สัมภาษณ์พิเศษโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์

สัมภาษณ์พิเศษโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์

เกือบ 15 ปีแล้วที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตอนนี้ก่อนจากกัน manutd.com ได้จับเอาเพชรฆาตหน้าทารกผู้นี้มาสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ก่อนที่เขาจะจากไปคุมทีมโมลด์อย่างเป็นทางการ

คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องจากไป
ผมเพิ่งรู้สึกว่าจะต้องจากไปจริงๆ ก็ตอนนี้แหละ มันก็รู้สึกแปลกๆ นะ ทุกครั้งที่ผมทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งสุดท้าย มันจะรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มต้นอะไรอีกอย่าง ตอนนี้ผม และภรรยากำลังจะกลับบ้าน (นอร์เวย์) แต่เด็กๆ จะต้องอยู่ที่นี่ต่อเพราะพวกเขามีชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเราก็ตื่นเต้นกันมากๆ สำหรับผมแล้ว มันถือเป็นก้าวย่างที่ดีที่ได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ได้คุมทีมด้วยตัวเอง ในส่วนครอบครัวตอนนี้ก็ยังต้องดูกันต่อไปว่าเรายังคงเป็นคนนอร์เวย์อยู่หรือว่าเรากลายเป็นคนอังกฤษไปแล้ว!

คุณจะได้พักก่อนไปเริ่มงานที่โมลด์หรือเปล่า
ผมจะได้พักประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ เพราะผมจะเดินทางไปนอร์เวย์จริงๆ วันที่ 3 มกราคม และเริ่มงานวันที่ 10 มกราคม ดังนั้นผมจะมีเวลาอาทิตย์นึงเตรียมการในสิ่งต่างๆ จริงๆ แล้วเวลาคงหมดไปกับการจัดของล่ะผมว่านะ เพราะตอนนี้ที่คุณมาน่ะ มาแค่กระเป๋าใบเดียว แล้วมาอยู่ในบ้านแบบมี 5 ห้องนอน ดังนั้น ตอนนี้มันจึงเหลือเชื่อมากว่าผมมีข้าวของมากมายเลยจริงๆ ที่อยากจะโยนทิ้งล่ะนะ!

มันรู้สึกแปลกๆ มั๊ยที่ต้องบอกลาในขณะที่คุณใช้เวลาอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้
ผมน่าจะจากไปแบบคันโตน่าล่ะนะ ผมไม่ใช่คนที่จะบอกลาใครได้หรอก จริงๆ นะ มันทำให้ผมรู้สึกเศร้ามากขึ้นที่ต้องจากไป

แต่คุณก็ดีใจใช่มั๊ยที่แฟนๆ จะจัดงานอำลาคุณเพื่อการร่ำลากันอย่างเป็นทางการในเย็นวันจันทร์นี้น่ะ 
ใช่ ผมเข้าใจนะว่ามันเป็นงานพิเศษสำหรับผม ผมดีใจที่สโมสรได้ให้บางสิ่งบางอย่างกับผม ซึ่งพวกเขายอดเยี่ยมมาก พวกเขาดูแลผมตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่นี่ และพวกเขาก็จัดงานให้ผม 3 ครั้งแล้วนะ ผมคิดว่างานในครั้งนี้คงเป็นที่แน่นอนแล้วล่ะว่าผมไปแน่ ครั้งที่ 3 น่ะโชคดีเสมอแหละ! 'เอาล่ะ โอเล่ ครั้งนี้คุณต้องไปจริงๆ แล้วนะ' อะไรทำนองนี้

