ไม่ใช่แค่ ดีล ประวัติศาสตร์ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แต่.......
หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ กีฬาไทย ไม่ใช่แค่ ดีล ประวัติศาสตร์ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แต่.......
เรือไททานิก (อาร์เอสเอ็ม ไททานิก) เป็นเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกช่วงเวลานั้น และเคยถูกล่าวว่าเป็นเรือที่จะไม่มีวันจม แต่แล้ว ค.ศ. 1912 ต้องปิดฉากลงด้วยโศกนาฏกรรม เรือชนภูเขาน้ำแข็งดิ่งลงสู่ก้นทะเลเพียงเพราะออกเรือเที่ยวแรกเท่านั้น สูญเสียชีวิตไปพันกว่าคน จนถูกนำมาสร้างเป็นหนังรักเรียกน้ำตาฟอร์มยักษ์ราว 10 กว่าปีก่อน (ลองไปหาชมดูในโลกออนไลน์)
กระนั้นสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ยังคงเข้าหลักธรรมดาโลกมนุษย์ว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ
กระแสการย้ายทีมของแข้งลูกหม้อ และกัปตันทีมชาติไทยยุคฟรีเวอร์ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ถูกตีประเด็นมาเป็นระยะๆ แต่ด้วยที่เป็นแกนหลักและฟันเฟืองตัวสำคัญของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โคตรทีมจากฝั่งอีสาน ทำให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นแค่การเรียกกระแสต่างๆ นานา แต่แล้ว....
จนเมื่อวันพุธที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมาช่วงเกือบเปลี่ยนวันสื่อยักษ์ใหญ่ที่สุดแห่งวงการกีฬาเมืองไทย ได้พาดหัวข่าวตัวไม้(ต้องบอกว่าไม้ซุงขนาดใหญ่) ว่า บุรีรัมย์ ออกแถลงการณ์ขาย ธีราทร ให้กับ อริแค้นคู่แข่งร่วมลีก “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด.....
ถึงจะมี จดหมายอย่างเป็นทางการของสโมสร บุรีรัมย์ ออกมาแถลงการณ์แล้วแต่ในกระแสโลกโซเชียล ก็ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง โดยเฉพาะแฟนบอลฝั่ง ปราสาทสายฟ้า จากทั่วสาระทิศที่ยังคงเชื่อว่า “อุ้ม” ไม่มีทางย้ายทีมโดยเฉพาะสู่อ้อมกอด กิเลนผยอง
จนกระทั้งมีภาพหลุดมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทั้งตัว ธีราทร เอง และสโมสรเมืองทอง แล้ว 2 วันถัดมาทุกกระแสต้องยอมรับไปในทางเดียวกัน เมื่อ เมืองทอง ยูไนเต็ด จัดการแถลงข่าวเปิดตัว แบ็กซ้ายดีกรีนักแตะยอมเยี่ยมไทยลีก ปี 2013 แบบใหญ่โต พร้อมชูเสื้อ และสวมหมายเลข 3 ของต้นสังกัดใหม่
ถามถึงค่าหัวในการย้ายครั้งนี้ คาดการณ์มีหลับ 10 ล้านบาท(กี่สิบไม่ทราบชัด) ค่าเหนื่อยต่อเดือนของเจ้าตัวมีเกิน 5 แสนแน่นอนอาจทะลุเพดานไปถึง 7 แสนก็ยังเป็นไปได้ ทางบอร์ดบริหาร เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังขอสรุปค่าใช้จ่ายเรื่องนี้อยู่ยังไม่ชัดเจน
แม้จะเป็นแข้งจากอริแค้นในด้านการเชียร์ฟุตบอลของ กิเลนผยอง แต่หากแฟนบอลทราบกันดีว่า ธีราทร นั้นเป็นเพื่อนซี้ และร่วมล่าฝันปีนบันไดแข้งมาตั้งแต่วัยเด็กร่วมกับ “เจ้าตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา สมัยเรียนที่ โรเรียนอัสสัมชัญธนบุรี แล้ว
ด้วยฝีแข้งแบบนี้กองเชียร์อุลตร้าเมืองทองคงยอมรับและยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุค “ดรีมทีมเมืองทอง” ไม่ยาก แต่คงต้องอดใจรอชมฝีเท้าว่าจะเข้ากับระบบสังกัดใหม่ได้ดีแค่ไหนครึ่งซีซั่นหลังนั่นแหละ
“ดรีมทีมเมืองทอง” คำนี้ถูกยกมาเหตุอาจมาจากเป็นการรวมตัวของแข้งทีมชาติไทยยุค “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็เป็นได้
ไม่ใช่แค่ ดีล ประวัติศาสตร์ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แต่.....
