สกอร์รวม 7-5

สกอร์รวม 7-5

ออเรลิโอ ซัดฟรีคิกให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


(รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง)


วันอังคารที่ 14 เมษายน 2552



เชลซี (อังกฤษ)  4 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 4
 (เชลซีผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 7-5 ) 

 

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์, ลอนดอน

             สิงห์บลูส์ เชลซี กุมความได้เปรียบหลังจากบุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล มาได้ก่อนถึง 3-1 ในนัดแรกที่แอนฟิลด์
 
เกมนี้ได้กลับมาเล่นในบ้านของตัวเอง แต่ไม่มี จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังกัปตันทีม ที่ติดโทษแบน หลังจากสะสมใบเหลืองครบโควตา เลยต้องส่ง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ อเล็กซ์ แทน แดนหน้าวาง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หัวหอกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ที่กลับมาท็อปฟอร์มยืนเป็นหน้าเป้า ส่วนแบ็คขวาใช้งาน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่โหม่งสองประตูในนัดก่อนยืนประจำการอีกครั้ง
 
ทางด้าน หงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ตัว ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา พ้นโทษแบนกลับคืนสู่ทัพตัวจริง แต่ไม่มี ''สตีวี่จี'' สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ ตั้งแต่เกมแรกที่แพ้ให้กับ เชลซี เลยจัดเอา ลูคัส เลยว่า ลงมาเล่นแดนกลางร่วมกับ มาสเคราโน่ และ ชาบี อลอนโซ่ โดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยทีมเยือนต้องการชัยชนะในเกมนี้เป็นอย่างมากเพื่อเป็นการรำลึกถึงแฟนบอลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในฮิลล์สโบโร่ ที่จะครบรอบ 20 ปี ในวันที่ 15 เมษายน นี้ พอดี
 
เปิดฉากครึ่งแรกมาได้แค่ 9 นาที ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไป แต่ว่า โฆเซ่ เรน่า นายทวารของหงส์แดง วิ่งออกมาเคลียร์ออกจากเส้นได้
 
ผ่านมาถึงนาที่ 14 แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส กองกลางกัปตันทีมของเชลซี ในเกมนี้ยิงฟรีคิกระยะร่วม 30 หลา บอลทะลุกำแพงเฉี่ยวเสาไปแค่นิดเดียวเท่านั้น เล่นเอา เรน่า นายทวารหงส์ หนักใจไปเหมือนกันในจังหวะนี้
 
อย่างไรก็ตาม กลายเป็น หงส์แดง มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 19 จากจังหวะที่ แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส ของเชลซี ไปทำฟาวล์ เดิร์ค เค้าท์ ตัวรุกชาวดัตซ์ของทีมเยือนล้มลง ผู้ตัดสินชาวสเปนเป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลา เยื้องมาทางด้านขวา ก่อนที่ ฟาบิโอ ออเรลิโอ จะรับหน้าที่หลอกยิงด้วยซ้ายทันทีบอลพุ่งเข้าเสียบเสาแรก โดยที ปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซี ยืนดักทางผิดนึกว่าจะโยนเลยย้อนกลับมาไม่ทัน ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 
 
เกมของทีมเยือนคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ก่อนมาได้ประตูนำ 2-0 ในนาทีที่ 28 จากจังหวะที่ ฟาบิโอ ออเรลิโอ แบ็คซ้ายชาวบราซิล เปิดฟรีคิกจากตำแหน่งเดิมที่ได้ประตูแรกบอลโค้งเข้ามาหน้าประตู มาร์ติน สเคอร์เทล โดน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเชลซี เหนี่ยวล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนจะให้ใบเหลืองกับ อิวาโนวิช ไปด้วย จากลูกโทษที่จุดโทษ ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์ชาวสแปนิชรับอาสาซัดเข้าไปอย่างสวยงาม โดยที่ เช็ก พุ่งไปผิดทาง
 
ขยับมาถึงนาทีที่ 36 กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือของเชลวี ตัดสินใจปรับแท็คติกส่ง นิโกล่าส์ อเนลก้า กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ลงมาเพิ่มพลังสังหารแล้วถอด ซาโลมง กาลู ออกมาพัก
 
ท้ายเกมทีมเยือนยังคงทำได้ดีกว่าอยู่เช่นเดิม โดยอาศัยลูกโยนเป็นอาวุธอันตรายบอมบ์เข้าใส่กองหลังเจ้าถิ่น ก่อนหมดเวลาครึ่งแรกแค่นาทีเดียวทีมเยือนได้จังหวะเสียวอีกรอบ จากลูกโยนของ ชาบี อลอนโซ่ ทางฝั่งซ้ายเลยมาที่เสาสองให้ เดิร์ค เค้าท์ โหม่งย้อนกลับไปเสาแรก บอลกำลังจะข้ามหัว เช็ก นายทวารเชลซี อยู่แล้วแต่ยังถอยกลับไปปัดปลายมือออกมาได้หวุดหวิด ครบ 45 นาทีแรก หงส์บุกมานำก่อน 2-0 มีลุ้นเข้ารอบแล้ว
 
มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง ฮิดดิ้งค์ แก้ทางมาดี ทำให้ เชลซี กลับมาโจมตีบ้างก่อนได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 51 จากจังหวะที่ นิโกล่าส์ อเนลก้า พาบอลไต่ขึ้นทางขวาก่อนพาไปสุดเส้นแล้วตวัดเรียดขนานเส้นมาหน้าประตูให้กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา โฉบมาเปลี่ยนทางบอลนิดหนึ่ง โฆเซ่ เรน่า นายทวารหงส์แดงไม่ทันระวังปัดได้นิดเดียวบอลเด้งเข้าประตูไป
 
