เยนส์ เลห์มันน์

เยนส์ เลห์มันน์

วงการลูกหนังเยอรมันเพิ่งเสียฮีโร่อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น ยอดนายทวารที่ประกาศแขวนถุงมือไป แถมล่าสุดเยนส์ เลห์มันน์ ก็ยืนยันแล้วว่าเขาจะเลิกรับใช้ทีมอินทรีเหล็ก เพื่อเปิดโอกาสให้รุ่นน้องได้ก้าวขึ้นมาแทน




เลห์มันน์ได้รับการยกย่องเป็นนายทวารที่ดีที่สุดของวงการลูกหนังเมืองเบียร์ไม่น้อยหน้าไปกว่าคาห์น

เขาเคยได้รับเลือกเป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของยุโรปในฤดูกาล 2005-06 และยังเป็นนายทวารของทีมยอดเยี่ยมในเวิลด์คัพถึง 3 สมัย

หลังอยู่โยงเฝ้าเสาให้กับอาร์เซน่อลมา 5 ปีเต็ม เลห์มันน์ก็ตัดสินใจอำลาแดนผู้ดี กลับมาเฝ้าเสาให้กับสตุตการ์ท ทีมแถวหน้าของบุนเดสลีกาในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากนี้

นั่นคงเป็นเพราะในวัย 38 ปี นายทวารเลือดเบียร์ต้องการใช้เวลาโค้งสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งในเยอรมันบ้านเกิด

เลห์มันน์เริ่มต้นเส้นทางนักเตะอาชีพกับชาลเก้ 04 ในช่วงแรกๆ เขาพบอุปสรรคขวากหนามมากมาย

โดยเฉพาะเกมกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นที่โด่งดังในปี 1993 ซึ่งเลห์มันน์ทำเสีย 3 ประตู ทำให้โดนเปลี่ยนตัวออกในต้นครึ่งหลัง และเจ้าตัวก็เสียใจ น้อยใจถึงขนาดนั่งรถรางกลับบ้านไปก่อน โดยไม่รอรถบัสของสโมสร

อย่างไรก็ตาม นายทวารคนเก่งมุ่งมั่นจนฝีมือพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะเซฟได้เหนียวหนึบ เขายังยิงประตูแรกในบุนเดสลีกา จากจุดโทษในเกมที่ชนะ1860 มิวนิค 6-2 เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 1995 ด้วย

เลห์มันน์โด่งดังไปทั่วทั้งทวีป เมื่อพาชาลเก้คว่ำอินเตอร์ คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี1997 มาครอง หลังเซฟจุดโทษของอิวาน ซาโมราโน่ได้

ผลงานที่โดดเด่นในถ้วยเล็กของยุโรป ทำให้เอซี มิลาน ทีมจากอิตาลีดึงเขาไปร่วมทัพในปีต่อมา ทว่าหลังจากลงเล่นได้แค่ 5 นัดในเซเรีย อา เขาก็โดนดร็อปยาว เพราะเล่นผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

การหมดอนาคตในถิ่นซานซิโร่ ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวในการออกมาค้าแข้งต่างแดนครั้งแรก ทำให้เลห์มันน์เผ่นกลับบ้าน โดยเขาเลือกย้ายไปอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ที่นี่ เลห์มันน์เรียกความมั่นใจกลับมาด้วยการโชว์ผลงานเหนือชั้น และร่วมคว้าถาดแชมป์บุนเดสลีกากับทีมเสือเหลืองในฤดูกาล 2001-02

หลังประสบความสำเร็จในถิ่นเกิด เลห์มันน์เริ่มมองหาความท้าทายในลีกต่างแดนอีกครั้ง และเขาก็ตกลงรับข้อเสนอย้ายซบอาร์เซน่อลในซัมเมอร์ปี 2003

แม้จะต้องรับบทหนักในการทำหน้าที่มือหนึ่งแทนที่เดวิด ซีแมน ตำนานนายทวารปืนโตที่อำลาทีมไป แต่เลห์มันน์ก็รับมือได้ดี

เขาช่วยให้เดอะ กันเนอร์สไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2003-04 และคว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ นับเป็นสถิติที่ไม่มีใครทำได้นับตั้งแต่ปี 1880

แต่ในฤดูกาลถัดมา ด้วยปัญหาบาดเจ็บและฟอร์มหล่น ทำให้มานูเอล อัลมูเนีย นายด่านชาวสเปนเบียดเขาขึ้นมาเป็นตัวจริงได้ในหลายๆ นัด

ทว่าความผิดพลาดต่อเนื่องของอัลมูเนีย ทำให้อาร์เซน่อลต้องหวนกลับมาใช้บริการเลห์มันน์ต่อ และเขาก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง

เลห์มันน์เซฟช่วยชีวิตให้อาร์เซน่อลยันเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 จนครบ 120 นาทีในเกมนัดชิงเอฟเอ คัพ ก่อนจะปัดลูกยิงของพอล สโคลส์ ช่วยให้ปืนโตชนะจุดโทษผีแดงในที่สุด 5-4

ถัดมาในฤดูกาล 2005-06 ยังเป็นปีทองของเลห์มันน์ เขาได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครบ 100 นัดในเกมพบเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2006

และยังโชว์ซูเปอร์เซฟช่วยให้อาร์เซน่อลเป็นทีมที่ไม่เสียประตูติดต่อกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีกนั่นคือ 10 นัดรวด ทำลายของเก่าที่เอซี มิลานทำไว้ในฤดูกาลก่อนหน้านั้นที่ 7 นัด

