Preview Fa Cup 09-01-54









แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด v ลิเวอร์พูล(20.30 น.)
 

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบรมกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะรอเช็คสภาพความฟิตของเวย์น รูนี่ย์หัวหอกตัวเก่งอีกครั้งว่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้ไหม รวมทั้งเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ที่ป่วยอยู่

พอล สโคลส์มีปัญหาที่ขาหนีบ ส่วนทางจอห์น โอเชียเจ็บที่น่องต่างก็หมดสิทธิ์ลงเล่น แต่อันเดอร์ส ลินเดการ์ดพร้อมเล่นขึ้นอยู่กับว่าจะได้โอกาสหรือไม่

ลิเวอร์พูลจะลงทำศึกแดงเดือดด้วยกุนซือคนใหม่ขวัญใจเดอะ ค็อปอย่างเคนนี่ ดัลกลิชที่เพิ่งเข้ามารับงานแทนรอย ฮอดจ์สันแบบสดๆร้อนๆ

ดาเนียล แอกเกอร์จะได้ลงเล่นในเกมนี้ รวมทั้งเดิร์ค เคาท์ที่น่าจะได้ลงเล่นแทนโจ โคลหรือไม่ก็มักซี่ โรดริเกซคนใดคนหนึ่ง


เบนฟรีคิกฟันธง : แมนฯยูฯชนะ 3-1






สเปอร์ส v ชาร์ลตัน(20.30 น.)


แฮร์รี่ เร้ดแนปป์กุนซือหน้าเฉยน่าจะพักผู้เล่นตัวหลักหลายคนในเกมนี้ เนื่องจากชาร์ลตันนั้นกระดูกไม่ได้แข็งมากสักเท่าไร

เวดราน ชอร์ลูก้า, เซบาสเตียน บาสซง, นิโก ครันชาร์, ซานโดรและวิลสัน ปาลาซิออสน่าจะได้ลงเล่น ในขณะที่เจอร์เมน เดโฟอาจจะได้เป็นตัวจริงหลังชดใช้โทษแบนไปแล้ว

พอล เบนสันศูนย์หน้าของชาร์ลตันพลาดลงเล่นในเกมนี้ไป เนื่องจากติดโทษแบน 3 เกมและนี่ก็เป็นเกมแรกที่ต้องชดใช้กันไป

แต่แมตต์ ฟลายปราการหลังพร้อมลงสนามแน่นอน หลังจากจัดการขยายสัญญายืมตัวจากเวสต์แฮมไปอีกเดือนเรียบร้อยแล้ว


เบนฟรีคิกฟันธง : สเปอร์สชนะ 2-0



IpswichChelsea

เชลซี v อิปสวิช(22.00 น.)


ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, แอชลี่ย์ โคลและมิชาเอล เอสเซียงตัวหลักๆของทางเชลซีต่างก็ต้องเช็คความฟิตอีกครั้งก่อนที่จะลงแข่งในเกมนี้

ดร็อกบามีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยมาจากการซ้อม ในขณะที่โคลและเอสเซียงพลาดการซ้อมทั้งคู่ หลังได้รับบาดเจ็บมาจากเกมที่พ่ายวูลฟ์สุดช็อกไป

เอียน แม็คพาร์แลนด์กุนซือชั่วคราวของอิปวิชประเดิมงานหนักงานช้างด้วยการที่จะไม่มี 3 ผู้เล่นตัวหลักของทีม

แจ็ค คอลแบ็คถูกเรียกตัวกลับไปซันเดอร์แลนด์หลังจากย้ายมาเล่นแบบยืมตัว รอรี่ ฟอลแลนศูนย์หน้าของทีมติดคัพไทและแกรนต์ ลีดบิตเตอร์ติดโทษแบน


เบนฟรีคิกฟันธง : เชลซีชนะ 3-0





เลสเตอร์ ซิตี้ v แมนเชสเตอร์ ซิตี้(23.00 น.)


