อัสซูรี 10 คนพ่าย อุรุกวัย ตกรอบบอลโลก - ซัวเรซกัดอีก

อัสซูรี 10 คนพ่าย อุรุกวัย ตกรอบบอลโลก - ซัวเรซกัดอีก



อัสซูรี 10 คนพ่าย อุรุกวัย ตกรอบบอลโลก - ซัวเรซกัดอีก

  เกมฟาดแข้งฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มดี. เป็นการพบกันระหว่าง ขุนพล"อัสซูรี่" ทีมชาติอิตาลี พบ อุรุกวัย ที่สนามเอสตาดิอู,คาส คูนาส เมืองนาตาล ประเทศบราซิล เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
 
  ก่อนหน้านี้อิตาลี เฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 ก่อนพลิกพ่าย คอสตาริก้า 0-1 ต้องมาลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายของเกมนี้ โดยขอเพียงแค่เสมอก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป หากแพ้จะตกรอบทันที ทางด้านอุรุกวัย ต้องเก็บชัยชนะสถานเดียว หลังประเดิมพ่าย คอสตาริก้า 1-3 ก่อนเฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 

 สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงมีดังนี้

 อิตาลี : จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน,อันเดรีย บาร์ซาญี่,เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่,จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ,มัตเตโอ ดาร์เมียน,มัตเตีย เด ชิโญ่,มาร์โก แวร์รัตติ,เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ,อันเดรีย ปิร์โล่,ชิโร่ อิมโมบิเล่,มาริโอ บาโลเตลลี่

 อุรุกวัย : เฟอร์นันโด มุสเลร่า,มาร์ติน คาเซเรส,โฮเซ่ มาเรีย จิเมเนซ,อัลวาโร่ แปร์เรร่า,ดิเอโก้ โกดิน,อัลวาโร่ กอนซาเลซ,คริสเตียน โรดริเกซ,เอจิดิโอ อเรวาโล่ ริออส,นิโคลัส โลเตโร่,เอดินสัน คาวานี่,หลุยส์ ซัวเรซ

 อิตาลี ในชุดสีน้ำเงินทั้งชุด ขณะที่อุรุกวัยมาในชุดสีขาว เริ่มเกมอิตาลีเขี่ยบอลก่อน บุกจากซ้ายไปขวา ผ่านไปห้านาทีอิตาลีครองบอลได้มากขึ้น แต่อุรุกวัยไล่บีบสูงพยายามไม่ให้นักเตะอัสซูรีตั้งบอลได้ง่ายๆ ถึงนาทีที่ 8 อุรุกวัยได้ฟรีคิกโยนบอลเข้าในกรอบ เกิดจังหวะเข้าบอลแรงปะทะกันแต่บุฟฟ่อนยังคงรับบอลไว้ได้ง่ายๆ 

 ถึงนาที 12 อิตาลีได้ฟรีคิกทักทายบ้าง อันเดรีย ปิร์โล ตวัดเท้าขวาโยนบอลเข้าตรงกรอบ มุสเลร่า นายทวารอุรุกวัยปัดบอลออกหลังประตูเป็นลูกเตะมุม อัสซูรี่โยนคอนเนอร์เข้ามาอีกครั้ง บอลถูกสกัดออกไปหวุดหวิด อุรุกวัยโต้กลับเร็วบ้างขึ้นทางกราบซ้าย ก่อนโยนเข้ามาหน้าประตู ทว่าแนวรับอิตาลียังไม่พลาดเคลียร์บอลออกมากลางสนาม เกมยังคงผลัดกันรุกรับมีฟาว์ลกันบ่อยครั้ง 

  จนกระทั่งนาที 22 บาโลเตลลี่ โดดสูงเข้าแย่งบอลอย่างน่าเกลียด จนเท้าโดนหัวของแปร์เรร่า นักเตะอุรุกวัยลงไปกอง ผู้ตัดสินรีบควักใบเหลืองแจกเป็นคนแรกของเกม ส่งผลให้บาโลเตลลี ติดโทษแบบไม่สามารถลงเล่นในนัดหน้าได้หากทีมเข้ารอบ 

 บาโลเตลลี เริ่มปะทะทำฟาว์ลกับ มาร์ติน คาเซเรส บ่อยครั้ง จน เซซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือใหญ่ต้องค่อยๆปรามบาโลเตลลีลูกทีมให้ใจเย็นๆ ถึงนาที 32 โอกาสของอุรุกวัยใกล้เคียงจะไประตูจากจังหวะ เปิดเกมรุกเข้าใส่ หลุยส์ ซัวเรส ลากบอลเข้าทางกราบซ้ายยิงติดมือ บุฟฟ่อน บอลมาเข้าทาง นิโคลัส โลเดโร่ เข้าชาร์จเผาขน แต่บุฟฟ่อนก็ยังมือไวบอลลูกอันตรายก่อนกองหลังจะช่วยกันเคลียร์บอลพ้นอันตรายไปได้หวุดหวิด

  ล่วงเขาช่วงนาที 40 เกมสวนกลับของอิตาลีเกือบเห็นผลอีกครั้ง เมื่อบาโลเตลลีเบิ้ลบอลจังหวะสองให้อิมโมบิเลทางกราบขวาแต่ด่านสุดท้ายกลับติดแนวรับ ดิเอโก้ โกดิน สกัดไว้ได้ จบเกมสกอร์ยังคงที่อยู่ 0-0  
 


