สุดเศร้า! ไทยพ่ายสิงคโปร์ 1-1

โดย บิน อัมรี ตัวสำรองเป็นฮีโร่ซัดในช่วงท้ายเกมไล่ตีเสมอ ไทย 1-1 หลังจาก พิพัฒน์ ต้นกันยา ยิงนำไปก่อนในช่วงครึ่งแรก รวมผลสองนัดชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ระหว่างทีมชาติไทย กับ สิงคโปร์ ณ สนามศุภชลาศัย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพัน์ธ์ 2550 โดยแฟนบอลเดินทางมารอเข้าสนามศุภชลาศัยจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง

ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามจะเปิดประตูให้เข้าไป

ซึ่งบรรยากาศภายนอกค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากแฟนลูกหนังชาวไทยต่างตั้งใจมาให้กำลังใจนักเตะชาวไทย ที่บุกไปแพ้ทีมแดนเทมาเส็กมาก่อนในนัดแรก 1-2 จากลูกจุดโทษกังขา

ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานกิจการพิเศษ กำกับดูแลควบคุมสั่งการอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งเพิ่มความเข้มในการตรวจตราให้มากขึ้น

โดยเฉพาะทั้งกับผู้ตัดสินชาวอินโดนีเซีย และนักเตะสิงคโปร์ ทั้งก่อนเกม ระหว่างเกมการแข่งขัน และภายหลังเกมจบลงด้วย

โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าโค้ชจัดการส่งผู้เล่นลงในระบบ 4-3-3 โดยไม่มี ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ แบ็กซ้ายที่บาดเจ็บชายโครง และ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่ยังเจ็บเข่า

โดยผู้เล่น 11 คนแรกของทีมชาติไทย ประกอบด้วย

ผู้รักษาประตู กิตติศักดิ์ ระวังป่า,
กองหลังคู่กลาง นิเวส ศิริวงศ์ กับ เจษฎา จิตสวัสดิ์,
แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ,
แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ,
กองกลาง หัตฐพร สุวรรณ,
ดัสกร ทองเหลา,
พิชิตพงษ์ เฉยฉิว,
กองหน้า พิพัฒน์ ต้นกันยา,
สุเชาว์ นุชนุ่ม และ สุธี สุขสมกิจ

โดย สิงคโปร์ไม่ได้มาตั้งรับอย่างเดียว แต่วิ่งเพรสซิ่งกดดันนักเตะไทยในทุกจังหวะ ทำให้ในช่วง 10 นาทีแรก ไทยยังจับจังหวะเกมครองบอลไม่ได้เลย แต่กลับเป็น สิงคโปร์ ที่ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายครั้งหนึ่ง

แต่ว่าเป็นลูกล้ำหน้า พอเข้านาทีที่ 12 ไทยมีลุ้นยิงครั้งแรกจากการยิงไกลของ พิชิตพงษ์ แต่ว่าตรงตัวนายด่าน สิงคโปร์

แต่ว่า เลวิส เหินปัดบอลออกไปได้ โอกาสของไทย เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ นาทีที่ 22 เดินเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนตบเข้ากลาง พิพัฒน์ ยิงโดนไม่ดีบอลไปเข้าทาง สุเชาว์ ที่วิ่งเข้ามาตะบันเต็มข้อ

แต่ว่า เลวิส ก็ยังยืนตำแหน่งดีทุบออกไปได้ ครึ่งชั่วโมงผ่าน ไทยเริ่มครองบอลเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่ว่ายังเจาะแผงแบ็กโฟร์ของสิงคโปร์ไม่เข้าเลย

เมื่อ ดัสกร กระดกบอลข้ามแผงกองหลัง สิงคโปร์ ให้กับ พิพัฒน์โหม่งบอลหนีผู้เล่นทีมเยือน ก่อนดีดข้ามมือ เลวิส เข้าไป ไทยได้ประตูที่รอคอยขึ้นนำ 1-0

