สมิธแค่โดนทำร้าย

กลับมาที่รังรักเก่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึงจะโดนใบแดง แต่พวกเรายังรักเขาเสมอ

ตอนนี้เป็นตอนพิเศษสำหรับเหล่าบรรดาแฟนคลับ ของ 'สมัดเจอร์' หรือ อลัน สมิธ นั่นเองครับ ซึ่งเป็นยอดขวัญใจศูนย์หน้าคนโปรดของผมคนหนึ่ง และบัดนี้ เขาก็ได้มีชีวิต และมีความสุขดีในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค (หรือเปล่า) กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเขานั้น พวกเราสามารถติดตามได้ตลอดทุกครั้งที่เขาลงเล่นให้กับทีมสาลิกาดง แต่ทว่า การย้ายไปใส่เครื่องแบบ ทูน อาร์มี่ ของชาวจอร์ดี้นั้น จะทำให้แฟนๆ ไม่ค่อยมีความสุขเอาเสียเลย

นั่นเป็นเพราะว่า ด้วยฟอร์มการเล่นของเขา ถ้าเขาเป็นกองกลาง ถือว่าไม่ค่อยขี้เหร่เท่าไหร่ แต่เขาขึ้นทะเบียนอาชีพว่าเป็นกองหน้า เขายังทำประตูไม่ได้เลยสักประตูเดียวในฤดูกาลนี้ (ยิงได้ 1 ประตูในนัดอุ่นเครื่อง ปรีซีซั่น) ทั้งๆ ที่ลงเล่นให้กับนิวคาสเซิ่ลทุกรายการรวมกันเกือบ 20 นัดเข้าไปแล้ว ซึ่งเข้าข่ายแบบเดียวกับจำพวกสิงห์ตีนบอด หรือ เรียกกันให้ได้เต็มปากเต็มคำอย่างชัดเจนว่า.....สากกะเบือ



ด้วยความมุ่งมั่นของเขา ทำให้เขาได้เป็นรองกัปตันในยุค บิ๊กแซม แต่ในยุคของ คิงเคฟ ยังไม่รู้สถานะ


แต่ขอโทษ ถึงเขาจะยิงประตูไม่ได้ แต่เขาก็พอมีส่วนร่วมในเกมรับค่อนข้างดี รวมถึงในการทำเกมรุก ใครที่ตามดูผลงานสมิธ มาตลอดก็จะสังเกตุได้ว่า เขาส่วนใหญ่จะเน้นเล่นการเล่นเป็นระบบ หรือเรียกว่า เล่นเป็นทีมเสียมากกว่า จึงไม่ค่อยผลิตผลประตูออกมามากเท่าไหร่ และการเล่นเป็นกองหน้าสไตล์ตัวรับ ในระยะหลัง สิ่งที่ได้มามากกว่าประตูนั่นก็คือ จำนวนใบเหลืองนั่นเอง



สมิธเข้ามามีบทบาทในกองกลางมากกว่ากองหน้าเสียอีก แต่แคแร็กเตอร์ของเขา มีความเป็นผู้นำสูง กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี


ถ้าถามว่าสมิธ เริ่มต้นเป็นกองกลางได้อย่างไร นั่นก็ต้องเริ่มตั้งแต่ยุคบั้นปลายของ ลีดส์ ก่อนที่จะไปทัวร์ ลีกแชมเปี้ยนชิพ และลีกวัน ตามลำดับ ของ 'เอล เทล' เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ที่เข้ามาช่วยกู้วิกฤตการณ์ของลีดส์ (ตรงไหน?) แทนที่ของ เดวิด โอเลียรี่ ผู้เคยพาทีมลีดส์ ยูไนเต็ด เข้ารอบรอง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว (ปีนั้น อาร์เซน่อล และ แมนฯยูฯ จอดที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย) นั้นจับ อลัน สมิธ ไปทดสอบเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ครั้งแรก โดยใช้ให้สมิธ เป็นปีกขวา และทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีเสียด้วย เพราะในช่วงนั้น ลีดส์ มีกองหน้าดีๆ เยอะแยะมากมาย อย่าง มาร์ค วิดูก้า, ร็อบบี้ คีน และร็อบบี้ ฟาวเลอร์



ภาพสมิธเท่ๆ สมัยวันวานยังหวานอยู่


ท้ายที่สุดแล้ว ลีดส์ก็ต้องตกชั้นไปแบบน่าใจหาย และสมิธก็ดีเกินกว่าที่จะอยู่ในลีก ดิวิชั่นหนึ่ง จึงได้ย้ายข้ามฟากจากทีมแคว้นยอร์คเชียร์ มาร่วมกับยอดทีมแคว้นแลงค์คาเชียร์ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลัง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี และได้เป็นกองหน้าคู่กับใครหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ปลาดุก, รุด ฟาน ม้า นิสเตลรอย และหมู ตือบะ รูนี่ย์ เรียกได้ว่า มีแต่แก๊งสวนสัตว์ควบคู่ตลอดในแดนหน้าจนผลิตสกอร์ได้ในปีแรกถึง 10 ประตู ในทุกรายการด้วยกัน