แล้วตลอดเวลามานี่ มีสักวันหนึ่งมั๊ยที่คุณกลับบ้านโดยไม่ถูกแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด หยุดทักทายน่ะ
ผมคิดว่ามีบางวันที่ผมซ้อมเสร็จแล้วมุ่งตรงกลับบ้าน และไม่ออกไปไหนเลยนะ แต่ยังไงแล้วคุณก็ต้องพบปะผู้คนล่ะนะ คงมีคนเป็นล้านๆ คนเลยที่พูดถึงเหตุการณ์ที่คัมป์นู เพราะผมเจอหลายคนมากเข้ามาบอกผมว่าพวกเขาได้อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น มันยอดเยี่ยมมาก หากไม่มีเหตุการณ์นั้นคงไม่มีผมทุกวันนี้ มันยอดเยี่ยมที่ได้มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ และผมก็ได้รู้อีกว่าผมเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขาเลยนะ เมื่อพวกเขามาบอกว่า รู้มั๊ย คืนนั้นเป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของผมก็เพราะคุณเลยนะ และยังเคยมีคนมาบอกผมเลยนะว่า พวกเขาต้องหย่ากันเพราะผมน่ะ เพราะว่าเขาไม่ได้กลับบ้านหลังเกมที่บาร์เซโลน่าไง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเหตุการณ์คืนนั้นมาตลอดล่ะ

ในแง่ของความมีชื่อเสียง คุณได้ขึ้นไปยืนในตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาล เคียงข้างนักเตะอย่างคันโตน่า และคีน นั่นมันยิ่งใหญ่แค่ไหนสำหรับคุณ
ผมไม่อยากเทียบตัวเองกับพวกเขาหรอกนะ แต่ผมก็ภูมิใจมากที่แฟนๆ ชอบในสิ่งที่ผมทำ ผมถือว่าสิ่งนี้เป็นคำชมเชยอย่างหนึ่งนะ ถ้าพูดถึงคีน และคันโตน่า ผมก็รู้สึกว่าผมมีโอกาสดีที่ได้เล่นกับพวกเขาที่เป็นนักเตะที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีเบ็คแฮม, สโคลซี่, กิ๊กซี่ และแกรี่ เนวิลล์ ซึ่งถือว่าผมได้เล่นกับนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยนะ ผมภูมิใจมากจริงๆ

คุณจะคิดถึงอะไรที่แมนเชสเตอร์บ้างมั๊ย
แน่นอน ผมจะคิดถึงเวลาที่ขับรถไปส่งลูกไปโรงเรียน หรือได้เดินทางเข้าไปในวิมสโลวหรือแมนเชสเตอร์ ซึ่งผมจะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่ผมจะยังเก็บบ้านที่นี่ไว้นะ มันเพิ่งสร้างเสร็จเอง ใช้เวลาตั้ง 3 ปีแน่ะ แต่อย่างไรแล้วคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผมเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ดังนั้นถ้าผมประสบความสำเร็จที่ลีกนอร์เวย์ ที่นี่ก็อาจสนใจผมก็ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นผมก็อยากกลับมานะ 

แล้วคุณจะนำเอาทัศนะในการใช้ชีวิตในอังกฤษไปใช้ที่นู่นหรือเปล่า
เราจะนำหลายสิ่งไปใช้เลยล่ะ มันเหมือนเป็นสิ่งเติมเต็มเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่เราพลาดเวลาอยู่ในนอร์เวย์ นั่นคือสิ่งที่จะทำให้เรานึกถึงแมนเชสเตอร์ เราจะคิดถึงเพื่อนๆ ของเรา และช่วงเวลาที่สำคัญที่นี่ ที่นี่เรามีเพื่อนที่ดีมาก ทั้งเพื่อนนอกสนามด้วย และเราก็จะคิดถึงพวกเขา คุณจะรู้สึกว่าต้องจากพวกเขาซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน และเพื่อนของคุณไป คนที่คุณต้องเจอเขาทุกวันน่ะ ผมบอกได้เลยนะว่าคนอังกฤษน่ะสุภาพมาก และเป็นคนที่เปิดเผยนะ ดังนั้น เราจะนำสิ่งนี้แหละกลับไปนอร์เวย์ด้วย 

