ยิงเป็นเข้า! เรือใบใสแจ๋วถลุงชาลเก้สะแด่วแห้ว 7-0 (10-2)

เรือใบสีฟ้าโชว์แสนยานุภาพสุดโหด ดาหน้าไล่ถล่มราชันสีน้ำเงินเสียย่อยยับ ตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมแบบไร้ปัญหา

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018-2019 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดสอง เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้า เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ ชาลเก้ 04

เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือเจ้าบ้าน ซึ่งกุมความได้เปรียบจากการบุกไปชนะมาก่อนในนัดแรก 3-2 เลือกใช้สามประสานแนวรุกเป็น เลรอย ซาเน ที่ได้ดวลทีมเก่าอีกครั้ง, ราฮีม สเตอร์ลิง และ เซร์คิโอ อเกวโร

ด้านทีมเยือนของ โดเมนิโก้ เทเดสโก้ ไร้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องบุกมาชนะด้วยผลต่าง 2 ลูกขึ้นไปเท่านั้น โดยฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่ เวสตัน แม็คเคนนี, กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์ และ บรีล เอ็มโบโล
เริ่มเกมมาเป็นฝั่งของซิตี้ที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้เหนือกว่า จนกระทั่งนาทีที่ 35 ก็มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เจฟฟรีย์ บรูมา ไปเจตนาขัดขวางไม่ให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เข้าถึงบอลจนล้มลงไป ซึ่งก็ทำให้กองหลังชาวดัตช์โดนใบเหลืองไปด้วย ก่อนจะเป็น อเกวโร มาสังหารด้วยการชิพนิ่มๆอย่างเหนือชั้น ส่งให้เรือใบสีฟ้าออกนำ 1-0

ถัดมานาทีที่ 38 แชมป์คาราบาวคัพมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ สเตอร์ลิง ตอกส้นไหลบอลทางสุดเส้นหลังฝั่งขวาให้ อกวโร เจ้าเก่าแต่งหาเหลี่ยมแล้วซัดด้วยขวายัดเสาแรกเป็นลูกสองของตัวเองในเกมนี้ด้วย ซึ่งผู้ตัดสินเช็คจาก VAR เพื่อดูว่าคนแอสซิสต์อย่างแนวรุกชาวอังกฤษนั้นยืนล้ำหน้าก่อนจะเล่นบอลหรือไม่ และยังคงยืนยันให้เป็นประตูเหมือนเดิม ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0

ช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 42 ซิตี้มาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จ่ายทะลุช่องให้ ซาเน หลุดไปกดเรียดด้วยซ้ายลอดขา ราล์ฟ แฟห์รมันน์ และเป็นการยิงใส่ทีมเก่าของเจ้าตัวได้ทั้งสองนัดด้วย ทำให้เรือใบสีฟ้านำห่าง 3-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังแชมป์คาราบาวคัพแทบจะครองเกมรุกไว้ได้หมด ก่อนจะมาบวกลูกสี่เพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 56 จากจังหวะที่ ซาเน จ่ายบอลโค้งเข้าเขตโทษถวายพานให้ สเตอร์ลิง วิ่งมาแปด้วยขวาจ่อๆไม่เหลือ ส่งให้เจ้าบ้านนำขาด 4-0

จากนั้นนาทีที่ 71 ซิตี้มาได้ประตูที่ห้า จากจังหวะที่ ซาเน ไหลบอลทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา วิ่งมาตวัดยิงเรียดด้วยซ้ายเบียดโคนเสาอย่างเฉียบคม ช่วยให้เรือใบสีฟ้าทิ้งห่างแบบหายห่วงถึง 5-0

ยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อในนาทีที่ 78 แชมป์คาราบาวคัพมาบวกลูกหกครบครึ่งโหลพอดี จากจังหวะที่ ซาเน จ่ายทะลุช่องให้ดาวรุ่งวัย 18 ฝนอย่าง ฟิล โฟเด้น หลุดไปแตะบอลหลบ แฟห์รมันน์ ก่อนจะยิงด้วยซ้ายโล่งๆอย่างง่ายดาย ส่งให้เจ้าบ้านนำห่างถึง 6-0

ช่วงท้ายนาทีที่ 84 เรือใบสีฟ้ามาได้ประตูที่เจ็ดปิดกล่อง จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไหลบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ กาเบรียล เชซุส ตวัดยิงด้วยขวาลอดแขนของ แฟห์รมันน์ ที่พยายามจะล้มตัวเซฟตุงตาข่าย ทำให้สุดท้าย

จบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถล่มยับเยิน 7-0 รวมผลสองนัดชนะไปขาดลอยถึง 10-2 กรุยทางผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