วิเคราะห์ Tactic ปืนใหญ่ Vs ต่างดาว

จากแฟนบาซ่าครับ วิเคราะห์ได้เยี่ยมมากครับ wan-e041.jpg

วิเคราะห์ Tactic ปืนใหญ่ Vs. ต่างดาว.. สาเหตุเบื้องลึกของความพ่ายแพ้
สวัสดีเพื่อนชาวบาร์ซ่าทุกท่าน... (เกริ่นก่อนนิดนึงนะครับ)

วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกหดหู่และเสียใจกันบ้างสำหรับความพ่ายแพ้ที่ถิ่นเอมิเรตสเตเดี้ยม.. อย่างไรก็ตาม ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าก็ยังมีวันถล่มลงมาได้ฉันท์ใด.. บาร์เซโลน่าเองก็เป็นทีมฟุตบอลที่ยังมีวันพ่ายแพ้ได้ฉันท์นั้นจริงๆ

ถึงจะร้องไห้ปล่อยอารมณ์กันบ้าง เศร้าโศกกันบ้าง แต่ก็ขอให้คิดเสียว่า มรสุมใดๆมันก็ต้องมีอยู่แล้วเป็นไปตามธรรมดาของโลก.. ยังไงจึงขอให้แฟนบอลสีเลือดหมู-น้ำเงินทุกท่านทำใจให้ยอมรับกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้เร็วๆ และกลับมาช่วยเชียร์เป็นพลังใจให้กับทีมที่เรารักก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้าที่รออยู่ต่อไปนะครับ...

เราไม่ได้เตะกับอาร์เซน่อลแค่หนเดียว...

และต่อให้นัดสองแพ้อีก... ยูฟ่าก็ไม่ได้มีแค่ปีเดียวครับ...



เอาล่ะครับ!!

ทีนี้ใครที่ไม่เศร้ามาก และพอจะอ่านกระทู้แปลบทความวิเคราะห์ทางแท๊คติกจาก:
Arsenal 2-1 Barcelona: Arsenal turn it around | Zonal Marking
ของกระผมนาย Harison แล้วล่ะก็.. ก็ลองเข้ามาอ่านดูกันนะครับ...

คิดว่าคงจะได้อะไรดีๆกันเยอะทีเดียว...


การวิเคราะห์ทางแท๊คติกหัวข้อ.. ปืนใหญ่ Vs. ต่างดาว
ขอเริ่มอธิบายไล่เรียงหัวข้อลำดับดังนี้ครับ...



ครึ่งแรก :

1. บาร์ซ่าเริ่มด้วยแผนมาตรฐานของทีม
เริ่มกันที่ทีมเยือนบาร์ซ่าก่อนครับ.. แฟนบาร์ซ่าหลายท่านรู้ดีกันอยู่แล้วว่าใครลงบ้าง? และยืนอยู่ตรงไหน? เล่นยังไง? ดังนั้นไม่ขอพูดมากนะครับ.. ก็จะบอกเฉยๆว่าที่พิเศษๆเด่นๆในนัดนี้ก็คือ เป๊ปจัดอบิดัลเข้าไปยืนตรงกลาง แล้วส่งแม๊กซ์เวลล์เป็นแบ๊กซ้าย นอกนั้นเป็นผู้เล่นที่คุ้นหน้าตากันหมด... แผนการเล่นใช้ระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม แต่ตัวที่ยืนคุมแดนกลางวันนี้ค่อนข้างยืนกันแบบสมมาตรสามเหลี่ยม (บุสเกส-ซาบี-อินเนสต้า) ล้อมรอบกรบไปที่ตัวอันตรายของอาร์เซน่อลที่ชื่อ เชส ฟาเบรกัส ... อัลเวสยังถูกสั่งเติมเกมสูงเหมือนเดิม ส่วนแม๊กเวลล์นั้นถูกสั่งให้ระวังแนวต่ำโดยไม่เติม เน้นเกมทางด้านขวาเป็นหลักมากกว่าทุกครั้ง เป็นแท๊กติกที่ใช้บุกแบบมาตรฐานครับ

