร่วมกับ เซอร์เก เซมัค และ คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ โดยมี ดินิยาร์ บิลเลียเลตดินอฟ หรือ ดมิทรี ตอร์บินสกี้ ลงเดินเกมรุกส่วน อังเดร อาร์ชาวิน ยืนล่าตาข่ายคู่ โรมัน พาฟลิวเชนโก้

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เนเธอร์แลนด์ (4-2-3-1) : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - อังเดร ออยเยอร์, คาลิด บูห์ลารูซ, โยริส มาไธจ์เซ่น, โจวานนี่ ฟาน บร็องค์ฮอร์สท์ - จอห์น ไฮติงก้า, ไนเจล เดอ ย็อง - เดิร์ค เค้าท์, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท - รุด ฟาน นิสเตลรอย

รัสเซีย (4-4-2) : อิกอร์ อากินเฟเยฟ - อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, เดนิส โกโลดิน, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, ยูริ ชีร์คอฟ - อิกอร์ เซมชอฟ, เซอร์เก เซมัค, คอนสแตนติน ซีเรียนอฟ - ดินิยาร์ บิลเลียเลตดินอฟ, อังเดร อาร์ชาวิน - โรมัน พาฟลิวเชนโก้

ผู้ตัดสิน : ลูบอส มิเชล (สโลวะเกีย)

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน : โรมัน สลิสโก้ (สโลวะเกีย), มาร์ติน บัลโก้ (สโลวะเกีย)

ผู้ตัดสิน : มัสซิโม บูซัคก้า (สวิตเซอร์แลนด์)

ข้อมูลที่น่าสนใจ

เนเธอร์แลนด์ ชนะ 4 จากก่อนพบกันก่อนหน้านี้ 8 ครั้ง รัสเซีย ชนะแค่สองครั้งและอีกสองเกมเสมอกัน

การเจอกันในเกมที่เป็นทางการสามนัด ฟาดแข้งกันในยูโรรอบสุดท้ายทั้งหมด ในปี 1988 สหภาพโซเวียต เอาชนะ เนเธอร์แลนด์ได้ 1-0 ในเกมนัดเปิดสนาม ก่อนจะไปแพ้ 0-2 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่วนในปี 1992 เสมอกันไป 0-0 ในรอบแบ่งกลุ่มโดย มาร์โก แวน บาสเท่น อยู่ในทีมชุดนั้นด้วยทั้งสามเกม แล้วลูกยิงใบไม้ร่วงในรอบชิงชนะเลิศปี 1988 ยังคงอยู่ในความทรงจำ

การพบกันล่าสุดเป็นเกมกระชับมิตรในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 เป็น เนเธอร์แลนด์ ที่เอาชนะได้ 4-1

เข้าถึงรอบน็อกเอาต์ 6 ครั้งติดต่อกันในยูโรรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นสถิติของทัวร์นาเม้นท์

ตกรอบก่อนรองชนะเลิศเพียงครั้งเดียวในปี 1996 ตอนที่ กุส ฮิดดิ้งค์ เป็นโค้ช โดยแพ้จุดโทษ ฝรั่งเศส 4-5

หลังจากเอาชนะ อิตาลี และ ฝรั่งเศส ในรอบแบ่งกลุ่ม เนเธอร์แลนด์ สามารถที่จะเอาชนะทีมอดีตแชมป์ทีมที่สามได้ถ้าสอย รัสเซีย ได้

ผู้เล่นเนเธอร์แลนด์ 7 คนยิงประตูได้ในยูโร 2008 เท่ากับสถิตที่มีผู้เล่นยิงประตูได้มากกที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูโร

เนเธอร์แลนด์ ตอนนี้ยิงไป 9 ประตู ซึ่งอีก 5 ประตูจะเท่ากับฝรั่งเศสที่ทำสถิติไว้ในปี 1984 ซึ่ง เนเธอร์แลนด์ มีผลต่างประตูได้เสีย 8 ประตู ซึ่งถือว่าสูงมากที่สุดในทุกๆทีมของรอบแบ่งกลุ่มในประวัติศาสตร์ของยูโร