โดยสกอร์ 2 นัดเสมอกัน 2-2 ถัดจากนั้น หัตฐพร โดนใบเหลืองเนื่องจากกรรมการมองว่าล้มง่ายเกินไป

ดัสกร ได้โอกาสกระชากบอลหลุดเข้าไปแต่จังหวะยิงตัดสินชิปเพื่อให้ข้ามหัว เลวิส แต่น้ำหนักไม่ได้ล้นข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ไทย ได้ใจบุกอย่างหนักส่วน

สิงคโปร์ เริ่มเป๋

เปิดช่องในแผงกองหลังให้เห็น แต่ว่า ไทย ยังยิงประตูเพิ่มไม่ได้ ทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที ก่อนที่จะหมดครึ่งแรก ไทย นำ สิงคโปร์ 1-0 ต้องการอีกหนึ่งประตูเพื่อแชมป์

บอลอยู่บริเวณกลางสนามเสียเป็นส่วนใหญ่โดยเป็น ไทย ที่ดูเหนือกว่าเล็กน้อย แต่ผู้เล่นทั้งสองทีมดูเนือยลงไป เพราะว่าใช้กำลังวิ่งมากในช่วงครึ่งแรก ส่วน สิงคโปร์ เริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตัดเกม

และเป็น นอร์ห อลัม ชาห์ ที่ไปย่ำเท้าของ หัตฐพร อย่างน่าเกลียด แต่ก็รอดใบเหลืองไปได้ แต่นาทีที่ 62 สุเชาว์ โดนใบเหลืองเมื่อไปเตะสูงใส่ นอร์ห อลัม ชาห์

เมื่อปล่อยให้ผู้เล่น สิงคโปร์พักอกเอาบอลลงในเขตโทษไปเข้าทาง นอร์ห อลัม ชาห์ ที่พุ่งเข้าไปยิง แต่ว่าไม่ถนัดและเบาเกินไปเลยไปเข้ามือ กิตติศักดิ์ ไทย ตอบโต้ทันควันถัดมา 3 นาที เกือบได้ประตูที่สองจากลูกเตะมุมด้านขวา สุธี เปิดเลยไปถึงเสาสอง

สุเชาว์ โถมเข้ามาโหม่ง

แต่ว่าบอลถากโคนเสาออกหลังไปแบบมีลุ้น ไทย เริ่มบุกหนัก สุรีย์ เลื้อยเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนตบเข้ากลางให้ พิพัฒน์ แปไม่เต็มไปเข้าทาง สุเชาว์ ที่วิ่งเข้ามาซ้ำแค่ 3-4 หลา แต่ว่าติดบล็อกนักเตะ สิงคโปร์

ส่ง จักรกฤษ บุญคำ ลงมาแทน หัตฐพร สุวรรณ ในแผงมิดฟิลด์ จากนั้น ไทย เริ่มแผ่วขาอ่อนวิ่งไม่ออกทำให้ สิงคโปร์ บุกขึ้นมานาทีที่ 81 ไทย ไม่ยอมเข้าประกบ

ปล่อยให้ บิน อัมรี เล่นง่ายเลยตะบันเต็มข้อในกรอบเขตโทษบอลไซด์หนีมือ กิตติศักดิ์ ซุกก้นตาข่ายตีเสมอ 1-1

รวมผลสองนัด สิงคโปร์ นำไทย 3-2

เพื่อยิงขึ้นนำอีกครั้งไม่ได้ และเป็น ดัสกร ที่เกือบมีปัญหากับนักเตะในม้านั่งสำรองของสิงคโปร์ ครบ 90 นาที ไทย เสมอ สิงคโปร์ 1-1

รวมผลสองนัด สิงคโปร์ ป้องกันแชมป์ อาเซียน คัพ 2007 ด้วยสกอร์ชนะ 3-2

ต่อจากปี 1998 และ 2004 โดยหนนี้รับเงินรางวัล 100,000เหรียญ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) ทางด้าน ไทย รับเงินรางวัล 50,000 เหรียญ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) ไปครองเป็นรางวัลปลอบใจ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์