เชลซี ได้ใจรุกไล่เป็นการใหญ่ ก่อนมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ได้ฟรีคิกกลางประตูระยะน่าลุ้นประมาณ 25 หลา แนวกำแพงลิเวอร์พูลดูจะสับสนในการยืนกันเล็กน้อย ก่อนจะเป็น อเล็กซ์ รับหน้าที่สังหารตะบันเต็มเท้าขวาบอลติดไซด์ก้อยด้วยเลี้ยวเสียบตาข่ายงามหยดช่วยให้ สิงห์บลูส์ ตามมาเป็น 2-2 จนได้
 
นาทีต่อมา ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กองหลังชาวโปรตุกีสของเชลซี มาโดนใบเหลืองไปหลังจากเข้าสกัดช้า
 
กระเถิบมาถึงนาทีที่ 63 หงส์แดง ลองเปลี่ยนมายิงไกลบ้าง จาก มาสเคราโน่ บอลเข้ากรอบด้วย เล่นเอา ปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซี ต้องล้มตัวปัดบอลยังไม่พ้นอันตราย แต่ เบนายูน ซ้ำไม่ดี
 
สองนาทีต่อมา แอชลี่ย์ โคล แบ็คซ้ายของเจ้าบ้านไปโดนใบเหลืองทำให้เจ้าตัวจะต้องติดโทษแบนในนัดต่อไป หากผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปได้
 
สิงห์บลูส์ น่าจะได้ประตูแซงนำ จากจังหวะที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เบียดเอาชนะกองหลังของลิเวอร์พูล ก่อนหลุดไปทางขวาเปิดเข้าในให้กับ มิชาเอล บัลลัค สอดขึ้นมายิงบอลไปตรงตัว เรน่า นายทวารหงส์แดง ในนาทีที่ 67
 
เกมยังเข้มข้นเหมือนเดิม นาทีที่ 69 หงส์แดง เสี่ยงแล้วเอา มาสเคราโน่ ออกแล้วส่ง อัลเบิร์ต ริเอร่า ลงมาเล่นแทน
 
ถัดมานาทีเดียว หงส์แดง เกือบได้ประตูเหมือนกัน เมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่วันนี้เล่นไม่ค่อยออกลองยิงโค้งจากนอกกรอบเขตโทษบอลเฉี่ยวเสาไปไม่ถึงนิ้ว
 
นาทีที่ 74 อาร์เบลัว ไปหวด เอสเซียง ในจังหวะที่จะหลุดขึ้นมา รับใบเหลืองไปอีกราย
 
กระนั้นก็ดี เชลซี มาได้ประตูนำ 3-2 ในนาทีที่ 76 จากจังหวะที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หนีมาเอาบอลทางด้านซ้ายก่อนเปิดย้อยมาหน้าประตูให้กับ แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส สอดขึ้นมายิงเข้าไปอย่างสวยงาม
 
จากนั้นเบนิเตซ ถอด เฟร์นานโด ตอร์เรส ไปพัก แล้วส่ง ดาวิด เอ็นก็อก ถึงนาทีที่ 81 ลิเวอร์พูลได้ประตูไล่มาเป็น 3-3 จากลูคัส เลว่า ที่ยิงบอลไปแฉลบแนวรับของเชลซีเปลี่ยนทางเข้าไปซุกตาข่าย
 
ขยับมาอีกนาที สาวกเดอะค็อปเริ่มมีความหวัง เมื่อ อัลเบิร์ต ริเอร่า โยนให้ เดิร์ค เค้าท์ ขึ้นโขกเหน่งๆไม่เหลือซาก หงส์แดง พลิกขึ้นมานำ 4-3 ต้องการอีก 1 ประตูก็จะทะลุเข้าสู่รอบต่อไป
 
แต่ถึงนาที 89 เชลซี มาได้ประตูตีเสมอ เมื่อ นิโกล่าส์ อเนลก้า จ่ายบอลให้ แฟร็งค์ แลมพาร์ด ทะลุขึ้นมาปั่นด้วยขวาบอลลอยโค้งชนเสาเข้าประตูไปอย่างสุดงาม ก่อนที่ท้ายสุดจะลงเอยด้วยสกอร์แบบสุดมันส์ 4-4
 
รวมสองนัด เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 7-5 ผ่านเข้าไปพบกับ บาร์เซโลน่า จากสเปน ต่อไปในรอบรองฯ
 
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, อเล็กซ์, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, แอชลี่ย์ โคล - มิชาเอล บัลลัค, มิชาแอล เอสเซียง, แฟร็งค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ส (กัปตันทีม) - ซาโลมง กาลู, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
สำรอง: เฮนริเก้ ฮิลาริโอ (ผู้รักษาประตู) - ฟรังโก้ ดิ ซานโต้, จอห์น โอบี มิเกล, เดโก้ ซูซ่า, ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ไมเคิล แมนเซียนน์
 
ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์ (กัปตันทีม), มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ลูคัส เลยว่า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ่ - เดิร์ค เค้าท์, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส
สำรอง: ดีเอโก้ คาวาเลียรี่ (ผู้รักษาประตู) - อันเดรีย ดอสเซน่า, ซามี่ ฮูเปีย, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, อัลเบิร์ต ริเอร่า, ไรอัน บาเบิ้ล, ดาวิด เอ็นก็อก
 
ผู้ตัดสิน: หลุยส์ เมดิน่า กานตาเลโฆ (สเปน)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์