ลีลาสไตล์การเสียบทะลุถึงดากส์ ที่ยังตรึงตาความประทับใจของแฟนคลับของสมิธตี้ทุกคน


แต่ปีต่อมา เกิดความ Ship หายในแผงกองกลาง เนื่องจาก พอล สโคลส์ มีปัญหาด้านสุขภาพตา (ยายไม่เกี่ยว) ทำให้ลงเล่นไม่ได้ตลอดทั้งซีซั่น และคิงคีโน่ เพิ่งมาจวกน้องๆ ค่าเหนื่อยแพงระยิบระยับผ่านทาง MUTV จนโดน กบว. สั่งปลดแบนกลางอากาศ จนทำให้รอย คีน ต้องมีอันแตกหักกับเฟอร์กี้ และป๋าแพนด้าก็ได้เล็งเห็นสมิธว่าเป็นพวกเดียวกับ รอย คีน ก็เลยมาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ แต่ก็ทำหน้าที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และสุดท้ายก็ต้อง ขาหัก กับ ลูกยิงระดับตีนควาย ของ ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ แต่แฟนๆ โทษเจ้านอร์วิเจี้ยนหน้าเหลี่ยม คนนี้ไม่ได้หรอก สมิธ เขายอมตายในหน้าที่เอง (และปีนั้น ยูไนเต็ดฯ คว้าแชมป์ลีก คัพ เพื่อสมิธ โดยเฉพาะ)



ภาพๆ นี้ แฟนๆ คงไม่ต้องบอกนะว่า สมิธยิงประตูทีมอะไรได้


หลังจากนอนพักรักษาตัวมาเป็นปี ในที่สุดก็ได้กลับมาวางแข้งลวดลายอีกครั้ง กับเกมที่พบกับ โบลตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (ตอนนั้น บิ๊กแซม ยังเป็นกุนซือ โบลตันอยู่) ซึ่งถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองแทน โรนัลโด้ และมาถึงก็แผลงฤทธิ์เลย ด้วยการจ่ายระดับ คิลเลอร์ พาส ไปให้ รูนี่ย์ ยิงประตูย้ำชัย ชนะโบลตัน 4 - 1 และเขาก็เริ่มคลำทางหาเป้ามาเรื่อยๆ และได้รับหน้าที่มอบหมายให้เป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้า นัดเจอกับโรม่า ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากไปแพ้ที่โอลิมปิค สเตเดี้ยม มา 2 - 1

ว่าแล้ว คาร์ริคก็ส่องประตูขึ้นนำไปก่อน ทำให้สถานการณ์แมนฯยูฯ เป็นต่อ (ที่ไม่ใช่ ชาคริต) เสมอกัน 2 - 2 แต่ถ้าเกมจบลงด้วยสกอร์นี้ แมนฯยูฯ จะเข้ารอบ แต่รู้สึกไม่ปลอดภัย ก็เลยทำให้สมิธต้องโชว์พลังการสังหารอันสุดยอด ยิงประตูเบิกร่องเข้าไปอีก นำ 2 - 0 ก่อนที่จะจบเกมด้วยสกอร์มโหฬาร 7 ประตูต่อ 1 (รวมผลสองนัด แมนฯยูฯ ชนะ 8 - 3) ที่ทำให้ทีมโรม่า ที่มีนักเตะระดับดีกรีแชมป์โลก และรองเท้าทองคำ อย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ต้องพาเพื่อนร่วมทีม คลุมปี๊บกลับบ้าน



สองกองหน้าที่แฟนผีต่างพากันคิดถึงกัน และความรู้สักจะไม่มีวันจางหายไปตลอดไป


แต่หลังจากนัดนั้น เหมือนร่างกายของสมิธจะเริ่มมีปัญหา หรือ อาจเป็นเพราะท่านเซอร์ ยังไม่ค่อยไว้ใจในแดนหน้า ต้องทำให้มาปรับหมากเป็น 4-5-1 และเมิน อลัน สมิธ ไปโดยปริยาย ทำให้การคว้า ทริปเปิ้ล แชมป์ ในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องมีอันจบเห่ลง รวมไปถึง นัดชิง เอฟ เอ คัพ ที่ยังไงๆ ก็ไม่เคยไว้ใจสมิธ สักครั้งเลย เพราะยูไนเต็ด เหมาะกับการเล่นกองหน้าคู่เสียมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สมิธ วันนี้ก็ได้เลือกย้ายไปอยู่กับ เดอะ แม็กพายส์ และหวังว่าสักวัน เขาจะทวงสัญชาตญาณการเป็นกองหน้ากลับมา หลังจากถูกผู้จัดการทีมหลายๆ คนทำร้ายทางอ้อม ด้วยการไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ จนเสียผู้เสียคน ซึ่งปีนี้สมิธตี้ อาจจะต้องยอมทนเป็นสากกะเบือไปสักปีเสียก่อน เผื่อปีหน้าจะยิงเปรี้ยงปร้าง เหมือนอดีตสากกะเบืออย่าง เอ็มมานูเอล อะเดบายอร์ ก็เป็นได้



ขอบคุณข่าวจาก Red Army Fanclub

เรื่องโดยคุณ ManSmith  Red Army Fanclub

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์