โรมัน แบกนาร์และเคอร์ติส เดวิสที่ยืมตัวมาต่างก็กลับไปประจำการยังต้นสังกัดเดิมอย่างเวสต์บรอมวิชและแอสตัน วิลล่า ทำให้ขุมกำลังดูจะลดประสิทธิภาพลงไปบ้างสำหรับเลสเตอร์


โรแบร์โต้ มันชินี่จะยังไม่มีเอดิน เซโก้หัวหอกใหม่ถอดด้ามที่เพิ่งจะเซ็นสัญญามาร่วมทีม แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ลงเล่นในเกมนี้

ปาโบล ซาบาเลต้าพร้อมที่จะลงเล่นในเกมนี้ หลังจากเอฟเอล้างใบแดงรวมทั้งโทษแบน 3 นัดของเขาที่ได้มาจากเกมกับอาร์เซนอลเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแล้ว


เบนฟรีคิกฟันธง : แมนฯซิตี้ชนะ 1-0







วิเคราะห์คู่แมนยู

H.Nos

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล


เคนนี่ ดัลกลิช จะเข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล แทน รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือคนล่าสุดที่ต้องกระเด็นออกจากเก้าอี้ หลังพาทีมทำผลงานน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง การแพ้คาถิ่นแอนฟิลด์ให้ แบล็คพูล รวมถึง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส นับเป็นส่วนสำคัญทำให้สาวก เดอะ ค็อป เชื่อมั่นว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเสียที และล่าสุดเมื่อบุกไปพ่าย แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-1 ในเกมที่ผ่านมา นับเป็นการปราชัยในฐานะทีมเยือนเกมที่ 4 ติดต่อกันของสโมสร ส่งให้ทีมจมอยู่อันดับ 12 ของตารางในเวลานี้ แถมมีแต้มเหนือโซนตกชั้นที่เคยหล่นลงไปกองอยู่ในช่วงต้นซีซั่นเพียง 4 คะแนนเท่านั้น อย่างไรก็ดี เควิน คีแกน, จอห์น บาร์นส์ และ สตีฟ แม็คมานามาน ยังคงออกมาหนุนหลัง ชี้หากคว้าชัยชนะเหนือ แมนฯ ยู ได้สำเร็จจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยันพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามในเกมรอบที่ 3 ของศึก เอฟเอ คัพ ที่จะเปิดบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล เพื่อไม่ให้ฝันร้ายเหมือนที่เคยพ่าย ลีดส์ ยูไนเต็ด คา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อฤดูกาลที่แล้วกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ลั่น ขอนำ ปีศาจแดง ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ลูกหนังเก่าแก่ที่สุดในโลกให้ได้ในซีซั่นนี้ หลังไม่ได้สัมผัสแชมป์มานับตั้งแต่ปี 2004 ขณะเดียวกัน เฟอร์กี้ ซึ่งตัดสินใจพัก ริโอ เฟอร์ดินานด์, เวย์น รูนี่ย์ รวมถึง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์ ในเกมพรีเมียร์ลีก ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คาดว่าเกมนี้จะจัดลงสนามทั้งหมด ส่วนตัวกำลังหลักอื่นๆก็พร้อมนำทัพโดย หลุย นานี่ , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิ่ล คาร์ริค , ไรอัน กิ๊กส์ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ


วันแดงเดือดในเกมบอลถ้วย สถานการณ์ทีมแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จริงๆฟอร์มการเล่นจะยังไม่ได้เล่นได้สุดยอดท๊อปฟอร์มแต่อย่างใด แต่มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ทีมลุ้นแชมป์ควรมีคือ ดวงดี ซึ่งปีศาจแดงแสดงให้เห็นอยู่บ่อย และส่วนที่เติมเต็มคือ อะไหล่ของทีม สุดยอดจริงๆทดแทนกันได้แทบทุกตำแหน่ง ผิดกลับทาง ลิเวอร์พูล ชุดที่ใช้นี้ก็ดีสุดแล้ว แต่เวลาฟอร์มตกมันขุนยังไงก็ไม่ขึ้นจริงๆ ตัวเปลี่ยนเกมก็ไม่มี ยิ่งเล่นนอกบ้านแล้วล่ะก็ เลิก


ฉะนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะชนะ 76 %

Jackie

สัปดาห์นี้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกงดแข่งขันเพื่อหลีกทางให้ฟุตบอลถ้วยอันเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกอย่าง “เอฟเอ คัพ”



วันที่ 9 ม.ค.เวลา 20.30 น. ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด
สนาม ; โอลด์ แทรฟฟอร์ด


