เชลซีผงาดแชมป์เอฟเอสั่งลาฮิดดิ้งค์

สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2008-2009 สั่งลา กุส ฮิดดิ้งค์ ไปอย่างชื่นมื่น หลังเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ไปอย่างฉิวเฉียด 2-1 โดย เชลซี ถูกยิงนำไปก่อนตั้งแต่ 25 วินาทีแรก จาการยิงของ หลุยส์ ซาฮา ก่อนที่จะมาเร่งแซงไปในท้ายที่สุด ในศึกฟุตบอลเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2552
เชลซี 2 - เอฟเวอร์ตัน 1



สนาม : เวมบลีย์
    



นัดชิงชนะเลิศถ้วยน็อคเอาท์ของเมืองผู้ดีครั้งที่ 128 เชลซีลงบู๊เป็นเกมส่งท้ายภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือกุส ฮิดดิ้งรวมถึงอเล็กซ์เตรียมขึ้นเตียงผ่าไส้เลื่อนหลังจบแมตช์
    



ด้านแฟร้งค์ แลมพาร์ดกองกลางคนสำคัญเช็คฟิตผ่านตามคาด ขณะที่จอห์น โอบี มิเกลเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงมาจากมิชาเอล บัลลัคได้
     



สำหรับเอฟเวอร์ตันไม่มีโชกองหน้าแซมบ้าที่ติดคัพไทและฟิล จากิลก้าที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่หลุยส์ ซาฮาซึ่งวืดลงเตะนัดชิงดำรายการนี้มาตลอดสี่ครั้งผ่านการทดสอบความฟิตโดยนัดนี้มีปีเตอร์ รีดนายใหญ่ทีมชาติไทยอดีตกัปตันทีมท๊อฟฟี่เดินทางมาชมเกมเช่นเดียวกับเนลสัน แมนเดล่าอดีตประธานาธิบดีคนดังของแอฟริกาใต้ซึ่งได้รับเกียรติให้ลงไปสัมผัสมือของนักเตะทั้งสองฝ่ายก่อนเขี่ยบอล
   



ในส่วนของแอชลีย์ โคลแบ็คซ้ายสิงห์บลูส์นั้น หากได้เฮหนนี้ก็จะสร้างสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้แชมป์ครบห้าครั้งในระยะเวลาเกินกว่า 100 ปี
    



เริ่มเกมท่ามกลางอุณหภูมิร้อนสุดขีด 42 องศาเซลเซียสมาได้เพียง 25 วินาที แฟนสิงโตก็ต้องสะอึกเมื่อท๊อฟฟี่เปิดฉากบุกแบบสายฟ้าแลบโดยไม่ยอมให้ตั้งตัว และแค่ 25 วินาทีแรกเลห์ตัน เบนส์ก็จ่ายบอลขึ้นกราบซ้ายให้สตีเว่น พีนาร์ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าสาดยาวจากมุมธงเข้าเขตโทษ และแม้โอบี มิเกลกับอเล็กซ์จะโขกสกัดกันคนละหน แต่ก็ไม่ดีพอบอลมาตกใส่ให้ซาฮาง้างวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อจาก 16หลาส่งบอลผ่านปีเตอร์ เช็กเข้าปะทะตาข่ายพาทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์สตาร์ตนำ 1-0
      



พร้อมกันนี้ ประตูของกองหน้าผิวสียังอุบัติขึ้นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศด้วย
   



พอเสียความบริสุทธิ์ตั้งแต่ไก่โห่ เชลซีเร่งเกมหวังทวงคืนทันที และทำให้โทนี่ ฮิบเบิร์ตได้ใบเหลืองในนาทีที่ 8 ข้อหาวิ่งไปดึงฟลอร็องต์ มาลูด้าล้มจากด้านหลัง
    



กระทั่งนาทีที่ 21 ความพยายามของทีมเมืองกรุงก็บรรลุผลเมื่อแลมพาร์ดตักบอลออกกราบซ้ายให้มาลูด้าตั้งป้อมเปิดเข้ามาหน้าประตูโดยมีดิดิเยร์ ดร็อกบาโดดโขกจากหกหลาอย่างทรงพลังชนิดโจลีออน เลสค็อตต์ที่ประกบติดเอาไม่อยู่พาบอลเสียบมุมเด็ดขาดไม่เปิดโอกาสให้ทิม ฮาวเวิร์ดได้ขยับเปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1 จนได้
    



ส่วนใหญ่เกมตกเป็นของเชลซีมากกว่า แต่เอฟเวอร์ตันก็ช่วยกันสกัดกั้นได้อย่างแข็งแกร่งไม่มีพลาดกันอีกเลย
    



จวบจนนาทีที่ 44 มารูยาน เฟลไลนี่ก็เกือบทำให้ทีมเสียหายในจังหวะเข้าปั๊มบอลกับมาลูด้าแล้วบอลทะลักกลับเข้าสู่แดนตัวเองทำให้โคลได้โอกาสทองฝังเพชรควบเข้าเขตโทษด้านซ้าย แต่กลับซัลโวข้ามคานไปอื้อซ่า จบครึ่งแรกทั้งสองฝ่ายจึงเจ๊ากันไป 1-1