เลห์มันน์ยังเป็นนายทวารที่มีสถิติคลีนชีตยาวนานที่สุดถึง 853 นาที ทำลายสถิติของเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายด่านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลงได้อีกด้วย

แต่น่าเสียดาย เลห์มันน์มาโดนไล่ออกในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกปีนั้น หลังไปรวบซามูเอล เอโต้ กองหน้าบาร์เซโลน่าตั้งแต่นาทีที่ 18

ส่งผลให้เขาเป็นนักเตะคนแรก และนายทวารคนแรกที่โดนไล่ออกในนัดชิงโทรฟี่ใหญ่ของยุโรป

แม้ท้ายที่สุด อาร์เซน่อลจะชวดแชมป์ เพราะพ่ายไปหวุดหวิด 1-2 แต่เขาก็ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมในรายการนี้อยู่ดี

เลห์มันน์หมดสัญญากับอาร์เซน่อลตั้งแต่ปี 2007 แต่เขาก็ตัดสินใจเซ็นอยู่ต่อจนถึงปี 2008 เพื่อจะพบอุปสรรคที่แสนสาหัสในชีวิตอีกครั้ง

นายทวารจากเอสเซ่น เริ่มต้นซีซั่นด้วยความผิดพลาด ก่อนจะต้องหยุดพักรักษาอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายไปร่วม 4 เดือน

เมื่อหายเจ็บกลับมา เลห์มันน์ก็ต้องผิดหวังที่พบว่าตัวเองต้องตกเป็นสำรองของอัลมูเนีย เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะกระทบกับตำแหน่งในทีมชาติเยอรมันในการลุยยูโร 2008

แต่ถึงอย่างนั้น เลห์มันน์ก็ยังทุ่มเทเต็มที่ จนอาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเดอะ กันเนอร์ส ออกมายกย่องในความเป็นมืออาชีพ

เลห์มันน์กลายเป็นตัวหลักของทีมในถ้วยเอฟเอ คัพ และได้สลับลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีกในยามที่อัลมูเนียเจ็บบ่อยครั้ง

และในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2008 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมของฤดูกาลนี้ เลห์มันน์ถูกส่งลงมาเฝ้าเสาในนาทีที่ 70 เพื่อจะได้มีโอกาสโบกมือลาแฟนๆ ในบ้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะไปจากอาร์เซน่อลหลังจบซีซั่น

ซึ่งสาวกกันเนอร์สก็ยืนปรบมือทำสแตนดิ้งโอเวชั่นอำลานายทวารคนเก่งอย่างกระหึ่มสนาม นับเป็นการอำลาที่ยิ่งใหญ่ และสวยงามอย่างยิ่ง

ก่อนที่เลห์มันน์จะประกาศภายหลังว่าเขาได้ตกลงเซ็นสัญญาย้ายซบสตุตการ์ท ทีมในบุนเดสลีกาเยอรมัน บ้านเกิดของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้จะเจออุปสรรคในระดับสโมสรมาบ้าง แต่กับทีมอินทรีเหล็กนั้น การต่อสู้ยิ่งยากลำบากมากขึ้น เมื่อเขามีคู่แข่งที่จองมือหนึ่งของเยอรมันมาหลายปีอย่างโอลิเวอร์ คาห์น นายด่านบาเยิร์น มิวนิค

สื่อในเมืองเบียร์สนุกสนานกับการให้ข่าวว่าทั้งคู่เป็นศัตรูกันทั้งในและนอกสนาม ความขัดแย้งเกือบๆ จะปะทุถึงขีดสุด เมื่อเจอร์เก้นส์ คลิ้นส์มันน์ อดีตบุนเดสเทรนเนอร์ตัดสินใจเลือกเลห์มันน์เป็นมือ 1 ในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ

เลห์มันน์อาจออกสตาร์ททัวร์นาเม้นท์สะดุดไปบ้าง แต่เขาก็คืนฟอร์มด้วยการเซฟ 2 จุดโทษของผู้เล่นอาร์เจนติน่า ช่วยให้เยอรมันเฉือนชนะทีมฟ้าขาวในรอบก่อนรองชนะเลิศ 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาทีมา 1-1

สื่อในแดนไส้กรอกยกย่องสดุดีให้เขาฮีโร่แห่งชาติ แม้กระทั่งคาห์น คู่แข่งมากกว่าทศวรรษของเขายังออกมาร่วมชมเชย

และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คลี่คลายเมื่อเลห์มันน์หลีกทางให้คาห์นได้ลงเฝ้าเสาในเกมนัดชิงที่ 3 ซึ่งทัพอินทรีเหล็กก็เก็บชัยชนะมาได้

เลห์มันน์ยังยืนหยัดเฝ้าเสาให้เยอรมันจนถึงยูโร2008 ซึ่งเขามีวาสนาพาทีมเป็นได้แค่รองแชมป์

หลังจบทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเส้นทางการรับใช้ชาติของเขา เลห์มันน์ปฏิเสธที่จะให้คำตอบ จนกระทั่งได้หารือกับโยอัคคิม เลิฟ กุนซืออินทรีเหล็ก และอันเดรียส ค็อปเค่ โค้ชผู้รักษาประตูทีมชาติ

สุดท้ายเขาก็ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เขาขอใช้เวลาที่เหลือทุ่มเทให้สโมสรต้นสังกัดอย่างเดียว และขอฝากอนาคตของทีมอินทรีเหล็กไว้ในมือของนายทวารรุ่นน้องๆ ต่อไ

ถือเป็นการหันหลังให้ทีมชาติเยอรมันอย่างถาวร แต่ยังมีความท้าทายในเวทีบุนเดสลีการอคอยเขาอยู่ต่อไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์