 ปีนี้มีจำนวนทีมทั้งอาชีพสี่ดิวิชั่นและสมัครเล่นทั้งสิ้น 759 ทีมด้วยกัน เริ่มต้นกันที่รอบสามหลังจากผ่านคัดเลือกตั้งแต่ช่วงส.ค.จากทีมสมัครเล่นทั่วประเทศที่ผ่านการเป็นแชมป์ลีกสมัครเล่นทั้ง 10 ระดับของอังกฤษ มาถึงลีก วัน, ลีก ทู ในรอบแรกและรอบสองอย่างเป็นทางการ จนได้ทีมหลุดเข้ามาทั้งสิ้น 20 ทีม


 รอบสามนั้นทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 24 ทีมบวกกับพรีเมียร์ลีก 20 ทีม จับสลากประกบคู่กับผู้กล้าที่ฝ่าด่านอรหันต์เข้ามาเป็นทั้งสิ้น 64 ทีมในรอบนี้ ซึ่งรายการเอฟเอ คัพ ไม่มีทีมวางใดๆ ทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้ทีมใหญ่หลายทีมของพรีเมียร์ลีกจับมาพบกันเพื่อพิสูจน์ว่าใครจะร่วงใครจะอยู่รอดจากการเตะนอคเอาต์


 โปรแกรมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับลิเวอร์พูลจึงเป็นโปรแกรมที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลทั่วโลก แม้ว่าชั่วโมงนี้สถานะภาพและฟอร์มของทั้งสองทีมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ฟุตบอลถ้วยนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้หากพลาดท่าขึ้นมา ตกรอบทันที


 เหมือนแมนฯยูฯ ปีที่แล้วตกรอบสามเพราะแพ้ลีดส์ ยูไนเต็ด ดังนั้นเชื่อว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องเน้นมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะเมื่อต้องเตะกับลิเวอร์พูล ส่วนหงส์แดงนั้นคงต้องสร้างความมั่นใจในทีมให้มากขึ้นโดยการล้ม “ปีศาจแดง” ย่อมเป็นอะไรที่เพิ่มแรงกระตุ้นในการต่อสู้ในซีซั่นนี้ได้เป็นอย่างดีและมันยังเป็นความหวังในการล่าแชมป์แบบเป็นรูปธรรมมากกว่าอันดับในลีก


 นั่นย่อมรวมทั้งเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา...และไม่แน่ว่านัดนี้ผจก.จะยังเป็น รอย ฮอดจ์สัน หรือไม่ ด้วยฟอร์มอันเหลวแหลกในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลชุด ฮอดจ์สัน


 


สถิติ  แมนฯยูฯ-ลิเวอร์พูล
 สถิติโดยภาพรวมทุกรายการนั้นแมนฯยูไนเต็ดยังเหนือกว่าลิเวอร์พูล ตามตัวเลขที่ปรากฏออกมา เมื่อแยกออกมาเฉพาะเอฟเอ คัพ เจอกันทั้งหมด 15 ครั้งแมนฯยูไนเต็ด ชนะถึง 8 เสมอ 4 แพ้แค่ 3 โดยชัยชนะนัดสำคัญคือการคว้าแชมป์ปี 1996 ซึ่งเอริค คันโตนา สอยประตูชัยในช่วงท้ายเกมให้ผีแดงครองดับเบิ้ลแชมป์ในปีนั้น




































แมนฯยูฯ ชนะ


เสมอ


ลิเวอร์พูล ชนะ


ลีกสูงสุด


60


43


52


เอฟเอ คัพ


8


4


3


ลีก คัพ


1


0


3


ลีก คัพ


1


3


2


Total


70


50


60


 


 สำหรับการพบกันครั้งล่าสุดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อน เกมนั้นแมนฯยูฯ ชนะ 2-1 และกลายเป็นแชมป์อย่างยิ่งใหญ่เพราะปีนั้นพวกเขาครอง “ทริปเปิ้ลแชมป์” ซะด้วย


 ส่วนครั้งล่าสุดที่พบกันคือฤดูกาล 2005-06 เป็นรอบสี่เล่นที่แอนฟิลด์ ผลปรากฏว่า ปีเตอร์ เคราช์ โหม่งประตูชัยให้หงส์แดงเขี่ยแมนฯยูไนเต็ดตกรอบ และปีนั้นลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์มาครองได้ด้วยการชนะจุดโทษเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในยุคของ ราฟา เบนิเตซ