ครึ่งหลัง มอยส์ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน ส่ง ลาร์ส ยาค็อบเซ่น ลงไปเล่นแบ๊กขวาแทน ฮิบเบิร์ต ที่โดนใบเหลืองไปแล้ว และไม่อาจเข้าหนักๆ ได้อีก ขณะที่ เนวิลล์ ต้องสังเวยใบเหลืองอีกรายจากการไปเล่นงาน มิเกล
 



นอกจากนี้ มอยส์ ยังปรับหมากด้วยการถอย เฟลไลนี่ รับบทมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอล พร้อมกับดัน เคฮิลล์ ขึ้นไปสนับสนุน ซาฮา ในแนวรุกด้วย
 



แต่เมื่อเข้าสู่หนึ่งชั่วโมงของเกม เชลซี เกือบทะยานนำเมื่อ แลมพาร์ด งัดให้ อเนลก้า หลุดเข้าไปกระดกในกรอบเขตโทษ แต่ลูกแรงไปนิดเดียวเลยตกบนตาข่ายทั้งๆ ที่ ทิม ฮาวเวิร์ด หมดสิทธิ์ไปแล้ว
 



ฮิดดิ้งค์ ขยับแก้เกมบ้างด้วยการถอด เอสเซียง ออกแล้วส่ง บัลลัค ลงสนามหมายเอาประตูให้ได้ ทว่าเกือบโดนเมื่อ เคฮิลล์ ส่องไกลเกือบ 30 หลา แต่โชคดีที่ไปตรงตัว เช็ก
 



เกมเล่นกันหนักขึ้นเรื่อยๆ และผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ต้องควักใบเหลืองให้ มิเกล ของ เชลซี จากการที่ไปอัด ซาฮา อย่างโจ่งแจ้ง 
 



นาทีที่ 66 ซาฮา เกือบแผลงฤทธิ์อีกครั้ง คราวนี้ เลห์ตัน เบนส์ กระชากขึ้นทางซ้ายแล้วบรรจงเปิดมาให้ แต่ดาวยิงชาวฝรั่งเศสโขกข้ามคานไป 
 



จวบจนนาทีที่ 72 เชลซี ก็แซงนำเป็น 2-1 จนได้เมื่อ อเนลก้า จ่ายให้ แลมพาร์ด ล็อกหลบ เนวิลล์ หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนกระหน่ำด้วยซ้ายจาก 20 หลาส่งลูกพุ่งแรงตุงตาข่าย แม้ ฮาวเวิร์ด จะปัดโดนด้วยปลายมือ ทว่าก็เอาไม่อยู่
 



อีกสองนาทีถัดมา สิงโตน้ำเงินคราม ในชุดเหลืองเกือบได้อีกเมื่อ แลมพาร์ด แทงให้ มาลูด้า ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่ไลน์แมนไม่ว่าหลุดไปตะบันด้วยซ้ายแสกหน้า ฮาวเวิร์ด ข้ามคานไป
 



15 นาทีสุดท้าย มอยส์ แก้เกมอีกครั้งด้วยการส่ง เจมส์ วอห์น ศูนย์หน้าดาวรุ่งลงไปเล่นแทน ซาฮา ก่อนที่ สิงโตน้ำเงินคราม จะพลาดการได้ประตูที่สามอย่างไม่น่าเชื่อ จากจังหวะที่ มาลูด้า ส่องไกลด้วยซ้ายจาก 35 หลาลูกพุ่งผ่านมือ ฮาวเวิร์ด ไปชนคานล่างแล้วตกลงข้ามเส้นก่อนเด้งออกมา แต่ทีมงานผู้ตัดสินไม่ยอมเป่าให้เป็นประตูซะอย่างนั้น
 



เหลืออีกราว 8 นาที มอยส์ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่งดาวรุ่ง แดน กอสลิ่ง ที่ยิงประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษกับ ลิเวอร์พูล ลงไปเล่นแทน ออสแมน ก่อนที่ แลมพาร์ด จะโดนใบเหลืองโทษฐานที่แกล้งพุ่งล้มในเขตโทษ
 



ช่วงเวลาที่เหลือ แม้ว่า เอฟเวอร์ตัน จะพยายามโหมแหลกหมายเอาประตูตีเสมอ แต่ เชลซี ก็ตรึงสถานการณ์เอาไว้ได้จนจบเกม ทำให้ที่สุดแล้ว ฮิดดิ้งค์ สามารถพาทีมเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ก่อนอำลาตำแหน่งตามคำสัญญา



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, โชเซ่ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, มิชาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
สำรอง : เอ็นริเก้ อิลาริโอ, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ฟรังโก้ ดิ ซานโต้, มิชาเอล บัลลัค, ซาโลมง กาลู, ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ, ไมเคิ่ล มานเซียนน์
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, โจเซฟ โยโบ, โจลีออน เลสค็อตต์, เลห์ตัน เบนส์, ลีออน ออสแมน, ฟิล เนวิลล์, มารูยาน เฟลไลนี่, ทิม เคฮิลล์, สตีเว่น พีนาร์, หลุยส์ ซาฮา
สำรอง : คาร์โล แนช, เซกุนโด้ กัสติโญ่, เจมส์ วอห์น, ลาร์ส ยาค็อบเซ่น, แจ็ค ร็อดเวลล์, แดน กอสลิ่ง, โฮเซ่ แบ็กซ์เตอร์



ข่าวโดย : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090530_129.html


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์