2. อาร์เซน่อลสวมหัวใจราชสีห์!
มากันที่อาร์เซน่อลบ้าง.. นัดนี้แฟนบาร์ซ่าต้องยอมรับทีมปืนใหญ่นะครับ ว่าจัดตัวผู้เล่นได้กล้าหาญมากเพราะ ปืนใหญ่ไม่ได้มารับเลย! แต่เขาจัดตัวบุกเต็มที่ แม้จะมาในระบบ 4-5-1 ที่อัดแดนกลางแน่น แต่ในแดนกลางนั้นผู้เล่นแนวรุกเพียบไปหมดทั้ง เชส, นาสรี้, วัลคอต, กับเด็กหน้าใหม่อย่าง วิลเชียร์ ที่หลายคนยังไม่ทันได้รู้จักนัดนี้เว็งเกอร์ก็สั่งให้บู๊ขึ้นสูงไปด้วย... ตัวรับคงมีแค่ ซงคนเดียวเท่านั้น...

3. เริ่มเกม! ..เวงเกอร์สั่งดันสูง!
ต่อเนื่องจากข้อที่ 2. เพราะอาร์เซน่อลไม่ได้จัดตัวรุกลงมาเพียบเพื่อให้พวกเราดูหน้าดูตากันอย่างเดียว.. แต่เวงเกอร์นั้นสั่งให้ผู้เล่นทุกคนดันเกมขึ้นบุกสูงโดยไม่ต้องลงต่ำ! นาสรี้กับวัลคอตนั้นเติมสูงมาก ขึ้นไปยืนอยู่แทบจะในไลน์เดียวกับ ฟาเบรกัส โดยมีหน้าเป้าคือ ฟานเพอร์ซี่ ที่ยืนสูงที่สุดในเขตโทษโดยไม่ลงต่ำ นอกจากนั้นแผงหลัง 4 คนไล่ตั้งแต่เอบูเอ้ไปจนถึงกลิชี่ ก็ยังถูกสั่งดันขึ้นมาตั้งไลนยืนจนแทบจะติดเส้นกึ่งกลางสนาม... การดันเกมเช่นนี้เองเป็นการเปิดเกมแลกที่เสี่ยงมาก เนื่องจากพื้นที่ด้านหลังจะเปิดกว้างเหมาะแก่การสวนกลับของทีมต่างดาว แต่มันจะได้ผลดีในการ บีบบอล ของผู้เล่นที่ขยันของอาร์เซน่อลในแดนกลาง-กับแดนหลัง

4. สงครามพื้นที่แคบ!
จากข้อ 3. เพราะอาร์เซน่อลดันแผงหลังขึ้นสูงมากจนจรดติดกับชายแดนของมิดฟิลด์บาร์ซ่า.. และบวกกับการวิ่งไล่บอลอย่างขยันขันแข็งของนักเตะปืนใหญ่.. เกมรุกของบาร์ซ่าจึงถูกบีบพื้นที่ในแดนกลาง-กองหน้า ให้แคบลงจนเหลือที่ให้เคลื่อนที่ + พาบอล ไปได้ไม่ถึง 2-3 ก้าวต่อคนเท่านั้น... หลายคนที่ดูเกมเผินๆอาจนึกว่าวันนี้เกมบาร์ซ่าไม่ไหลลื่นและฟอร์มตก แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย... เพราะบาร์ซ่ามีพื้นที่และเวลาให้ตั้งเกมรุกน้อยมากต่างหาก

5. ปืนใหญ่โถมบุกกดดันบาร์ซ่าได้ แต่ทำประตูไม่ได้...
ช่วงแรกที่บาร์ซ่าตั้งเกมไม่ได้.. อาร์เซน่อลโถมบุกเข้าใส่และโจมตีจากฝั้งปีกซ้าย-ขวา โดยอาศัยช่องโหว่จากการที่อัลเวสนั้นชอบขึ้นสูงทางขวา ส่วนทางซ้ายนั้นแม๊กเวลล์ก็ถูกสั่งให้ยืนอยู่ต่ำเกินกว่าจะไปไล่เพรสซิ่งชิงบอลคืน เป้าหมายการส่งบอลนั้นคือ โรบิน ฟานเปอร์ซี่ ที่สามารถพักบอล ครองบอล และมีความอันตรายในการจบสกอร์.. (นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากปีที่แล้วที่อาร์เซน่อลให้เบนท์เนอร์เป็นหน้าเป้า) อย่างไรก็ตาม..การโจมตีคงได้ผลเฉพาะทางฝั่งของอัลเวสเท่านั้น เพราะหากมองทางฝั่งของแม๊กซ์เวลล์แล้ว ธีโอ วัลคอต ที่หลายๆคนกลัวกันในนัดนี้.. แทบจะผ่านแบ๊กตัวสำรองที่ถูกสั่งให้ยืนประจำตำแหน่งคนนี้ไปไม่ได้เลย ประสิทธิภาพเกมรุกที่ใส่มา 100 จึงได้ผลเพียง 50 .. และยังไม่เพียงพอที่จะทำประตูได้

