หลังจากคาราคาซังมานานกับสถานการณ์ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยที่กลายเป็นประเด็นดรามาติดต่อกันมาหลายวัน จนในที่สุด "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ตัดสินใจประกาศยุติบทบาทของตัวเองในฐานะกุนซือช้างศึก โดยไม่ต้องรอใครมาไล่และกลายเป็นข่าวดังแซงทุกกระแสของสื่อมวลชน
ถึงตอนนี้ทีมชาติไทยไร้โค้ชมหาชนที่ชื่อซิโก้ และต้องตามต่อว่าใครจะเข้ามารับงานชิ้นนี้ต่อ แต่กระนั้นใช่ว่าตลอด 4 ปีกว่าของซิโก้จะไม่แสดงอะไรให้เห็นเลย วันนี้ลองมาย้อนดูผลงานการทำทีมของอดีตกองหน้าจอมตีลังกาว่าฝากอะไรให้วงการลูกหนังไทยกันบ้าง
สำหรับ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามารับหน้าที่คุมทีมชาติไทย เริ่มจากเข้าทำทีมขัดตาทัพแทน วิลฟรีด เชเฟอร์ ในปี พ.ศ.2556 นำทีมไทยถล่มจีน 5-1
จากนั้นปีเดียวกัน ทำทีม 23 ปี คว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ปี พ.ศ.2556 ที่ประเทศเมียนมา เป็นการกลับมาคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งแรกใน 6 ปี หลังจาก 2 หนก่อนหน้านั้นตกรอบแรกทั้งหมด
ปีต่อมา พาทีมชาติไทย เข้ารอบรองชนะเลิศ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจบด้วยอันดับ 4 ต่อด้วยนำทีมชาติไทยชุดใหญ่ ได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เป็นการกลับมาได้แชมป์อาเซียน ครั้งแรกใน 12 ปี ก่อนจะป้องกันแชมป์ได้ในการแข่งขันล่าสุด เมื่อปลายปี พ.ศ.2559
นอกจากนี้ ยังได้แชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงสคัพ ครั้งที่ 44 เมื่อปีที่ผ่านมา
ส่วนในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 พาทีมไทยได้แชมป์กลุ่ม F ผลงานชนะ 4 เสมอ 2 ไม่แพ้ใครเลย เข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายเอเชีย พร้อมทั้งได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชีย 2019 โดยไม่ต้องเล่นเพลย์ออฟ
นอกจากนี้การเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายยังเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย โดยครั้งแรกที่เข้าถึงรอบนี้เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2002 ทว่าผ่านไป 7 นัดแรก มีแต้มเดียว
ล่าสุดเปิดบ้านแพ้ ซาอุดิอาระเบีย 0-3 และบุกแพ้ ญี่ปุ่น 0-4 ตกรอบแน่นอนแล้ว จนมีกระแสกดดันจากแฟนบอลส่วนหนึ่ง อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถึงตอนนี้ทุกอย่างยังเดินหน้า คำถามต่อคือว่าตั๋วเข้าชมเกมทีมชาติที่กลายเป็นของหายากมาตลอดหลายปีจะยังเป็นที่ต้องการของแฟนบอลชาวไทยอีกต่อไปหรือไม่ หรือความต้องการเข้าชมเกมทีมชาติกำลังจะย้อนกลับไปยังจุดเดิมที่ไร้ซึ่งพลังแห่งการเชียร์