ตัดเชือกชัวร์!ผีบุกสอนเชิงโรม่า2-0

ตัดเชือกชัวร์!ผีบุกสอนเชิงโรม่า2-0

สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาของเคยๆเจอทีไรกินนิ่มทุกทีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โชว์ฟอร์มเฉียบบุกมาเอาชนะโรม่าถึงโอลิมปิก สเตเดียม 2-0 ทำให้นัดหน้าเล่นในบ้านตัวเองแทบแบบเบอร์แพ้คาบ้านซักลูกก็ยังเข้ารอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ดี

บรรยายเกมโดยนาฬิกาทราย

ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก

วันอังคารที่ 1 เมษายน 2551



โรม่า 0-2 แมนฯยูไนเต็ด

สนาม :
โอลิมปิโก้

ประตู : 0-1 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.39,0-2 เวย์น รูนีย์ น.66

ย้อนกลับไปเมื่อซีซันที่แล้ว โรม่าต้องพ่ายแพ้ต่อแมนฯยูไนเต็ดในรอบควอเตอร์ไฟนัลเดียวกันนี้เอง ทำให้ขุนพลจัลโล่รอสซี่หมายมั่นปั้นมืออย่างมากว่าจะขอล้างตาคืนให้ได้

ถึงแม้โรม่าและแมนฯยูไนเต็ดจะเป็นทีมที่เล่นเกมรุกกันโดยธรรมชาติ แต่ทว่ารูปเกมในช่วงต้น ทั้งคู่เล่นเกมอย่างรัดกุมมากๆ ไม่มีใครผลีผลามบุกใส่คู่แข่ง เหมือนกับว่าจะคอยจ้องๆดูเชิงกันอยู่

โอกาสครั้งแรกของเกมนี้เป็นของโรม่าก่อน เมื่อได้คอร์เนอร์ฝั่งซ้าย ดาวิด ปิซาร์โร่เปิดโค้งเข้ามากลางประตู คริสเตียน ปานุชชี่วิ่งมาที่จุดนัดพบ โขกเต็มๆหัว แต่บอลเหินข้ามคานออกไปซะอีก

ผีแดงมามีโอกาสบ้างในนาทีที่ 20จากลูกฟรีคิกระยะไกลสุดๆประมาณ 40 หลา แต่คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ก็ขอเสี่ยงยิงวิ่งเข้าตะบันทันที ซึ่งลูกก็หลุดกรอบออกไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

จัลโล่รอสซี่ มีจังหวะเสียวๆในนาทีที่ 28 เมื่อเมียร์โก วูชินิช กระชากหลบริโอ เฟอร์ดินานด์มาได้แล้ว ก่อนล้มตัวยิงจากนอกเขตโทษ ลูกหมุนโค้งฮุคเข้ามาที่ประตูแล้ว แต่มันก็ฮุคไม่พอเลยข้ามคานออกไปไม่ไกล

แฟนๆแมนฯยูไนเต็ด ต้องใจหายวาบสุดๆในอีกห้านาทีต่อมา เมื่อเนมานย่า วิดิช แนวรับคนสำคัญ กระโดดลงผิดจังหวะจนเจ็บต้นขาซ้ายและไม่สามารถเล่นต่อได้ไหว ต้องเปลี่ยนตัวออกทันที เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงส่งจอห์น โอเช ลงมาเล่นเป็นแบ็กขวา และขยับเวส บราวน์ไปยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน

ถึงจะเสียกองหลังตัวเก่งไปก็จริง แต่เกมรุกของปิศาจแดงก็ยังคงอันตรายอยู่วันยังค่ำ และก็มาทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 6 นาที จากการประสานงานกันอย่างสวยงามจากการพลิกบอลหน้าเขตโทษของรูนีย์ที่ถ่ายบอลออกไปให้สโคลส์ซึ่งวิ่งสอดมาด้านข้างกรอบโทษฝั่งขวาก่อนตักบอลนิ่มๆมาหน้าเขตโทษและคริสติอาโน่ โรนัลโด้ วิ่งมาจากไหนไม่รู้ทะยานมาโขกเต็มกบาลแบบเต็มๆ ลูกเด้งพื้นตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาดสุดๆ และจังหวะนี้ปีกจอมสับเจ็บเพราะเอาหลังลงพื้นจนนอนแน่นิ่งไปเลย

แต่ก็ทำให้แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำไปก่อนด้วยสกอร์ 1-0 นี้ในครึ่งแรก ด้วยลูกที่ 36 ในซีซันนี้ของคริสติอาโน่ โรนัลโด้