6. ด้วยทักษะที่สูงส่ง.. บาร์ซ่าขึ้นนำได้จากลูกหลุดเดี่ยว
แม้จะถูกบีบพื้นที่ให้แคบลงมาก แต่ทว่าความยอดเยี่ยมของต่างดาวทั้งหลายในสนามก็โชว์ให้โลกได้ประจักษ์ ใช้เวลาตั้งสติปรับตัวกันราว 15 นาที.. ด้วยการชิ่งบอลสั้นๆในพื้นที่จำกัดที่รวดเร็วของบาร์ซ่า ทำให้แม้อาร์เซน่อลจะบีบอย่างยอดเยี่ยมที่สุดแล้วแต่ก็เอาไม่อยู่.. โดยเฉพาะกับเมสซี่ที่แม้จะเป็นหน้าเป้า แต่ทำตัวเองเหมือนอยู่ทุกที่ในสนาม... ทำให้อาร์เซน่อลออกอาการชัดเจนว่า บีบอย่างไรก็ไม่อยู่ ...เมื่อชิ่งผ่านทะลุแผงหลังที่ยืนสูงไปได้โดยไม่ล้ำหน้า ผลลัพธ์ที่อาร์เซน่อลต้องยอมรับคือ การหลุดเดี่ยว (เนื่องจากกองหลังดันสูงและเปิดที่โล่งด้านหลัง)... จะเห็นว่าในเกมนี้บาร์ซ่าชิ่งบอลแทงทะลุช่องหลุดเดี่ยวไปเยอะมาก
ครั้งแรกเมสซี่หลุดเดี่ยวยิงไม่เข้า..
ครั้งที่สองเปโดรล้ำหน้า..
และครั้งที่สามบีย่าไม่ล้ำหน้า...เป็นประตู 0-1
บาร์ซ่าครองเกมและสร้างจังหวะเช่นนี้อีกหลายครั้งในครึ่งแรก รวมไปจนถึงครึ่งหลัง... ส่วนอาร์เซน่อลนั้นดูเหมือนจะเกร็งหลังจากเสียประตูแรก และทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยันจนจบครึ่งแรกโดยตามอยู่ 1 ลูก











ครึ่งหลัง...



7. การเปลี่ยนตัว?! พลิกผันเกมไปจริงหรือไม่?
รูปเกมของทั้งสองทีมนั้นเหมือนเดิมหนังม้วนเดิมกับครึ่งแรก คือ อาร์เซน่อลโจมตีฝั่งขวาทางช่องของอัลเวสเป็นหลัก.. ในขณะที่บาร์ซ่าชิ่งเร็วและคอยหาจังหวะหลุดเดี่ยว จวบจนกระทั่ง นาทีที่ 67 เป๊ป เปลี่ยนเอาบีย่าออกและส่งเกย์ต้าลงมาแทน การปรับแท๊คติกของเป๊ปนั้นเห็นชัดว่ากระทำเพื่อ การครองบอลในแดนกลาง ซึ่งมักใช้ในเกมที่สูสีกันอยู่และเวลาจวนหมดลงแล้ว ตั้งใจจะให้บาร์ซ่าผ่อนจังหวะเกมจากชิ่งเร็วโจมตี เป็นส่งบอลให้ช้า ครองบอลนานๆ และเน้นการสวนกลับมากขึ้น.. ซึ่งหากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นสาระสำคัญจริงๆ มันก็คงจะเป็นไปตามความประสงค์ของเป๊ปทุกอย่าง... เพราะเกย์ต้านั้นจะช่วยเสริมการเก็บบอลในแดนกลาง และดึงจังหวะได้ช้ามากกว่าเด็กวิทย์.. ด้านฝั่งอินเนสต้าเองก็ถูกจับไปยืนแทนตำแหน่งของบีย่า และสามารถใช้สวนกลับได้ไม่แพ้กัน

