ไบรอัน ร็อบสัน อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ สะบัดปากกาเซ็นสัญญากับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อเข้ามารับภาระหนักนำทีมฟุตบอลชาติไทยไปสู่จุดหมายแทน ปีเตอร์ รีด
ทำให้สมาคมลูกหนังไทยหายใจคล่องขึ้นทันที เพราะอยู่ในสภาวะสุญญากาศขาดหัวตัวจริงมาหลายสัปดาห์
แต่งานนี้ไม่มีคำว่า "หมู" สำหรับอดีตกัปตันทีมชาติสิงโตคำราม จากนี้ไปทีมไทยมีภารกิจใหญ่ในศึกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ กับทีมชาติสิงคโปร์ ไปเยือน 14 พ.ย. และเป็นทีมเหย้า 18 พ.ย.52
นับจากวันที่รับงานในช่วงท้ายของเดือนกันยายน กว่าจะเริ่มงานจริงจังน่าจะเป็นต้นเดือนต.ค.
ไบรอัน ร็อบสัน มีเวลาเพียงเดือนครึ่งในการเตรียมทีมชาติไทย เพื่อสู้ศึกเอเชี่ยนคัพ
เวลาแค่นี้แทบจะไม่เพียงพอในการเรียนรู้นักเตะ ไหนภารกิจของต้นสังกัดที่ต้องรับใช้ในศึกไทยพรีเมียร์ลีก
ไหนจะเรื่องตัวผู้เล่นที่ไปทับซ้อนกับทีมซีเกมส์
ล้วนแต่เป็นปัญหาที่ ร็อบสัน ต้องประสบจริง
ทำให้น่าเป็นห่วงว่า "เวลา" ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญ ไม่น่าจะเอื้ออำนวยให้เนื้องานได้อย่างเต็มที่
ต้องยอมรับว่ากระแสฟุตบอลในเมืองไทย โดยเฉพาะกับทีมชาติไทยในช่วงหลัง โหมแรงแบบสุดๆ
"บอลนอกแค่สะใจ บอลในไทยในสายเลือด"..เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แฟนทีมชาติไทยในวินาทีนี้ พร้อมจะแห่เข้าดูแน่นสนามทุกครั้งที่ทีมชาติไทยลงฟาดแข้ง
แฟนบอลเยอะเท่าไหร่ ความคาดหวังถึงความสำเร็จของทีมชาติไทย ยิ่งพอกเป็นเงาตามตัว
อยากเห็นความสำเร็จของทีมชาติไทย ให้ไปถึงฝัน
อยากเห็นทีมชาติไทยเป็นเบอร์หนึ่งของทวีปเอเชีย
อยากเห็นทีมชาติไทยเป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมศึกเวิร์ลด์คัพ
อยากให้เรื่องที่ฝันเป็นจริงเร็วที่สุด
โดยเฉพาะความสำเร็จของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียมาแบบสดๆ ร้อนๆ
เหมือนเป็นตัวเร่งอุณหภูมิความอยากให้ทีมชาติไทยไปถึงจุดนั้นบ้าง มากเป็นเท่าทวีคูณ
เป็นภาระหนักอึ้งที่ ไบรอัน ร็อบสัน ต้องเป็นผู้นำไปตลอด หากไม่ถอดใจบ๊ายบายกลับบ้านเหมือน ปีเตอร์ รีด
เวลาน้อย เดินทางมาไกล ในขณะที่ความสำเร็จรออยู่ให้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
คงไม่ต้องเลี้ยงต้อนรับกันแล้ว..แค่กล่าวสั้นๆ คงเพียงพอ
คว้ารองเท้า เข้าสนาม ติวเข้มนักเตะ..ดีที่สุด ไบรอัน ร็อบสัน