มาร์โก แวน บาสเท่น ตอนนี้นำทีมชนะ 35 เกมจากทั้งหมด 51 เกมในการเข้ามาคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ตอนนี้เขาต้องการอีกสองเกมจะทำสถิติเท่ากับ บ็อบ เกนเดนนิ่ง อดีตกุซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ทำสถิติเอาชนะที่ 37 เกม

ผู้เล่นของเนเธอร์แลนด์ โดยใบเหลืองเพียงแค่ 2 ใบซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในทัวร์นาเม้นท์

ผ่านเข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1988 โดย สหภาพโซเวียต เข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศในปี 1988 แต่ก็เป็นรองแชมป์เพราะแพ้ เนเธอร์แลนด์

ตอนนี้ รัสเซีย มีโอกาสจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมที่สอง ที่คว้าแชมป์โดยที่แพ้ในเกมนัดเปิดสนาม ตามหลัง เนเธอร์แลนด์ ที่เคยทำได้ในปี 1988

กุส ฮิดดิ้งค์ ทำสถิติ 100% ด้วยการพาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์ในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ (ยูโร 2 ครั้ง และ ฟุตบอลโลก 3 ครั้ง)

ฮิดดิ้งค์ จะต้องพบกับทีมบ้านเกิด โดยเคยเจอมาแล้วสองครั้งโดยเป็นเกมกระชับมิตรทั้งหมด ในเดือน มิถุนายน 2006 เสมอกัน 1-1 ตอนนั้น ฮิดดิ้งค์ คุมออสเตรเลีย ในเดือน กุมภาพันธ์ 2007 แพ้ 1-4 คุมรัสเซีย

เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ จะลงเล่นเป็นเกมที่ 16 ในยูโรรอบสุดท้าย ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเท่ากับ ลิลิยอง ตูราม ของฝรั่งเศส

ฟาน เดอ ซาร์ เป็นผู้เล่นคนที่สามซึ่งลงเล่นในยูโรรอบสุดท้าย 4 ครั้งต่อจาก โลธ่าส์ มัตเธอุส และ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล

คาร์ส แยน ฮุตเตลาร์ จะยิงอย่างน้อยหนึ่งประตูใน 5 เกมติดต่อกันที่ลงเล่นให้กับ เนเธอร์แลนด์ และยังไม่พบกับความพ่ายแพ้ในสีส้มของเนเธอร์แลนด์ 13 เกม

ไนเจล เดอ ยอง กับ อองเดร ออยเยอร์ ถ้าเกมนี้โดนใบเหลืองจะไม่ได้ลงสนามถ้าทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ

โรมัน พาฟลิวเชนโก้ มีโอกาสยิงประตู 18 ครั้ง (เข้ากรอบ 9 และ หลุดกรอบ 9) ซึ่งถ้าว่ามากที่สุดจากผู้เล่นทุกคนในรอบแบ่งกลุ่ม

อิกอร์ อคินฟาเยฟ เป็นผู้เล่นรักษาประตูที่เซฟมากสุดในรอบแบ่งกล่มโดยเซฟไปทั้งหมด 21 ครั้ง

ถ้า โรมัน อดามอฟ ได้ลงเล่นจะฉลองวันเกิดอายุที่ 26 ปี เช่นเดียวกับสองพี่น้องฝาแฝด เบเลซุตสกี้

เซอร์เก เซมัค จะติดทีมชาติครั้งที่ 50 ให้รัสเซียถ้าลงเล่นในเกมนี้ โดยลงเล่นให้กับทีมชาติครั้งแรกในนัดที่แพ้ อิตาลี 0-1 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1997

เดนิส โคโลดิน,ดิมิทรี ทอร์บินสกี้,อิวาน ซาเอนโก้,อังเดร อาร์ชาวิน และ เซอร์เก เซมัค จะติดโทษแบนในเกมถัดไปถ้าโดนใบเหลือง รัสเซียผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