กลับมาในครึ่งเวลาหลัง โรม่าเดินหน้าโหมบุกอย่างบ้าคลั่งเต็มสูบ เพื่อทวงประตูคืนให้ได้ และมามีโอกาสจะๆ 3 ครั้งซ้อนๆในช่วง 7 นาทีแรก จากแม็กซ์ โตเนตโต้สองครั้ง และคริสเตียน ปานุชชี่ โดยเฉพาะในจังหวะของปานุชชี่ที่ได้ยิงจ่อๆแค่ 5 หลาแบบไม่มีใครประกบเลย แต่ดันซัดข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ

ครึ่งหลังนี้เกมตกเป็นของโรม่าอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาเติมเกมอย่างดุดัน และโฉบเฉี่ยวทั้งซ้าย ทั้งขวา เล่นเอาแมนฯยูไนเต็ดปั่นป่วนมากทีเดียว แต่ทว่าก็ยังจบสกอร์ไม่ลงสักที

และเมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ โรม่าก็ต้องโดนลงโทษอย่างน่าสงสารในนาทีที่ 66 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาของเวส บราวน์ทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนครอสลึกไปถึงเสาสอง พาร์ค จี ซอง โหม่งตวัดกลับมาหน้าประตู ลูกเหมือนจะไม่มีอะไร และน่าจะเข้าซองโดนี่ง่ายๆ แต่ทว่านายทวารบราซิเลียนดันทำบอลทะลักซะอย่างนั้น ลูกมาเข้าทางเวย์น รูนีย์ ยิงยัดเข้าไปโล่งๆ ส่งผีแดงนำเป็น 2-0 แล้ว

และแค่หนึ่งนาทีหลังจากนั้นแมนฯยูไนเต็ดน่าจะนำเป็น 3 เม็ดด้วยซ้ำ เมื่อโรนัลโด้เจ้าเก่าได้จังหวะล่อเป้านอกเขตโทษ แต่ลูกไปแฉลบปลายมือของโดนี่ พุ่งไปชนเสาโครมเบ้อเร้อ

นาทีที่ 72 แมนฯยูไนเต็ดมีโอกาสแบบจะแจ้งอีกครั้ง เมื่อสโคลส์ถ่ายบอลออกไปให้คาร์ริกได้ตะบันเน้นๆกว่า 20 หลาแบบไม่มีใครจับ แต่คาร์ริกดันยิงหลุดเสาไปแบบไม่น่าให้อภัยจริงๆ

ช่วงเวลาที่เหลือของเกม ถึงโรม่าจะครองบอลได้ดีกว่าก็จริง แต่ก็ไม่สามารถระแคะระคายแนวรับแมนฯยูไนเต็ดได้เลย แถมยังเกือบจะโดนบวกเพิ่มอีกหลายลูก จากโรนัลโด้อีกด้วย แต่เฉี่ยวคานออกไปไม่ไกล

สุดท้ายหมดเวลา 90 นาที จึงเป็นทางแมนฯยูไนเต็ดสร้างผลงานอันสุดยอดได้อย่างต่อเนื่อง บุกมาชนะโรม่าได้ 2-0 ถึงกรุงโรม


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

โรม่า :
อเล็กซานเดอร์ โดนี่,มาร์โก คาสเซตติ,แม็กซ์ โตเนตโต้(ซิซินโญ่ น.68),คริสเตียน ปานุชชี่,ฟิลิปป์ เม็กแซส,ดานิอาเล่ เด รอสซี่,อัลแบร์โต้ อาควิลานี่(เอสโปซิโต้ น.77),โรดริโก้ ตาดเด(ลูโดวิช ชูลี่ น.59),เคลาดิโอ ปิซาร์โร่,อมันติโน่ มันชินี่,เมียร์โก วูชินิช

ใบเหลือง : ฟิลิปป์ เม็กแซส,ดาวิด ปิซาร์โร่

แมนฯยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์,พาทริซ เอวร่า,เวส บราวน์,ริโอ เฟอร์ดินานด์,เนมานย่า วิดิช(จอห์น โอเช น.33),อันเดร์สัน(โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ น.55),พอล สโคลส์,ไมเคิล คาร์ริก,พาร์ก จี ซอง,คริสติอาโน่ โรนัลโด้,เวย์น รูนีย์(คาร์ลอส เตเบซ น.84)

ใบเหลือง : อันเดร์สัน

ผู้ตัดสิน : แฟรงค์ เดอ บลีกเกอร์ (เบลเยียม)







































 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์