แล้วคุณจะคิดถึงอะไรในคาร์ริงตันบ้าง
ทุกอย่างเลยล่ะ ผมมีความสุขกับการมาที่นี่ทุกวัน เมื่อคุณขับรถเข้ามาที่คาร์ริงตันคุณจะรู้สึกเลยว่ามันจะเป็นวันที่ดีมาก สต๊าฟที่นี่ยอดเยี่ยมมาก คุณได้พูดคุยเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดทั้งวัน และผมจะพยายามสร้างสภาพแวดล้อมแบบนี้ในโมลด์นะ สิ่งแวดล้อมในสนามซ้อมก็ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นวัฒนธรรมแห่งการแสดงออก เราพยายามอย่างหนักที่จะทำให้นักเตะดีขึ้น ซึ่งผมคงจะคิดถึงมันมากทีเดียวละ แน่นอนเหล่านักเตะก็ด้วย ถ้าให้พูดชื่อผมคงพูดไม่หมดหรอก แต่ผมรู้ว่าผมจะคิดถึงการได้พูดคุย หยอกล้อกับพวกเขาแน่ สต๊าฟที่นี่ตั้งแต่ เคท แผนกต้อนรับไปจนถึงทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีม เลขานุการ และทีมงานคนอื่นๆ พวกเขายอดเยี่ยมมากจริงๆ และผมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับวอร์เรน จ๊อยซ์ ตลอด 2 ปีครึ่งนี้ ถ้าจากไปแล้วมันคงรู้สึกแปลกๆ นะ แต่ผมก็จะยังคงติดต่อกลับมา และไม่แน่อาจโทรคุยกัน 3 - 4 ครั้งต่อสัปดาห์เลยก็ได้

คุณสองคนดูเหมือนกลายเป็นคู่หูกันไปแล้วนี่
เขายอดเยี่ยมมากเลยล่ะ ผมดีใจมากที่เขาต้องการทำงานกับผม ไม่มีบทเรียนที่คุณจะได้รับเหมือนกับการได้ทำงานกับวอร์เรนหรอก ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และผมยังจำได้ดีถึงการคุยโทรศัพท์ครั้งแรกของเราเกี่ยวกับความพยายามทำให้นักเตะของเราเป็นมืออาชีพน่ะ เขาช่วยเปิดหูเปิดตาผมมากทีเดียว เขามีมุมมองที่เหลือเชื่อมากเกี่ยวกับนักเตะ เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม และมีความรู้เกี่ยวกับแทคติคที่เยี่ยมมาก ผมยกย่องเขายังไงก็ไม่พอแหละ สโมสรนี้มีโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สามารถให้ความรู้นักเตะได้ เขายังเคยสอนผมโต้คลื่นเลยนะ เรามีช่วงเวลาที่ดีมากที่เดวอน เขาพยายามพาผมขึ้นบนบอร์ดตั้ง 3 - 4 ครั้งแน่ะ ผมคงไม่เล่นอีกหรอกนะ แต่ยังไงแล้วก็ถือว่าผมเคยเล่นโต้คลื่นนะ ถ้าคุณอยากให้ผมพูดถึงเขานะ ผมคงนั่งอยู่ที่นี่แล้วพูดถึงเขาเป็นวันเลยล่ะ เราเคยฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน 2 คนด้วยนะที่ลิสบอนน่ะ (หัวเราะ)

ใช่ เหตุการณ์นั้นคงต้องบันทึกไว้เลยล่ะ
เราไปเที่ยว และก็ไปเยี่ยมคาร์ลอส เคยรอซ กัน เขาชวนเราไปน่ะ เราก็ตอบรับทันที แล้วก็มานึกได้ว่ามันตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี พอไปถึงโรงแรม ตอนแรกพวกเขาก็ให้เราพักห้องเดียวกัน แต่เราก็แก้ปัญหาได้ทีหลังนะ แต่ยังไงแล้วเราก็ไม่ได้ฉลองคืนวาเลนไทน์ด้วยกันหรอกน่า อย่าลืมบันทึกตรงนี้ไว้ด้วยนะ