 


สภาพทีม
 แมนฯยูฯ...ค่อนข้างพร้อมนับจากเซอร์ อเล็กซ์  เฟอร์กูสัน สั่งพัก เอดวิน ฟาน เดอ ซาร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เวย์น รูนีย์ เพื่อรับมือลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ ปีที่แล้วท่านเซอร์บอกเจ็บปวดมากที่ตกรอบสามเพราะแพ้ลีดส์ ยูไนเต็ด ในแง่ของความเป็นปฏิปักษ์แล้วแฟนบอลรู้สึกเสียหน้า ปีนี้ได้โอกาสเจอลิเวอร์พูลเป็นคู่แข่งขันอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากลีดส์ แต่ท่านเซอร์ นอกจากไม่ต้องการแพ้แล้วยังตั้งเป้าที่แชมป์ ดังนั้นสภาพทีมก่อนพบกับลิเวอร์พูลต้องยอมรับว่าสดมากๆเลยทีเดียว


 ลิเวอร์พูล...ผ่านเกมกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ด้วยสภาพทีมที่ต้องยอมรับว่าเวลานี้มีปัญหาในแนวรับ นับจากเจมี คาร์ราเกอร์ พักยาว กองหลังที่เหลือมีให้เลือกใช้งานเต็มที่แค่สองคนสำหรับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ


 


กลยุทธ์และผลที่คาด
 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน น่าจะจัดทีมในระบบ 4-4-2  ฟาน เดอ ซาร์ กลับมาเฝ้าเสา กองหลัง ริโอ, วีดิช แบกสองข้างเป็น ราฟาเอล กับเอวรา ส่วนแดนกลางนั้นมี เฟลทเชอร์ กับ คาร์ริค คุมเกมตรงกลาง พร้อมประสานงานกับ อันแดร์สัน โดยเลือก นานี เป็นตัวฟรีเชื่อมเกมรุกกับ เบอร์บาตอฟ และ รูนีย์


 ส่วนหงส์แดงนั้น ไม่มีทางเลือกมากนอกจากเล่นแบบ 4-5-1  นอกจาก เรน่า แล้วกองหลัง 4 คน จอห์นสัน, สเคอเทิลน่าจะเล่นกับ แอกเกอร์ โดยแบกซ้ายอาจสลับเป็น ออเรลิโอ หลังจาก คอนเชสกี้ เล่นกลางสัปดาห์ กลับมา


 แดนกลางนั้น ลูคัส คู่กับ ราอูล โดย เจอร์ราร์ด เป็นตัวฟรี ให้ โรดริเกซ กับ เคาต์ เล่นริมเส้น ส่วน ตอร์เรส คนเดียว ขณะที่ เอ็นก๊อก เป็นตัวสำรองในแผนนี้อีกครั้ง


รูปเกมที่คาดนั้น...เจ้าถิ่นจะเดินหน้าโจมตีเกมรับลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่อง ชั่วโมงนี้ แมนฯยูฯ เล่นด้วยความมั่นใจประกอบกับเกมในพรีเมียร์ลีกพวกเขา จัดการหงส์แดงได้เกินหนึ่งชั่วโมงนำด้วยสกอร์ 2-0 ก่อนผิดพลาดโดนตีเสมอ แต่ยังเอาตัวรอดได้ชนะในท้ายที่สุด เกมวันนั้นผีแดงเหนือกว่าเยอะ


ขณะที่ รอย ฮอดจ์สัน น่าจะเน้นความรัดกุมและแน่นอน ลดความผิดพลาดให้น้อยที่สุดในเกมนี้ ไม่พยายามปล่อยให้แมนฯยูฯ มีโอกาสครองบอลอย่างง่าย แต่เชื่อว่ารูปเกมเป็นรองแมนฯยูฯ ที่เหลือคือเกมรับจะป้องกันได้ดีขนาดไหน ซึ่งจุดนี้คือจุดบอดของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริงดูแล้วหากโดนผีแดงกดดันอย่างต่อเนื่องสัก 5-10 นาทีมีโอกาสเสียประตู


ผลที่คาด แมนฯยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 ผ่านเข้ารอบ 4

สปอร์ตพูล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์