สิงห์โค-ตะ-ระดุ ... This is Stamford Bridge !!!!!

'สิงห์โค-ตะ-ระดุ' ... This is Stamford Bridge !!!!!


..........บิ๊กแมทซูเปอร์ซันเดย์ระหว่าง เชลซี กับ แมนยูไนเต็ด เ้ป็นอะไรที่เรียกได้ว่ามันส์ครบเครื่องเหมือนกินยำรวมมิตร.. รูปเกมที่สูสีกันโดยทีมเยือนเหนือกว่าเล็กน้อยแต่ก็มีประตูชัยจากลูกเซ็ตพีทปัญหาและเกมอันหนักหน่วงที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน

รูปแบบฟอร์เมชั่นก่อนเกมจะเริ่มต้องบอกว่า เชลซี มาในชุดที่ฟูลทีม.. แผงกองกลางไดมอนด์ แลมพาร์ด บัลลัค เอสเซียง เดโก้ ลงกันมาครบพร้อมจัดเหลี่ยมเพชรชิงความได้เปรียบจากปีศาจแดง
Image
ตำแหน่งที่เหลือต้องบอกว่าลงเล่นเป็นตัวหลักมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล.. ดร็อกบา อเนลก้า คู่ประสานอันตรายที่ฟอร์มกำลังดีทั้งคู่ลงเล่นได้หมดจะมีก็แต่ตำแหน่งแบ็คขวาของทีมที่ โปรถีบ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

ถึงตอนนี้คงไม่มีใครกล้าสบประมาทฝีเท้าของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เสียแล้วเพราะลงเล่นแทน โจเซ่ โบซิงวา ที่บาดเจ็บอยู่ได้ยอดเยี่ยมเลยเหลือเกิน.. เรียกได้ว่า โปรโขก ผู้นี้ไม่ใช่แค่ตัวสำรองแต่เป็นนักเตะแล้วแต่แทคติคเหมือน ไมค่อน กับ ดาเนี่ยล อัลเวส ในทีมชาติบราซิลเสียมากกว่า..

ทางฝั่งปีศาจแดงพอเห็น 11 ตัวจริงก็รู้ได้ทันทีเลยว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูซัน มาในระบบ 4 - 3 - 3 ให้แผงกองกลาง 3 คนวิ่งทำลายระบบของ เชลซี และให้ เวนย์ รูนี่ย์ พักบอลส่วนปีกริมเส้นก็จัดการลากเลื้อยตามสบาย..

แอนเดอร์สัน กับ ดาเรน เฟลตเชอร์ เป็นกองกลางที่เล่นด้วยพละกำลังอยู่แล้ว.. เกมนี้ท่านเซอร์ตัดสินใจถูกที่ส่งลงมาเพื่อเพรสซิ่ง เชลซี ให้ครองบอลไม่ได้ส่วน ไมเคิล คาร์ริค เอาไว้คุมจังหวะเกมก็ไม่เสียหายแต่ได้ความหลากหลายเข้ามาแทน..

บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่ผมดู เชลซี มาในสมัยของ จานฟรังโก้ โซล่า ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ผมไม่เคยเห็น เชลซี เป็นฝ่ายที่ไล่บี้กดดัน แมนยูไนเต็ด ก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว.. ส่วนมากปีศาจแดงเริ่มด้วยความดุดันแต่สิงห์บลูจะตะปบเหยื่อทีหลังอะไรประมาณนั้นทุกครา..
Image
แน่นอนว่าเป็นเช่นเคย.. แมนยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเปิดตำรารบไล่ฆ่า เชลซี ก่อนและเกมตรงกลางดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก.. เชลซี คุมเกมไม่อยู่ เสียบอลง่าย แต่ปีศาจแดงก็หาจังหวะจบไม่ค่อยลง.. เรียกได้ว่า ไม่เร้าใจแต่ก็สนุกไปอีกแบบแฮะ

ก่อนที่เกมนี้จะเริ่มคงมีคำถามไว้ให้ชวนคิดเล่นๆ ว่า เวส บราวน์ กับ จอห์นนี่ อีแวนส์ จะจัดการกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่กำลังฮ็อตฮิตยิงกระจายในเวลานี้ได้หรือไม่ ?

ของแบบนี้พูดก่อนเกมใครๆ ก็ทำได้.. เชื่อได้ว่าส่วนมากหลายคนค่อนข้างเทน้ำหนักไปที่ ดร็อกบา จะกดดันแนวรับปีศาจแดงอย่างต่อเนื่อง.. แต่พอจบเกมก็คงรู้กันแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรสำหรับ 2 ปราการของ แมนยูไนเต็ด ในเกมนี้

กลับกันผมนั่งดูเทปแมทนี้ใหม่อีกครั้งยิ่งประทับใจการยืนตำแหน่งของ อีแวนส์ มากกว่าคนอื่น.. อายุยังน้อย ประสบการณ์ไม่มากแต่สามารถแบกรับภาระต่างๆ ได้ดีไม่แพ้รุ่นพี่ เนมันย่า วิดิช ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างสนาม..