คุณมีความสุขแค่ไหนกับการคุมทีมสำรอง
มีความสุขมากเลยล่ะ ผมมีความสุขเพราะว่าพวกเขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ และยังมีทัศนคติที่ดีด้วย ผมมาทำงาน และไม่มีปัญหาอะไรเลยจริงๆ นะ มันมีบางวันที่พวกเขารู้สึกเศร้าใจ หดหู่ และนั่นก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้พวกเขากลับมาดีขึ้น ในชีวิตจริงแล้วคุณไม่เคยรู้หรอกว่าจะมีนักเตะในทีมสำรองจำนวนเท่าไหร่ คุณอาจมีแค่ 8 คนหรือ 20 คนเลยก็ได้ มันมีความหลากหลายมาก และเปลี่ยนแปลงมากมาย คุณจึงต้องปรับตัวเร็วมาก ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้มากมายที่นี้ และผมก็มีความสุขกับมันมากด้วย

คุณตีค่านักเตะหนุ่มเหล่านี้สูงแค่ไหน
สูงมากเลยล่ะ ผมคิดว่าพวกเขาจะได้รับโอกาสนะ ผมหวังว่า 2 - 3 คนในนี้จะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า หรืออาจจะก่อนหน้านั้นก็ได้ นอกจากนี้ยังมีนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์อย่างน่าตกใจเลยล่ะ ผมคิดว่าคุณคงรู้ว่าเป็นใครนะ พวกเขามีพรสวรรค์มากไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองว่าจะหยิบฉวยโอกาสนี้ได้มากแค่ไหน และทำตัวดีแค่ไหน

คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างกับการอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด
มันเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ที่นี่พัฒนาอยู่เสมอ และพยายามที่จะก้าวล้ำการพัฒนา ผู้จัดการทีมก็ยอดเยี่ยมมากในการทำสิ่งใหม่ๆ และก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ขนาดของสโมสรเมื่อเทียบกับตอนที่ผมมา มันก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ยังรับมือกับการพัฒนาที่นี่ และวัฒนธรรมแห่งการเอาชนะได้เสมอ เราเอาชนะอาร์เซน่อลได้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ในวันต่อมาคุณจะไม่ได้เห็นใครพูดถึงเกมในวันนั้นเลย พวกเขามุ่งมั่นไปที่เกมข้างหน้า และนี่แหละคือสิ่งที่เราทำเสมอที่แมนฯ ยูไนเต็ด มันเหมือนเป็นรูปแบบพฤติกรรมของคนที่นี่ และผมก็คงจะนำเอาสิ่งนี้ไปที่โมลด์ด้วยเช่นกัน

คุณได้รับการติดต่อจากโมลด์ครั้งแรกเมื่อไหร่ และคุณคิดอย่างไรถึงตัดสินใจรับงานนี้
ผมได้พูดคุยกับพวกเขาเมื่อปีก่อน ช่วงกลางฤดูกาลที่ฟอร์มของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก แล้วในช่วงซัมเมอร์พวกเขาก็ปลดผู้จัดการทีมคนเดิมออก แต่ผมก็ยังไม่อยากรับงานนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาคนดูแลทีม ผมได้คุยกับพวกเขาอีกครั้งในเดือนตุลาคมแต่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงนะ แต่มาคิดอีกที ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับผม และครอบครัว หลังจากได้พูดคุยกันผมก็กลับบ้านไปปรึกษาครอบครัว และมันก็ดูที่จะเป็นไปได้มากขึ้น มันสำคัญมากสำหรับผมและ Silje ที่จะเปิดโอกาสให้ลูกของเราได้เติบโตแบบชาวนอร์เวย์บ้าง จากนั้นผมก็ได้คุยกับอีกหลายคนในสโมสร ผู้จัดการทีมบอกว่าคุณควรจะลองไป และพูดคุยกับที่นั่นดู คุณไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไง เขามีเพื่อนหลายคนที่ไปสัมภาษณ์งานหลายที่แต่ก็ยังคงทำงานที่เดิม นอกจากนี้ผมก็ได้พูดคุยกับอีกหลายสโมสรนะ แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วที่จะย้ายกลับบ้านของผม