แต่.... ต่อด้วยจุดเล็กๆ ตามหลังมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ก็จริงอยู่นะครับท่านผู้อ่าน ความรู้สึกของแฟนบอลทุกทีมก็ยังคงจางด้วยเวลาแต่ เพลานี้คงยังไม่ห่างหายว่า “ทำไมอุ้ม” ถึงย้ายมาเมืองทอง
ดีล นี้อาจจะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ในเรื่องค่าตัว หาก ธีราทร ตกลงย้ายไปสู่อ้อมกอดสังกัดอื่นที่หยิบยื่นค่าตัวให้มากกว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด เพราะวงในหลายสำนักเผยว่า 2-3 ทีมให้งบประมาณมากกว่า กิเลนผยองแต่เจ้าตัวเลือกมาที่นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
...เหมือนกลับบ้านเก่า กลับมาอยู่บ้าน และ นี่คือวิธีของฟุตบอลที่ต้องการหาความท้าทายใหม่ๆ พอสรุปบทสัมภาษณ์ แบบย่อของ อุ้มมาประมาณหนึ่ง
ลึกๆ แล้ว ดีล นี้กำลังเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ถามว่าเปลี่ยนยังไง ก็คงเสนอในมุมมองของ “ช้างศึกงาคม” เช่นเคย ตรงใจใคร หรือขัดต่อความรู้สึกใคร ก็คงต้องกราบขออภัยล่วงหน้า ออกตัวว่าไม่มีการนำเสนอเพื่อกระทบ หรือว่ากล่าวพาดพึงถึงใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น ก็ยังคงหวังอย่างเช่นได้โอกาสเขียนลงพื้นที่นี้แต่ครั้งแรกว่า หวังเป็นน้ำผึ้งหยดเล็กๆ ที่ไปกระตุ้นต่อมให้แฟนบอลรักบอลไทยมากขึ้นเท่านั้น
- ผลดีที่มีการเพิ่มมูลค่าของนักฟุตบอลไทย เมื่อค่าตัวถีบให้สูงขนาดนี้แล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าวงการลีกไทยได้พัฒนาไปอีกก้าวย่าง จากค่าตัวหลักหมื่น แสนจนทุกวันนี้หลักสิบล้านแล้ว หากเกิดการซื้อขายระหว่างประเทศแน่นอน การดีล ครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานให้สโมสรต่างชาติต้องยอมจ่ายให้กับสโมสรในเมืองไทยในฐานค่าตัวที่สูง
- เปลี่ยนทัศนะคติบางทัศนะคติที่ว่านักฟุตบอลไทยส่วนมากเล่นฟุตบอลเพราะ “เงิน” นี้ก็น่าจะทำให้เห็นว่า ที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับจิตใจนักฟุตบอลเองต่างหากที่ต้องการความท้าทาย และความเป็นมืออาชีพ (ไม่อิงถึงภายในและอื่นๆ) แต่ก็ยังไม่กล้าฟันธง 100 เปอร์เซ็นต์เพราะว่า ทุกคนก็ต้องหาเลี้ยงปากท้องของตัวเองด้วย “เงิน” เช่นกัน
- ทำให้วงการฟุตบอลไทยตื่นตัว โดยเฉพาะนักฟุตบอลอาชีพในไทย ที่ต้องการพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมายืนจุดนี้ได้ และหากนักฟุตบอลไทยมีการพัฒนาเฉพาะตัวกันทุกคน แน่นอนตัวเลือกในนามทีมชาติจะมากมายส่งผลดีให้วงการอีกทางอ้อม
- สร้างมาตรฐานค่าเหนื่อยของแข้งไทยในทุกๆ ลีกฟุตบอลไทย ก็คงเป็นมานานแล้วสำหรับนักฟุตบอลที่อยู่ระดับแถวหน้า แต่ลองคิดดูถ้าค่าเหนื่อยต่อเดือนของ ธีราทร ระดับ 5 แสนอัพจริงๆ (ก็คงจะจริงกระมัง) นักฟุตบอลที่จะย้ายทีมครั้งต่อไปหรือที่อยู่ก่อนหน้าแล้วกำลังพิจารณาค่าเหนื่อย โดยเฉพาะที่เลือกทีมได้ หมายถึงสโมสรต้องรั้ง ต้องง้อ เพดานค่าเหนื่อยคงต้องสูงขึ้นไปได้อีก หากอยากจะรั้งไว้ใช้งานจริงๆ
- ขณะเดียวกันสำหรับสโมสรที่มีนักแตะฝีเท้าเก่งขึ้นมา การย้ายทีม เพดานซื้อ-ขาย เพื่อนำรายได้เข้าสโมสรก็จะสูงไปได้อีกเช่นกัน เป็นผลดีกับทุกฝ่าย
- ปลุกกระแสแฟนบอลไทยให้หันกลับมาส่งเสริมวงการลูกหนังสยามมากขึ้น ยังไง??
