โปรตุกีสถึงกับไปไม่เป็นเมื่อถูกอเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟกดประตูให้รัสเซียขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่นาที 6
เปาโล เบนโต้ผู้จัดการทีมชาติโปรตเกสมีผู้เล่นให้ใช้งานครบครันหลังคริสติอาโน่ โรนัลโด้สลัดคราบเดี้ยงที่หัวไหล่ซ้ายลงประสานเกมรุกร่วมกับหลุยส์ นานี่และเฮลเดอร์ ปอสติก้าได้ตามปรกติ ขณะที่กลางสนามมีเจา มูตินโญ่กับมิเกล เวโลโซ่คอยบัญชาการเกม
ที่น่าสนใจคือยามใดที่"หมีขาว"ได้เล่นในบ้านตัวเองก็มักทำผลงานได้ดีเพราะนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ปี 1992 พวกเขาลงเล่น 27 เกมชนะ 20 เสมอ 6 แพ้เกมเดียวเท่านั้น
ครึ่งแรก
หมีคึกจัด 6 นาทียิงนำแล้ว
ออกสตาร์ทมาเพียง 6 นาทีรัสเซียไม่พูดพร่ำทำเพลงพังประตูขึ้นนำโปรตุเกส 1-0 จากจังหวะที่ชิโรคอฟแทงบอลทะลุช่องให้เคอร์ซาคอฟหลุดไปล้อเป้าปาทริซิโอก่อนยิงสวนตัวเข้าไปอย่างเยือกเย็น
นาที 15 โปรตุเกสได้ลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายแล้วเป็นเวโลโซ่ที่เปิดไปหน้าปากประตูให้อัลเวสเบียดโคโครินจนกระเด็นแล้วเทคตัวขึ้นโหม่งไปที่เสาไกลเจออคินเฟเยฟบินปัดทิ้งออกไปได้อย่างสวยงาม
โด้'รมเสีย!นานี่ใจแคบเพื่อนรอไม่มีจ่าย
"เซเลเซา"ยังเดินหน้าลุยเต็มที่หวังทวงสกอร์คืนจนนาที 27 นานี่ได้หลุดเข้าในไปกรอบเขตโทษด้านขวาซึ่งหน้าประตูมีโรนัลโด้กับปอสติก้ายืนรอส่วนบุญอยู่แต่เจ้าตัวดันยิงเองบอลหลุดออกไปไกลเลย
เกือบเบิ้ล!เคอร์ซาคอฟวอลเล่ย์ข้ามคาน
แต่"หมีขาว"ไม่อยู่เฉยพยายามหาจังหวะฉาบฉวยเล่นงานผู้มาเยือนโดยนาที 33 เป็นจังหวะที่โคโครินพาบอลเข้าเขตโทษก่อนสะกิดบอลหนีตัวประกบให้เคอร์ซาคอฟวิ่งเข้าวอลเล่ย์ด้วยอีซ้ายข้ามคาน
เวโลโซ่รับเหลืองแรก
ใบเหลืองแรกของเกมเป็นของฝั่งอาคันตุกะเมื่อเวโลโซ่ไปเกี่ยวขาโคโครินในจังหวะที่เกือบหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนที่เคอร์ชาคอฟปั่นฟรีคิกไปชนกำแพงมาให้วอลเล่ย์ซ้ำหลุดกรอบไปอีก
โด้จัดฟรีคิกตรงตัวอคินเฟเยฟ
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกชิโรคอฟไปตัดฟาวล์โรนัลโด้ทำให้ซูเปอร์สตาร์เรอัล มาดริดได้โอกาสปั่นฟรีคิกระยะ 35 หลาบอลพุ่งเข้าหากรอบแต่ไม่ผ่านอคินเฟเยฟ เลยทำให้รัสเซียยังนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
หมีเปิดเกมลุยเอาเม็ดสอง
เข้าสู่ครึ่งหลังเป็นรัสเซียที่เดินหน้าบุกแม้ยังหาโอกาสจบสกอร์เหมาะๆไม่ได้แต่แนวรุกอย่างเคอร์ชาคอฟ, บิสตรอฟและโคโครินก็สร้างปัญหาให้กับเกมรับ"ฝอยทอง"ด้วยสปีดความเร็วอันเหลือร้าย
ฝอยทองทำเกมสวยเจอดักช็อตสุดท้าย
นาที 58 เวโลโซ่วางบอลข้ามไปริมเส้นด้านขวาให้นานี่แปะบอลจังหวะเดียวให้เปเรยร่าหลุดเข้าในกรอบเขตโทษก่อนเปิดยัดมาที่เสาแรกหมายให้โรนัลโด้เข้าชาร์จแต่อิ๊กนาเชวิชสไลด์ออกไปได้
สองทีมทะยอยปรับหมาก
เกมของโปรตุเกสยังไม่ได้เหนือกว่ารัสเซียเลยด้วยเหตุนี้พอมานาที 66 เบนโต้เลยส่งวาเรล่าลงมาแทนมิคาเอลพร้อมปรับระบบเป็นสองกองหน้า ขณะที่เจ้าบ้านเอาเคอร์ชาคอฟที่วิ่งจนหมดออกเช่นกัน
ฝอยทองหวิดโดนเพิ่ม
แต่พอมาถึงนาที 81 โปรตุเกสหวิดเสียประตูเพิ่มเมื่อปล่อยให้โคโครินลากบอลยาวจากเกือบกลางสนามเข้ามาส่องไกลไปโดนปาทริซิโอทุบออกมาหน้าเขตโทษเจอชิโรคอฟยิงสวนถากเสาออกไปอีก
ช่วงเวลาที่เหลือโปรตุเกสทวงประตูคืนไม่ได้ จบเกมเลยบุกมาพ่ายรัสเซีย 1-0 ปล่อยให้"หมีขาว"รั้งจ่าฝูงกลุ่มเอฟแต่เพียงผู้เดียวด้วยการชนะรวด 3 นัด