งั้นก็คงเป็นการพูดคุยที่ค่อนข้างใหญ่มากกับเซอร์ อเล็กซ์ ล่ะสิ
มันก็ไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่หรอกเพราะว่าตอนที่ผมคุยกับเขา และบอกว่าเราคิดถึงบ้านมากจริงๆ และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรา เพราะว่าเราอยู่ที่นี่มา 14 ปีครึ่งแล้ว เขาก็คิดว่าก้าวแรกในการคุมทีมโดยลองไปคุมทีมที่นอร์เวย์ดูจะเป็นความคิดที่ดีน่ะ

แล้วในวันที่คุณเซ็นสัญญากับโมลด์มันวุ่นวายแค่ไหน
ตอนนั้นผมมองอีกอย่างหนึ่งนะ เพราะผมรอคอยที่จะได้กลับบ้านน่ะ ผมไม่ค่อยชอบการต้องนั่งคุยกับสื่อนานขนาด 2 ชั่วโมงครึ่งแบบนั้นหรอกนะ แต่มันก็เป็นไปแล้วล่ะ มันสำคัญมากสำหรับผม, ริชาร์ด (แฮริส) และมาร์ค (เดมซี่ย์) ที่ได้ออกมาคุยกับสื่อนอร์เวย์ เดมซี่ย์อยู่ที่นอร์เวย์มา 2 ปีแล้ว เขาเป็นโค้ชให้ทีมชุดต่ำกว่า 16 ปี และเขาก็ยอดเยี่ยมมาก ผมรู้ว่านักเตะนอร์เวย์จะชอบวิธีการสอนของเขา ส่วนริชาร์ด ผมก็ทำงานในฐานะโค้ชกับเขามา 3 ปี และผมก็ถามเขาว่าเขาสนใจงานนี้หรือเปล่าเพราะเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีในการร่วมงานกัน ผมว่ากระบวนการของเขาดีมาก และเขาก็จะนำบางสิ่งบางอย่างไปสอนผู้รักษาประตูของทีม รวมถึงแนวรับทั้ง 4 ของทีมด้วย ผมถามนายใหญ่ของเรา (เซอร์ อเล็กซ์) ว่าผมจะขอตัวเขามาทำงานกับผมได้มั๊ย และเขาก็ตอบตกลง

หลังการแถลงข่าว คุณก็ได้พบแฟนๆ ทีมโมลด์ในผับนี่
เราได้ไปพบแฟนๆ บางส่วน และอยากเริ่มอะไรนิดๆ หน่อยๆ ความกระตือรือร้นของแฟนๆ ทำให้ตลอดทั้งวันมันดีมากๆ เพราะคุณจะเห็นได้เลยว่าเราเหมือนไปจุดประกายความหวังให้พวกเขา และเราก็จะเริ่มสร้างทีมจากตรงนั้นล่ะ

โมลด์เป็นสโมสรที่เป็นตัวของตัวเอง และมีประวัติศาสตร์ของทีม แต่คุณจะนำเอาวัฒนธรรมบางอย่างจากแมนฯ ยูไนเต็ด ไปปรับใช้ที่นั่นเหรอ
แน่นอน สำหรับผมแล้วนี่แหละคือวิถีที่สโมสรจะสร้างตัวขึ้น และเริ่มต้นจากรากฐานในทุกวัน มันเป็นวิธีที่ผมจะพัฒนาทีมของผม มันเป็นแม่แบบของสโมสรที่สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมนำมาร์ค เดมซี่ย์ และริชาร์ด ฮาร์ติสมาร่วมทีมด้วย เราทั้ง 3 คนมีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับแมนฯ ยูไนเต็ด แมนฯ ยูไนเต็ด นำตัวนักเตะจากโมลด์ 3 คนซึ่งถือเป็นคำชมเชยที่ยิ่งใหญ่มากของโมลด์ แต่ผมก็ยังคิดว่าผมก็จะเดินหน้าต่อไป หวังว่าเราจะได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยกันนะ ใครจะรู้ล่ะ!