  ครึ่งหลัง อิตาลีปรับทัพ ส่ง มาร์โก ปาโรโล่ ลงแทน มาริโอ บาโลเตลลี เพื่อเสริมแดนกลาง ขณะที่อุรุกวัย เปลี่ยนบ้างส่ง มักซิมิเลียโน่ แปร์เรร่า แทน นิโคลัส โลเดโร่ และเป็นฝ่ายเขี่ยบอลบ้าง อึดใจถัดมา เอจิดิโอ อเรวาโล ริออส ทำฟาว์ลโดนใบเหลืองทางฝั่งอุรุกวัย ผ่านไปห้านาทีของครึ่งหลังกลับเป็นอุกรุวัยที่เติมเกมรุกทางกราบได้มากกว่า แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับอัสซูรี่ได้ แถมยังโดนอิตาลีสวนกลับเป็นระลอก เกมยังคงทำฟาว์ลกลางสนามกันบ่อยครั้งเช่นเดิม 

 นาที 59 อุรุกวัยน่าจะได้บอลขึ้นนำจากจังหวะที่ คริสเตียน โรดริเกซ กระชากบอลขึ้นทางกราบซ้ายเข้าไปยิง บอลหลุดออกเสาสองไปนิดเดียว จากนั้นจุดเปลี่ยนของเกมก็เกิดขึ้น เมื่อ เอจิดิโอ อเรวาโล่ ริออส ของอุรุกวัย โดน เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ยกเท้ายันอย่างเจตนา ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกทันที ทำให้อิตาลีเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน ทั้งที่เวลายังเหลืออยู่อีกถึงครึ่งชั่วโมง

 นาที 63 อุรุกวัยปรับเกมอีกครั้งส่ง คริสเตียน สตัวนี่ ลงมาแทน อัลวาโร่ แปร์เรร่า เพื่อเติมกองหน้าหวังเรียกชัยชนะเต็มสูบ ปรันเดลี กุนซืออิตาลีต้องตะโกนสั่งลูกทีมให้พยายามดึงเกมช้าๆเอาไว้ไม่ให้บุ่มบ่าม

 สามนาทีถัดมา ซัวเรซ เริ่มแผลงฤทธิ์บ้างเมื่อได้บอลหน้าประตูตวัดยิงตรงกรอบแต่ บุฟฟ่อนยังไวพอออกมาล้มตัวเซฟลูกอันตรายไว้ได้อย่างหวุดหวิด ทีม"จอมโหด"ยังคงเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างน่าต่อเนื่อง อิตาลีสวนกลับบ้าง ปิร์โล่จ่ายทะลุช่องให้ อิมโมบิเล พาบอลเข้าในกรอบได้สับไกบ้างแต่บอลถูกสัดออกเป็นลูกเตะมุม จังหวะต่อมาอิมโมบิเล่มีโอกาสได้ยิงโล่งๆอีกครั้งแต่ กลับเป็นลูกล้ำหน้าไปเสียอีก 

 ล่วงเข้านาที 70 อิตาเลียนปรับเกมบ้าง ส่ง อันโตนิโอ คาสซาโน่ ลงออก แทน อิมโมบิเล่ จากนั้นนาที 75 อิตาลีเปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้าย ส่ง ดิอาโก้ ม็อตต้า ลงแทน มาร์โก แวร์รัตติ หวังเติมเกมให้แน่นในแดนกลางเพื่อหวังยันสกอร์เสมอให้ได้ในเกมนี้ 

 นาที 79 เกิดจังหวะทำฟาว์ลในกรอบเขตโทษของอิตาลี เมื่อ จอร์โจ้ คิเอลลินี กองหลังอิตาลี ใช้แขนบัง หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัย จึงบันดาลโทสะก้มลงกัดหัวไหล่ซ้ายของคิเอลลินีเอาดื้อๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ทิ้งตัวลงไปกอง แต่กรรมการกลับมองไม่เห็น   

 ล่วงถึงนาที 81 กองเชียร์จอมโหดได้เฮกันลั่น ด้วยลูกเตะมุม ดิเอโก้ โกดิน เทกตัวโหม่งบอลเสียบเสาแรกกลายเป็นประตูให้ อุรุกวัย ขึ้นนำทันที 1-0 ถัดมาสองนาทีอิตาลี ได้ลูกฟรีคิกบ้าง อันเดรีย ปิร์โล ยังรับหน้าที่ปั่นเหมือนเดิม จังหวะนั้นเกมต้องหยุดชั่วครูเมื่อสต๊าฟโค้ชอิตาลีที่โวยวายข้างสนามโดนผู้ตัดสินไล่ออกไปจากม้านั่งสำรอง 

  จากนั้น ปิร์โลปั่นฟรีคิกทะลุกำแพงแฉลบออกหลัง ได้เตะมุมแต่บอลก็ยังโดนสกัดออกมากลางสนาม ล่วงเข้าช่วงท้ายเกมอิตาลีทำชิ่งเกือบจะได้ประตูตีเสมอ แต่กลับพลาดจบสกอร์ในจังหวะสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย 

 บอลยังคงผลัดกันรุกรับรวดเร็ว แต่ทั้งสองทีมก็ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้ จนกรรมการทดเวลาเจ็บ้ายเกม 5 นาที แต่ทั้งสองทีมก็ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบเกมอุรุกวัย เฉือนเอาชนะ อิตาลี 1-0 สรุปอิตาลีตกรอบ ขณะที่ อุรุกวัยเข้าเป็นที่สองในสาย โดยมีคอสตาริกา ที่เสมออังกฤษ 0-0 เป็นแชมป์กลุ่ม 

อัสซูรี 10 คนพ่าย อุรุกวัย ตกรอบบอลโลก - ซัวเรซกัดอีก


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์