แน่นอนทุกคนอยากเห็น ธีราทร เมื่อย้ายทีมมาเล่นที่ใหม่ กับเพื่อนเก่าในทีมใหม่ เชื่อหรือไม่นัดแรกที่จะถูกส่งลงสนาม ในสนามแข่งเอง หรือแม้แต่ถ่ายทอดสดเปอร์เซ็นต์ค่าเชิงปริมาณล้นทะลักแน่นอนในการตามชม ทั้งที่ถูกใจ และไม่ถูกใจเองก็คงต้องตามดูแน่นอน
และยิ่งไปกว่านั้น แมตช์ที่ทุกคนเชื่อมั่นเลยว่าจะตามดู ต้องเป็นเกมที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง
- ในเมื่อ “ดรีมทีมเมืองทอง” มีแข้งทีมชาติตัวหลักมาเกือบครบทีมอย่างนี้ หากให้มองในแง้ดีก็จะส่งผลต่อทีมชาติไทยไปอีกนัยหนึ่ง เพราะว่าถือเสียว่าได้เก็บตัวร่วมกัน ทำความเข้าใจและซ้อมด้วยกันอยู่ตลอด แม้จะในนามสโมสรก็ตามที
คงจะนำเสนอเพียงคร่าวๆ ไว้ก่อนเพราะว่ายังเป็นแค่ช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลง และหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องวงในที่หากนำมาเสนอต่อพื้นที่สาธารณะแล้ว จะส่งผลกระทบหลายฝ่ายก็จะไม่เป็นการดีอะไร ไว้มีโอกาสจะนำเรื่องของ ดีล และการเปลี่ยนแปลงรวมถึงตัวของ “อุ้ม” ธีราทร มาพูดคุยกับท่านผู้อ่านอีกสักครั้ง
ประวัติพอสังเขป “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน
- เล่นฟุตบอลวัยเด็กที่ โรงเรียนกีฬา กทม. เพื่อนสนิทที่สุดร่วมห้องคือ สรรวัชญ์ เดชมิตร ดาวยิง แบงค็อก ยูไนเต็ด
- ศึกษาและเล่นฟุตบอล ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี ร่วมกับเพื่อนซี้อย่าง “เจ้าตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา
- สร้างชื่อจนติดทีมชาติไทย รุ่นอายุ 12, 14, 15, 17, 19 และทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปัจจุบัน
- เริ่มเล่นอาชีพกับ สโมสรราชประชา ดิวิชั่น 2 ปี 2008 ขณะนั้นอายุ 18 ปี
- ย้ายเล่นให้การไฟฟ้า อยุธยา ติดทีมชาติชุดปรีโอลิมปิก ก่อนสโมสรเปลี่ยนชื่อเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ร่วมสร้างความยิ่งใหญ่กับ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- แชมป์ลีกสูงสุด 4 ครั้ง ปี 2011, 2013, 2014 และ 2015
- แชมป์ เอฟเอ คัพ 4 ครั้ง ปี 2011, 2012, 2013 และ 2015
- แชมป์ โตโยต้า ลีก คัพ 4 ครั้ง ปี 2011, 2012, 2013 และ 2015
- แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 3 ครั้ง ปี 2012, 2014 และ 2016
- แชมป์ ถ้วย ก 4 ครั้ง ปี 2013, 2014, 2015 และ 2016
- แชมป์ แม่โขงคลับ แชมเปี้ยนชิพ 2015
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่นำมาแลกเปลี่ยนทัศนะคติในแง้มุมหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย ที่น่าใจอยู่ในขณะนี้ และเพลานี้ที่ผู้เขียนได้อ่าน มีเรื่องที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ คือ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” หรือ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่มีคนไทยเป็นข้าวของได้เดินทางมาฉลองแชมป์และแห่ขบวนความยิ่งใหญ่ที่เมืองไทยแล้ว ก็ชื่นหน้าตาบานกันไป อย่างน้อยที่สุดทั่วทุกมุมโลกคงรู้จักสยามประเทศมากขึ้นในแง้ดีๆ โดยเฉพาะในเรื่องของฟุตบอล และที่สำคัญไปกว่านั้น เชื่อไหมว่า ลีกไทย จะถูกทั่วโลกจับตามองและเฝ้าดูยิ่งกว่าเก่า....
ขอขอบคุณ www.cheerball.com/news/main/view/35534
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!