เชลซีเจ๊าปืนใหญ่ ยกแชมป์พรีเมียร์ให้แมนฯยู

ศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก คืนนี้ (6 พ.ค.)


เป็นเกมอภิมหาลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ที่ สิงโตพันล้าน เชลซี ทีมรองจ่าฝูง จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาดหากยังต้องการเป็นแชมป์ เมื่อต้องยกพลบุกไปเยือน ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 4 ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม โดยเริ่มการแข่งขันในเวลา 22.00 น.


เริ่มการแข่งขันในครึ่งแรก


เชลซีเป็นฝ่ายเขี่ยลูกก่อนและบุกเข้าใส่อาร์เซนอลทันที ทั้งๆที่ไม่มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ส่ง โซโลมอง คาลู เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแทน โดยในช่วง 20 นาทีแรก ทีมเยือนเป็นฝ่ายครองบอลบุกมากกว่า นานๆ ครั้ง ทีมเจ้าบ้านจะฉวยโอกาสบุกกลับมาบ้าง

จนกระทั่งนาทีที่ 32 โจ โคล ได้ลูกที่กองหลังอาร์เซนอลสกัดพลาดแล้วตวัดบอลผ่านหน้าประตู แต่ไม่มีใครเสียบเข้ามา จึงพลาดโอกาสได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมาอีก 4 นาที ทีมปืนใหญ่มีโอกาสยิงประตูบ้าง

โดย เอมมานูเอล อเดบายอร์ มีโอกาสสับไกไปกลางประตู แต่ตรงตัว ปีเตอร์ เช็ก เซฟไว้ได้


นาทีที่ 42 แฟนบอลอาร์เซนอลก็ได้เฮ


เมื่อ จูลิโอ บัปติสต้า วิ่งแย่งบอลที่ลอยมาหน้าประตูเชลซี กับคาห์ลิด บูลาห็รูซ กองหลังชาวดัชท์ของทีมเยือน แต่เป็น บูลาห์รูซ ที่เข้าไปทำฟาวล์ในเขตโทษ ถูกกรรมการให้ใบแดงไล่ออกไป

และให้เป็นจุดโทษของอาร์เซนอล จิลแบร์โต ซิลวา รับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างไม่ยากเย็น ปืนใหญ่นำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เริ่มการแข่งขันในครึ่งหลัง ทีมปืนใหญ่ เจ้าบ้านที่ได้เปรียบตัวผู้เล่น เป็นฝ่ายเขี่ยลูกบ้าง ขณะที่ เชลซีที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ก็ยังไม่ท้อ ลุยโต้กลับมาในแดนอาร์เซนอลทันที

แต่ในนาทีที่ 47 เจ้าบ้านได้ฟรีคิกจากกราบขวา บอลหลุดมาที่ อเดบายอร์ พักอกแล้วยิงหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย

ต่อมานาทีที่ 54 เชลซีมีโอกาสได้ลุ้นประตูจากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษระยะ 30 หลา แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงข้ามคานออกไป จากนั้น อาร์เซนอล ก็เป็นฝ่ายบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้

จนกระทั่งนาทีที่ 70 แฟนบอลเชลซีมีโอกาสได้เฮบ้าง เมื่อ ฌอน ไรท์ ฟิลิปส์ เปิดบอลจากด้านขวาไปที่หน้าประตู มิคาเอล เอสเซียง พุ่งโหม่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เชลซีตีเสมอเป็น 1-1


เมื่อได้ประตูตีเสมอ เกมของทีมเยือนที่มีผู้เล่นเพียง 10 คน


ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยยังเป็นฝ่ายบุกอย่างต่อเนื่อง และเกือบจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 76 จาก โจ โคล แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน ช่วง 10 นาทีสุดท้าย อาร์เซนอล พยายามบุกกลับมาบ้าง

ขณะที่ เชลซี ก็หาโอกาสโต้กลับมาได้ตลอดเวลา และเกือบจะได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงไกลของ แลมพาร์ด แต่ เยน เลห์แมน เซฟไว้ได้ ก่อนที่ในช่วงท้ายเกม ผู้รักษาประตูของทั้งสองทีม ต่างช่วยเซฟไม่ให้ทีมต้องเสียประตูได้คนละครั้ง

และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูชัยจาก เอมมานูเอล เอบูเอ้ แต่ลูกชนคานออกไป หมดเวลาการแข่งขัน เสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน


จากผลการแข่งขันในนัดนี้


ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแน่นอนแล้ว แม้ว่าจะเหลือเกมการแข่งขันอีก 2 นัดก็ตาม เนื่องจากมีคะแนนทิ้งห่าง เชลซี ทีมอันดับ 2 อยู่ถึง 7 แต้ม

ขณะที่ อาร์เซนอล ก็ยังอยู่ในอับดับ 4 แม้จะมีคะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูลที่ 67 คะแนน ส่วนต่างประตูได้เสียน้อยกว่า



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์