หยุดโลกเกมหน้า!ผีพลาดตามเจ๊ากุหลาบ

ศึกบิ๊กแมทช์หยุดโลกสัปดาห์หน้ามันส์ระเบิดหลังเชลซีตามแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแค่ 3 แต้มหลังเด็กป๋าสะดุดด้วยการบุกมาไล่ตีเสมอแบล็คเบิร์น โรเวอร์สก่อนหมดเวลาแค่ 2 นาทีและนัดหน้ามีตำแหน่ง"จ่าฝูง"เป็นเดิมพัน

บรรยายเกมโดยนาฬิกาทราย

แบล็คเบิร์น 1-1 แมนฯยูไนเต็ด

สนาม : อีวู้ด พาร์ก

ประตู : 0-1 ครูซ น.21,1-1 เตเบเซ น.88



แบล็คเบิร์นยังคงมีความหวังในพื้นที่อินเตอร์ โตโต้คัพอยู่

จึงจัดทัพด้วยทีมชุดใหญ่โรเก้ ซานตา ครูซ,มอร์เท่น แกมต์ส ปีเดอร์เซ่น และเดวิด เบนท์ลีย์ ต่างลงสนามกันถ้วนหน้า ขณะที่แมนฯยูไนเต็ด ถ้านัดนี้ชนะโอกาสคว้าแชมป์ก็แทบจะร้อยเปอร์เซนต์แล้ว ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ยอมพักตัวหลักทั้งเวย์น รูนีย์ และคริสติอาโน่ โรนัลโด้เลย ถึงแม้จะมีเกมแชมเปี้ยนส์ลีก กับบาร์เซโลน่ากลางสัปดาห์คอยท่าอยู่ก็ตาม 

เปิดฉากมาได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น

ก็มีเรื่องน่ากังขาเกิดขึ้นในเกม เมื่อเจสัน โรเบิร์ตได้จังหวะหลุดเดี่ยวไปดวลกับโทมัส คุซแซ็ก และแตะหลบไปได้แล้ว ก่อนโดนคุสแซ็กอัดจนล้มกลิ้งกระเด็น แต่ทว่าผู้ตัดสินร็อบ สไตล์ส กลับเมินให้ลูกโทษอย่างไม่น่าเชื่อและเมื่อไม่ได้ลูกโทษปั๊บ แมนฯยูไนเต็ด ก็สวนกลับมาและเกือบขึ้นนำทันที จากลูกยิงของคริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ไปแฉลบไรอัน เนลเซ่นจนเปลี่ยนทาง แต่แบรด ฟรีเดล ยังไวพอลอยมาตะครุบไว้ได้

เข้าสู่นาทีที่ 13 ผีแดงมีโอกาสจะจะอีกครั้ง

บอลเริ่มจากคาร์ริก แทงลึกให้รูนีย์ กระชากไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนตบเข้ามากลางประตู คาร์ลอส เตเบซ วิ่งมาถึงและน่าจะยิงเข้าง่ายๆแล้ว แต่เตเบซดันเตะวืดไปเองซะอย่างนั้น จนชวดโอกาสในที่สุด และแล้วความผิดพลาดเล็กๆน้อยของแมนฯยูไนเต็ด ก็ทำให้แบล็คเบิร์นขึ้นนำ 1-0 ได้อย่างพลิกความคาดหมายในนาทีที่ 21 จากจังหวะทุ่มไกลของมอร์เท่น แกมต์ส ปีเดอร์เซ่น เนมานย่า วิดิช กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ดันไม่เข้าใจกันเคลียร์บอลผิดพลาด จนบอลไหลมาเข้าทางปืนโรเก้ ซานตา ครูซ และก็ไม่มีพลาด ดาวยิงปารากวัยซัดเสียบมุมไปอย่างเลือดเย็น

ทีมผีแดงในวันนี้ดูยังจะเล่นขาดๆเกินๆเป็นอย่างมาก
 
และเกือบจะโดนทีมกุหลาบกะซวกเม็ดที่สองหลายครั้งทีเดียว เริ่มจากลูกยิงไกลระยะ 30 หลาของเดวิด เบนท์ลีย์ในนาทีที่ 31 แต่คุสแซ็กปัดข้ามคานออกไปได้ จากนั้นอีกสองนาทีต่อมา ลูกครอสของแกมต์ส ปีเดอร์เซ่น ก็เกือบจะเข้าหัวเจสัน โรเบิร์ต แต่ทว่าคุสแซ็กก็คว้าบอลไว้ได้ก่อนแค่นิดเดียวเท่านั้น ถึงเกมของทีมเยือนจะไม่ค่อยดีนัก แต่ลูกเซตพีซก็เกือบทำให้ได้ประตูตีเสมอ ในนาทีที่ 42 จากลูกคอร์เนอร์ฝั่งขวากิ๊กส์เปิดเข้ามากลางประตู ให้คริสติอาโน่ โรนัลโด้ โถมขึ้นโขกเต็มกบาล แต่ทว่าฟรีเดล ยังไวปัดออกไปได้สวย และเกมก็จบครึ่งแรกลงด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลัง แมนฯยูไนเต็ดถอดไรอัน กิ๊กส์ออกทันที
 
