ผีหลอนได้ใจ




ผีเปิดบ้านหลอนสิงห์บลูส์ 3-0 ไล่หงส์เหลือ 5 แต้ม









ขอบคุณข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2552 00:47 น.




















       “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านหลอนเอาชนะ “สิงห์บลูส์” เชลซี 3-0 ไล่จี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลือแค่ 5 แต้มแต่ลงเล่นน้อยกว่าสองนัด
       
       ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์
       
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 เชลซี














โรนัลโด เปิดบอลผ่าน โจ โคล
       
       เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมาก “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอสมควรในการรับมือกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี โดยขาด ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ยังเจ็บหลัง จอนนี อีแวนส์ ลงมาช่วยเกมรับแทน แต่ก็ได้ ปาทริซ เอฟรา แบ็กซ้ายจอมบุกพ้นแบนกลับมา ขณะที่ คริสเตียโน โรนัลโด กระชากลากเลื้อยได้แม้เพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ด้าน หลุยซ์ เฟลิเป สโคลารี จัดทัพใหญ่มาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นำมาโดย จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมที่พ้นโทษแบน แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา














เบิร์บ เข้าไปเฮกับ วิดิช
       เริ่มการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จัดตัวแบบกั๊กๆ เนื่องจากมีเกมกลางสัปดาห์กับ วีแกน แอธเลติก รออยู่ แต่เป็นฝ่ายเดินเกมรุกเร้าใส่ เชลซี ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่ทีมเยือนได้ลุ้นก่อนจากฟรีคิกกลางประตูระยะ 25 หลาทว่า มิชาเอล บัลลัค ยิงเรียดไปติดเท้า ดิดิเยร์ ดร็อกบา พวกเดียวกันเอง ครึ่งทางของครึ่งแรก “ผีแดง” ได้ลุ้นจากฟรีคิกเช่นกันบริเวณเส้นโทษทางขวา ไรอัน กิกส์ ปั่นเข้าไปร้อนถึง ปีเตอร์ เช็ก ต้องชกทิ้งออกมา เกมแลกหมัดกันสนุกทีเดียวผ่าน 30 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสทอง ปาทริซ เอฟรา เติมเกมบุกขึ้นมาจ่ายต่อให้ เวย์น รูนีย์ แตะต่อ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หลุดเข้าไปยิงในกรอบโทษแต่ เช็ก ล้มตัวป้องกันเอาไว้ได้
       
       ท้ายครึ่งแรก เชลซี กลับมาเป็นฝ่ายขึงเกมบุกใส่เจ้าถิ่นได้บ้างแต่การต่อบอลเพื่อหาจังหวะจบสกอร์ยังไม่เข้าล็อก จังหวะถัดมา “หนูโด้” สะกิดบอลให้ ปาร์ค จี ซอง หลุดไปส่องเน้นๆ ทว่า จอห์น เทอร์รี พุ่งมาบล็อกได้ทันพอดี ช่วงทดเวลาบาดเจ็บแฟนๆ เจ้าถิ่นเฮเก้อ กิกส์ เล่นลูกเตะมุมเร็วหยอดให้ โรนัลโด ขวิดเข้าประตูแต่ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ให้ประตูเนื่องจากผู้ช่วยผู้ตัดสินมองว่า รูนีย์ ตั้งบอลไม่นิ่งก่อนเล่นสั้นให้ กิกส์ เปิด แต่จังหวะต่อมา “ผีแดง” ขึ้นนำ 1-0 จนได้ กิกส์ เปิดใหม่เข้ามาให้ เบอร์บาตอฟ โหม่งบอลไปเสาสอง เนมันยา วิดิช สอดขึ้นมาโขกเต็มแรง เช็ก ปัดไม่อยู่บอลเข้าประตูไปและก็จบ 45 นาทีแรก














เฟล็ทเชอร์ สาดบอลก่อน แลมพ์ เข้า
       เปิดฉากครึ่งหลัง “บิ๊กฟิล” แก้เกมให้ผู้มาเยือนทันทีใส่ นิโกลาส์ อเนลกา ไปช่วย ดร็อกบา ล่าตาข่ายและก็ถอด เดโก ซึ่งเป็นกองกลางออกมา จากนั้น เชลซี เดินเกมรุกใส่ทันทีแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเก๋าไม่ลงไปตั้งรับเสียทีเดียว ดันเกมสูงขึ้นมาสู้ ทำให้หนึ่งชั่วโมงผ่านไปยังเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมได้สมดุลกว่า สามนาทีถัดมา “ผีแดง” ทิ้งห่างเป็น 2-0 เอฟรา เติมขึ้นมาทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลาง เบอร์บาตอฟ โขกไม่โดนแต่บอลไปเข้าทางให้ รูนีย์ แปกระทุ้งจ่อๆ ไม่เหลือ ตกเป็นรองห่าง “สิงห์บลูส์” แก้เกมอีกครั้งใส่ ชูเลียโน เบลเล็ตติ มาช่วยเกมรับริมเส้นแทน โฮเซ โบซิงวา ที่โดนเจาะบ่อยครั้ง
       
       ด้าน เฟอร์กี เปลี่ยนทัพบ้างถอด เอฟรา ที่ดูมีอาการเจ็บออกมาพร้อมส่ง จอห์น โอเชีย แข้งสารพัดประโยชน์ลงสู่สนาม นาทีที่ 73 เชลซี ทิ้งโอกาสในการตีไข่แตก แฟรงค์ แลมพาร์ด หยอดฟรีคิกให้ เทอร์รี โขกเช็ดแต่ ดร็อกบา ยิงโดนบอลไม่เต็มเท้าเสียราคาไปพอสมควร สิบนาทีสุดท้าย เจ้าบ้านเกือบทิ้งห่างถ้า เช็ก ไม่ปัดลูกฟรีคิกของ โรนัลโด ที่แฉลบหลัง แลมพาร์ด พ้นคานไป ทีมเยือนดูถอดใจเล่นผิดพลาดไปหมด “หนูโด้” เก็บส้มหล่นยิงไกลเฉียดเสานิดเดียว ท้ายเกม เชลซี ปล่อยไพ่ใบสุดท้าย ฟรังโก ดิ ซานโต ช่วยเกมรุกถอด โจ โคล ออกมา
       
       แต่ก่อนหมดเวลา 3 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ตอกย้ำชัยชนะ 3-0 อย่างสวยงาม เมื่อ โรนัลโด เปิดฟรีคิกแรงไปเสาแรก เบอร์บาตอฟ แปยัดตุงตาข่าย หมดเวลาการแข่งขัน “ผีแดง” มีเพิ่มเป็น 41 คะแนนจากการลงสนาม 19 นัดกระโดดแซง แอสตัน วิลลา ขึ้นที่ 3 ด้วยประตูได้-เสียที่ดีกว่า และก็ไล่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงเหลือแค่ 5 แต้มแต่แชมป์เก่าแข่งน้อยกว่า 2 นัด ขณะที่ เชลซี รั้งอันดับ 2 มีอยู่ 42 คะแนนเช่นเดิมจากการลงเตะ 21 นัด
       
       รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , แกรี เนวิลล์ , จอนนี อีแวนส์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , คริสเตียโน โรนัลโด , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไรอัน กิกส์ , ปาร์ค จี ซอง , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
       
       เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , โฮเซ โบซิงวา , จอห์น เทอร์รี , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , แอชลีย์ โคล , จอห์น โอบี มิเกล , โจ โคล , มิชาเอล บัลลัค , แฟรงค์ แลมพาร์ด , เดโก ซูซา , ดิดิเยร์ ดร็อกบา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์