ระบบของท่านเซอร์สามารถทำให้หน้ากรอบเขตโทษสะอาดได้ตลอดทั้งเกม.. เชลซี พยายามที่จะเข้าทำตรงกลางและให้ฟูลแบ็ึคเติมเกมตามสเต็ป.. แต่พอทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยต้องยัดบอลไปให้ เดโก้ เล่นต่อหรือไม่ก็ปล่อยรอ อเนลก้า ดึงจะหวะรอเพื่อน
Image
อะไรๆ ก็ดูไม่ค่อยเป็นใจให้กับทางฝั่งเจ้าบ้านแต่กลับกันนักเตะปีศาจแดงดูจะสดชื่นและมีความกระหายมากกว่าหลังจากเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อพักให้หายเหนื่อยและรอฟังคำแนะนำจากโค๊ช..

ครึ่งหลังก็ยังเป็นเหมือนเดิมแต่ลูกทีมของท่านเซอร์ดูกล้าเล่นกล้าทำมากกว่าเก่า.. เกมรุกอาจจะดูขัดๆ ไปนิดแต่ก็ไม่ผิดเพราะเริ่มหาจังหวะยิงเน้นๆ ได้มากยิ่งขึ้น

แนวรับถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าเวลาที่ เชลซี ครองบอล แมนยูไนเต็ด จะแบ่งระบบออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน..

แผงแบ็ค 4 ก็ยืนคุมโซนกันไว้ให้ ไมเคิล คาร์ริค ยืนอยู่่หน้าเพื่ออ่านจังหวะคอยตัดเกม.. ส่วนคนที่วิ่งไล่ทำลายจุดแข็งฝ่ายตรงข้ามตลอดคือ แอนเดอร์สัน ทางซ้ายและ เฟลตเชอร์ ที่เข้าบอลได้หนักหน่วงทางฝั่งขวา..

เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในเรื่องของทฤษฏีและปฏิบัติในเวลาเดียวกัน.. ปัญหาสำหรับเกมนี้เอาแค่หลักๆ จริงๆ ก็คงมี 2 สาเหตุคือประตูชัยของ เชลซี ที่ดร็อกบาไปดึง เวส บราวน์ จนล้มกับ จอห์นนี่ อีแวนส์ ไรเดอร์คิ๊กใส่แมลงสาบคนเดิม ส่วนลูกปัญหาว่าล้ำหน้าหรือไม่ของ เวนย์ รูนี่ย์ คงต้องไปถามไลน์แมนเอาเอง

Image

พูดถึงจังหวะที่ ดร็อกบา นอนดิ้นกระดิกๆ ไปมาก่อนดีกว่า.. จังหวะนั้นต้องบอกว่า อีแวนส์ ถึงบอลก่อนจริงๆ ครับ.. กรรมการตัดสินใจเป่าฟาวส์และแจกใบเหลืองให้กับ ดร็อกบา ก็ถูกแล้วเพราะลูกแบบนี้มันอันตรายแถม เดอะ ดร็อก เข้าไปบวกเต็มที่แบบไม่ยั้ง

แต่มันน่าแปลกใจตรงที่ จอห์นนี่ อีแวนส์ จะยกขาขึ้นมาเหมือนทำท่ากระโดดถีบทำไม ? แค่นั้นไม่พอหลังจากเสร็จท่าแรกยังมีก๊อก 2 ตามมาหวดอีกทีของแบบนี้ต่อให้เป็น ดร็อกบา จอมสำออยก็เถอะครับ.. เจ็บเหมือนกัน..

ส่วนจังหวะที่เป็นประตูโทนในเกมนี้ของ จอห์น เทอร์รี่ มองแบบเผินๆ คงไม่มีมีใครนึกว่าจะมีอะไรให้ขัดแย้ง.. แต่พอดูภาพรีเพลย์อีกทีตอน แฟรงค์ แลมพาร์ด เปิดเข้ามาก็คงเห็นไปแล้วว่า ดร็อกบา(อีกแล้ว) จัดการดึง เวส บราวน์ จนล้มทำให้ไม่ถึงบอลและตุงตาข่ายเข้าไป

Image

มองได้หลายแบบครับเรื่องแบบนี้.. จะให้ฟาวส์กับ ดร็อกบา ก็ได้เพราะว่ามันเหมือนกับไปหยุดการเล่นของ น้องน้ำตาล จริงๆ แถมเป็นการกระตุกแผ่นเป็นรอยเพราะไม่ใช่เอเจให้กับ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ อีกต่างหาก

แต่กลับกันลองดูภาพช้าอีกหลายๆ มุมผมเชื่อว่าถ้า เวส บราวน์ ไม่ล้มลงไปก็ใช่ว่าจะถึงบอลก่อน ดร็อกบา เพราะพี่แกตัวใหญ่และเล่นลูกตุกติกได้่ดีเหลือเกิน..

เอาเป็นว่าบอลจบ เชลซี ชนะ แมนยูไนเต็ด 1 - 0 ขึ้นนำจ่าฝูงแบบสบายตัว 5 แต้มพร้อมทั้งเป็นการชนะรวด 2 นัดในการเจอกันกับ บิ๊ก4 ในฤดูกาลนี้ที่ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับซีซั่นก่อนอีกต่างหาก

อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เถียงกันไปก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนผลการแข่งได้.. ถึงตอนนี้ผมรู้อย่างเดียวว่า This is Stamford Bridge หนาวยิ่งกว่าจ่าฝูงเสียอีก..

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์