8. เวงเกอร์แก้เกมในจังหวะเดียวกัน เปลี่ยนทิศทางการบุก คือไพ่ตาย!!
ในจังหวะใกล้ๆกันนั้น ทุกท่านคงจะเห็นได้จากเกมการแข่งแล้วว่าเวงเกอร์เปลี่ยน อาชาวิน ลงมาแทน ซง... หลังจากนั้นไม่นานก็ส่ง เบนท์เนอร์ ลงมาแทน วัลคอต... พวกเขาคือไพ่ตายที่ทำให้บาร์ซ่าแพ้ใช่หรือไม่? ... คำตอบแล้วคือ ไม่ใช่เลย ... คำตอบที่แท้จริงอยู่ที่ ทิศทางการบุก ของทีมปืนใหญ่ต่างหาก... เวงเกอร์นั้นส่งอาชาวินลงเพื่อให้สามารถทำเกมด้านในได้ดีกว่าเดิม ถอดวัลคอตออกส่งเบนท์เนอร์ลงมาเพราะต้องการใช้การบุกลุยกลางสนาม.. ถึงตรงนี้ถ้าสังเกตแผนผังเกมดีๆจะเห็นว่านาสรี้นั้นก็ถูกโยกเข้าในไปเสียแล้ว...

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปหมด.. เวงเกอร์ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวผู้เล่นอย่างเดียว..แต่เขาเปลี่ยน ทิศทางการบุก ให้ทีมหันมาทะลวงขึ้นตรงกลางสนาม และไม่ได้เจาะทางปีกกว้าง โจมตีอัลเวส หรือแมกซ์เวลล์เหมือนรูปแบบเดิมอีกแล้ว.. ปืนใหญ่โถมรุกแนวตรงกลาง ในขณะที่เป็บนั้นพยายาม ครองเกมกลางสนาม เป็นจังหวะที่พอดิบพอดีและลงตัวเข้าทางปืนใหญ่มากๆ... เพราะบอลที่บาร์ซ่าพยายามชลอจังหวะให้ช้าอยู่ตรงกลาง ถูกผู้เล่นที่เวงเกอร์สั่งให้หุบเข้าในเจาะทะลวงและเก็บบอลไปกินได้จนหมด... หลังถูกยึดครองกลางสนามไป.. บาร์ซ่าก็ถูกตีเสมอและแซงอย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาหาบอลไม่เจอเลย...และต้องถูกอาร์เซน่อลบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวในเวลา 12 นาทีที่เหลือ

9. เป๊ป ช้าไป...
ท้ายเกมการส่ง อาเดรียโน่ ลงสู่สนาม เห็นได้ชัดว่าเป๊ปรู้ตัวแล้วว่าจะครองบอลถ่วงเวลาให้หมดไปได้ ต้องหนีไปครองที่ริมเส้น ไม่ใช่ครองบอลสู้ตรงกลางที่เวงเกอร์สั่งโถมเจาะมา.. อย่างไรก็ตาม ทีมก็ตามหลังไปแล้ว และไม่เหลือเวลาให้สวนกลับทำประตูตีคืนไดอีก...


นี่คือความพ่ายแพ้ทางแท๊คติกของบาร์ซ่าที่มีต่อปืนใหญ่ในค่ำคืนนี้...

ไม่ใช่ความผิดของ เกอิต้า หรือ แผงมิดฟิลด์ ... พวกเขาถูกโถมเจาะตรงกลางอย่างฉับพลันกะทันหัน ..แต่เป็นเรื่องของความพ่ายแพ้ทางแท๊คติกที่เป๊ปรู้ตัวช้าไปว่าอาร์เซน่อลโถมมาเจาะกลางสนาม... หากว่าเปลี่ยนเป็นอเฟลลายด์ หรือ อาเดรียโน่ ไปครองเกมริมเส้น แทนที่จะมาครองกลางสนามด้วย เกย์ต้า แล้ว... ไม่แน่ว่าอาจยัน 1-0 จนจบก็เป็นไปได้...


สรุปว่านัดนี้เวงเกอร์เฉียบขาดมากกว่าในทางแทคติก...

credit
http://www.fcbarcelona.in.th/fcb/more-than...E%E0%B9%89.html


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์