เซอร์ อเล็กซ์ มีอิทธิพลต่อคุณแค่ไหน
นายใหญ่ยอดเยี่ยมมาก ตลอดเวลา 14 ปีครึ่งที่อยู่ที่นี่ เขาทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้ คุณจะได้เรียนรู้จากเขา ผมมาที่นี่ตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กชาวนอร์เวย์ ผมมองดูเขาแล้วก็เรียนรู้ที่จะเป็นมืออาชีพ และเรียนรู้วิธีการที่จะจัดการกับตัวเอง

เขาอยู่กับทีมมาเกือบ 25 ปีแล้ว และเขาจะทำอะไรต่อไป
สิ่งสำคัญคือเขาชอบมันนะ เขาชอบที่จะมา และทำงานที่นี่ เขามีทีมงานที่ดีรายรอบ เขาเก็บทีมงานอายุน้อยไว้ใกล้ๆ และเขาก็ยังเป็นคนที่กระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน และเขามีพลังงานมากกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เพื่อที่ต้องการจะเอาชนะน่ะนะ เขาต้องการชัยชนะ เขาอยากมีเกมอย่างที่เพิ่งเจอกับอาร์เซน่อล นั่นแหละเขาล่ะ 

งั้นแผนแรกสุดที่คุณจะทำกับโมลด์คือเอาอย่างเซอร์ อเล็กซ์ และแปลงสโมสรให้ยิ่งใหญ่ในนอร์เวย์
เมื่อคุณเริ่มงานคุณก็ย่อมรู้ว่าคุณจะจากไปในวันหนึ่ง 2 ปี, 5 ปี หรือ 10 ปี แล้วเป็นตำนานของทีม การเริ่มสิ่งใหม่นั่นคือคุณได้สร้างประวัติศาสตร์แล้ว ปีหน้าโมลด์จะฉลองครบรอบ 100 ปี พวกเขาได้แชมป์บอลถ้วย 2 ครั้ง และไม่เคยได้แชมป์ลีกเลย แน่นอนว่าเป้าหมายของผมคือคว้าแชมป์ลีก แต่ตอนนี้ผมต้องเริ่มตั้งแต่โครงสร้างของทีม ให้โอกาสเด็กๆ ได้เข้ามาเล่นในทีม ถ้าคุณอยากสร้างสโมสร คุณต้องดูคนที่ประสบความสำเร็จ และเซอร์ อเล็กซ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมาก มันยากที่จะบอกว่าอีก 10 หรือ 15 ปีข้างหน้าผมจะไปคุมทีมไหน ถ้าผมทำได้ดีก็อาจมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ผมบอกแบบนี้กับนักเตะที่นี่หลายคนที่อยากคุมทีมนะ ถ้าคุณทำได้ดีพอคุณก็จะได้โอกาสคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด

โรเซนบอร์ก คว้าแชมป์ลีก 17 ครั้งจาก 21 ครั้งหลังสุด พวกเขาเป็นสโมสรที่คุณต้องการเอาชนะหรือเปล่า
พวกเขาคือเป้าหมายอย่างหนึ่งเลยล่ะ พวกเขามีวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมในการคงไว้ซึ่งตำแหน่งแชมป์ พวกเขามีนักเตะมืออาชีพที่รู้ว่าต้องเสียสละเพื่อฟุตบอล และแน่นอนสถานะทางการเงินของพวกเขาจากการได้เข้าแข่งในแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ช่วยสโมสรได้มาก เป้าหมายของผมคือพยายามเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ และท้ายที่สุดก็ผ่านพวกเขาไปให้ได้


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์