และส่งตัวจี๊ดอย่างนานี่ลงสนาม แต่เกมก็ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็นเท่าไหร่นัก เพราะแบล็คเบิร์นนั้นยังเล่นได้รัดกุมมากทีเดียว นาทีที่ 62 นานี่ กระชากผ่านมาจากริมเส้นด้านซ้าย ก่อนตัดเข้ากลางแล้วตะบันกว่า 25 หลาทันที แต่บอลก็ลอยเหินข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

อีกสามนาทีถัดมา ปิศาจแดงน่าจะยิงตีเสมอได้อย่างที่สุด

จากจังหวะที่พาทริซ เอวร่า บอมบ์ยาวมาจากแดนหลัง สตีเว่น รีด พยายามโหม่งสกัด แต่ดันไปเข้าทางโรนัลโด้ จับหนึ่งครั้งก่อนซัดตูมด้วยซ้ายเต็มเหนี่ยว บอลพุ่งแรงปานจรวด ผ่านมือฟรีเดลไปแล้ว แต่ดันไปชนโคนเสาโครมเบ้อเร้อ แบล็คเบิร์นครึ่งหลังนานๆจะมีโอกาสซักที แต่ก็ได้เสียวไม่น้อยเหมือนกัน เมื่อแกมต์ส ปีเดอร์เซ่น กระชากไปจนถึงหน้าปากประตู ฝั่งซ้ายแบบไม่มีมุมแล้ว แต่ทว่าก็ยังเสี่ยงยิง

ก่อนหมดครั้งแรก 8 นาที"

ปิศาจแดง"น่าจะได้จุดโทษหลังคาร์ริคล้มตัวโขกแต่เอเมอร์ตันไปยกศอกเซฟบนเส้นแต่ผู้ตัดสินให้เล่นต่อทำให้แข้งเจ้าถิ่นช่วยกันหวด 2-3 ทีกว่าจะเคลียร์ทิ้งได้ จากนั้น นานี่ลากขึ้นมาเองก่อนไหลทะลุช่องให้รูนีย์วิ่งควบเข้าไปล่อเป้าเต็มๆแต่ฟรีเดลล์สุดเหนียวล้มตัวเซฟอย่างไม่น่าเชื่อ ยูไนเต็ดมาเป็นชุดนาที 87 ฟรีเดลล์ผีเข้าสุดๆหลังเซฟลูกยิงรูนีย์เผาขนแค่ 6 หลาด้วยมือเดียวบอลออกหลังไป แต่ในที่สุดจังหวะเตะมุมทีมเยือนมาตีเสมอจนได้หลังสโคลส์โหม่งเช็ดให้เตเบซขวิดเผาขน 3 หลาตีเสมอก่อนหมดเวลา 2 นาทีแบบจวนเจียนสุดๆ

ช่วงท้ายเกมระทักขวัญคนทางบ้านสุดๆเพราะยูไนเต็ดโหมจะเอาประตูชัยอย่างบ้าคลั่งแต่แบล็คเบิร์นสวมวิญญาณบอลวัดหวดทิ้งเคลียร์ทุกเม็ดก่อนหมดเวลายันเสมอ 1-1 และทำให้"ปิศาจแดง"มีงานช้างบุกไปเยือนเชลซีที่ใครพลาดงานนี้มีร้องระงมแน่นอน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ

แบล็คเบิร์น : แบรด ฟรีเดล 10*,เบรตต์ เอเมอร์ตัน 7,คริสโตเฟอร์ แซมบ้า 7,ไรอัน เนลเซ่น 7,สตีเฟ่น วอร์น็อค 8,เดวิด เบนท์ลีย์ 6,สตีเว่น รีด 7,โยฮัน โฟเกิ้ล 7(โมโคเอน่า น.85),มอร์เท่น แกมต์ส ปีเดอร์เซ่น 6,โรเก้ ซานตา ครูซ 7,เจสัน โรเบิร์ต 7

แมนฯยูไนเต็ด : โทมัส คุสแซ็ก 6,เวส บราวน์ 6(โอเชีย น.81),ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7,เนมานย่า วิดิช 6,พาทริซ เอวร่า,คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 6,ไมเคิล คาร์ริก 6,พอล สโคลส์ 6,ไรอัน กิ๊กส์ 5(นานี่ น.46,6),คาร์ลอส เตเบซ 7,เวย์น รูนีย์ 5(ปาร์ค จี ซอง น.90)












































เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์