สิงห์บลูส์เจ๊าสิงห์ผงาด 0-0

"สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า เปิดสนามวิลล่า ปาร์ค ทำได้เพียงแค่เสมอกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี


แบบจืดชืด 0-0 แบ่งแต้มไปทีมละ 1 แต้ม ส่งผลให้ วิลล่า ทำสถิติไม่ชนะในลีก 11 นัดติดต่อกัน ส่วน เชลซี มี 48 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม

ส่วน ปืนใหญ่ อาร์เซนอล เล่นในบ้าน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เอาชนะ ชาร์ลตัน แอธเลติกที่เหลือ 10 คน ตั้งแต่ครึ่งแรก 4-0 เก็บ 3 คะแนนพร้อมขึ้นมาอยู่ที่ 4 ของตาราง ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

มาร์ติน โอนีลล์ ผู้จัดการทีมของ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า


ที่ทำสถิติไม่ชนะมา 10 นัดติดต่อกัน หมดสิทธิใช้งาน แกเร็ธ แบร์รี่ กองกลางกัปตันทีมที่ติดโทษแบนในเกมนี้ หลังโดนไล่ออกจากสนามในเกมก่อนที่แพ้ ชาร์ลตัน แอธเลติก 1-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2549

แต่ได้ สติลิยัน เปตรอฟ มิดฟิลด์ชาวบัลแกเรีย ที่หายจากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าฟิตทันลงสนาม

ขณะที่ โฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี


ยังคงไม่มี จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมตัวหลักที่อยู่ในช่วงรักษาอาการบาดเจ็บหลังและ มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์ชาวเยอรมันซึ่งติดโทษแบน รวมถึง อาเยน ร็อบเบน ปีกตัวจี๊ดที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ได้ คาลิด บูลารูซ ปราการหลังชาวดัตช์ ที่พ้นโทษแบนกลับมาเล่นได้อีกครั้ง

เริ่มต้นในครึ่งแรก นาที 7 เชลซีได้โอกาสเล่นเกมสวนกลับ


มิคาเอล เอสเซียง ลากเร็วตรงริมเส้นขาวแล้วหยอดมาให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา แตะหลบกองหลังของวิลล่า ก่อนง้างเท้าขวาวอลเลย์แต่บอลกระดอนลงพื้นเลยข้ามคานออกไปนิดเดียว

ถัดมาอีก 4 นาที

ทีมเยือนซึ่งครองบอลในแดนกลางได้มากกว่า เอสเซียง ทำเกมบุกขึ้นมาอีกครั้งแทงสั้นให้ แฟรงก์ แลมพาร์ด ที่วิ่งเติ่มขึ้นมาแล้วซัดไกลระยะ 25 หลาทันทีแต่บอลแฉลบแนวรับวิลล่าออกหลังไป

เข้าสู่นาที 27 แอสตัน วิลล่า ต้องเปลี่ยนผู้เล่นเร็ว


เมื่อ เคร็ก การ์ดเนอร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของทีม เจ็บโคนขาหนีบเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ อิซาอาห์ ออสบอร์น เช่นเดียวกับ คาลิด บูลารูซ ต้องเปลี่ยนตัวออกและให้ เฌเรมี่ ลงมาเล่นแทน

ถัดมานาที 34

ดร็อกบา วอลเลย์ด้วยขวาจากทางกราบขวาระยะ 30 หลา ทว่าบอลลอยหลุดออกทางซ้าย

ถัดมาอีก 1 นาที

เชลซียังโหมรุกอย่างต่อเนื่อง แฟรงก์ แลมพาร์ด ตะบันไกลทางมุมขวาระยะ 25 หลา บอลหลุดกรอบเช่นกัน

เกมดำเนินมาถึงนาที 40


สิงโตน้ำเงินครามยังเล่นได้ดีกว่าสามารถหาโอกาสบุกขึ้นมาได้ดี ผิดกลับทางด้านเจ้าบ้านที่เสียการครองบอล บ่อยครั้ง ทำให้ต้องคอยตั้งรับเป็นส่วนใหญ่

ในนาที 41

ซาโลมอน คาลู พาบอลจากทางกราบซ้ายแล้วสับไกด้วยขวาระยะ 18 หลาแต่ติดบล็อกของ โอลอฟ เมลเบิร์ก หมด 45 นาที เสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเริ่มต้นมาได้ 1 นาที


คาลู เปิดเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายแล้วลากบอลมายิงเองแต่บอลไม่เข้ากรอบ เกมผ่านมาถึงนา 52 ทั้งสองทีมเน้นถ่ายบอลไปมาในแดนกลางต่างฝ่ายต่างผลัดกันขึ้นเกมบุก

โดยในนาที 54 เอสเซียง พาบอลขึ้นมาเองแล้วจัดการซัดด้วยขวาแต่ข้ามคาน

เข้าสู่นาที 67 มูรินโญ่ เห็นรูปเกมของลูกทีมยังไม่ดีขึ้นเลยตัดสินใจ


เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่สองของเกม โดยส่ง อังเดร เชฟเชนโก้ กองหน้าชาวยูเครน ลงมาเล่นแทน ชอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ถัดมาในนาที 72 เอสเซียง

ลากจี้มาจากแดนกลางอย่างแข็งแกร่งก่อนล็อกหลบกองหลังของเจ้าบ้านสองคน แล้วยิงด้วยขวาระยะ 25 หลาบอลข้ามคานไปอีก

เข้าสู่นาที 75 ทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นพร้อมกัน


โดยเจ้าบ้านเปลี่ยนเอา มิลาน บารอส ลงเล่นแทน สตีเว่น เดวิส ส่วน ทีมเยือน ถอด ซาโลมอน คาลู ออก และส่ง จอห์น โอบี มิเกล มาเล่นแทน

ถัดมาในนาที 76

วิลล่าน่าจะได้ประตูจขึ้นนำมากที่สุดจากจังหวะลูกเตะมุม บอลลอยผ่านมาหน้าประตู เลียม ริดจ์เวลล์ ขึ้นโหม่งแต่เบาไปบอลหลุดออก

ท้ายเกมของการแข่งขัน


เชลซีโหมบุกอย่างหนักเพื่อต้องการประตูและในนาที 89 ทีมเยือนมาพลาดโอกาสทองจากลูกยิงจ่อหน้าประตูระยะ 6 หลาของ แลมพาร์ด แต่ดันเข้าคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ถัดมาเป็นทีของ ดร็อกบา ได้โหม่งจากกลางเขตโทษระยะ 12 หลาข้ามคานเช่นกัน

หมดเวลา 90 นาที


แอสตัน วิลล่า เสมอ เชลซี 0-0 แบ่งแต้มไปทีมละ 1 คะแนน ส่งผลให้ วิลล่า ทำสถิติไม่ชนะในลีก 11 นัดติดต่อกัน

ส่วน เชลซี มี 48 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์