สุดยิ่งใหญ่ กระทิงป้องกันแชมป์ขวิดอิตาลี่ไส้แตก 4-0
ฟุตบอลยูโร 2012 รอบชิงชนะเลิศ
กระทิงดุ สเปน VS อัสซูรี่ อิตาลี่
เตะเวลา 01.45 สนาม โอลิมปิก สเตเดี๊ยม เคียฟ ยูเครน
เกมนี้ บิเซนเต้ เดลบอสเก้ใช้ผู้เล่นแผนเดิม 4-3-3 ยังคงไม่ส่งกองหน้าลงมาค่ำในแนวรุกอาศัยการดันของ 3 ตัวกลาง อิเนสต้า - ซิลบา และ ฟาเบรกาส เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุก ขณะเดียวที่แดนกลางยังคงมี อลอนโซ่ - ซาบี้ และ บุสเก็ต คุมจังหวะเกม ส่วนแนวรับใช้ผู้เล่นชุดเดิมทั้งหมด คานซิยาส - อัลเบรัว - รามอส - ปิเก้ และ จอห์ดี้ อัลบ้า
เซซาเร่ ปรานเดลลี่ กุนซือชาวอิตาลี่ได้รับข่าวดีเมื่อแบ็กบวา อบาเต้ ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงเล่นในเกมคืนนี้ ขณะที่แนวรุกยังคงเป็น คาสซาโน่ - บาโลเตลลี่ ขณะที่แดนกลาง ปีร์โล่ - มอนโตลิโว่ - เด รอสซี่ และ มาร์คิซิโอ้ ส่วนในแนวรับยังชุดเดิม บุฟฟ่อน - อบาเต้ - บาร์ซาญี่ - โบนุชชี่ และ คิเอลลินี่
เริ่มเกมมาได้ 1 นาที เป็นทางอิตาลี่ได้มีโอกาสลองส่องก่อนและเป็นทาง อันเดรีย ปีร์โร่ จอมทัพตัวเก๋าได้ลองกดบอลลอยข้ามคานมากเกินไป
นาทีที่ 4 สเปนได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกและเป็นทาง ซาบี้ เออร์นันเดซ ได้ส่องบอลลอยข้ามคานไปเช่นเดียวกัน
สเปนได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 6 จอห์ดี้ อัลบ้า ขึ้นเกมมาทางซ้ายถึงสุดเส้นหลังก่อนที่จะเลือกโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษบอลเกือบเลยมาถึง ดาวิด ซิลบา ที่กำลังเติมขึ้นมาที่เสาสอง แต่เป็นทาง โบนุชชี่ โหม่งออกหลังไปได้ลูกเตะมุม ซาบี้ เออร์นันเดซ เป็นคนโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็นทาง รามอส ที่เติมขึ้นมาสูงได้โหมงข้ามคานไป
สเปนยังคงครองเกมได้อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 10 ซาบี้ เออร์นันเดซ มีโอกาสอีกครั้งคราวนี้ทำชิ่ง 1-2 กับทาง เชส ฟาเบรกาส บริเวณหน้ากรอบเขตโทษของอิตาลี่ก่อนที่จะได้กดด้วยขวา ลอยลอยข้ามคานไปนิดเดียว
หลังจากครองเกมอยู่นานสเปนก็ได้ประตูนำสมใจในนาทีที่ 12 บอลเริ่มจากซาบี้ เออร์นันเดซ จ่ายให้ทาง อันเดรียส อิเนสต้า ก่อนที่จะไหลทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เชส ฟาเบรกาส ไล่กวดไปจนถึงสุดเส้นหลังก่อนเปิดมากลางประตู เป็นทาง ดาวิด ซิลบา ที่สอดขึ้นมาโหม่ง ตุงตาข่ายให้สเปนนำ 1-0
อิตาลี่ต้องเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อทาง จอห์โจ้ คิเอลลินี่ มีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต่อส่ง เฟดริกโก้ บาซาเร็ตติ ลงมาเล่นแทนในนาทีที่ 21
รูปเกมโดยรวมหลังจากที่สเปนขึ้นนำยังคงสามารถครองเกมได้อย่างเหนือกว่าอย่างชัดเจน
นาทีที่ 28 อิตาลี่มีโอกาสที่จะตีเสมอ เมื่อทาง บาโลเตลลี่ พักบอลอยู่บริเวณในแดนสเปนก่อนดึงจังหวะไหลคืนมาให้ เดรอสซี่ ก่อนที่จะเบิ้ลจังหวะเดียวไปทางซ้ายให้ คาสซาโน่ ที่สอดขึ้นไปรอก่อนที่จะหลอกกองหลังสเปนเสียหลักล้มลง ยิงเรียดด้วยขวา บอลเข้ามือ คานซิยาส
นาทีที่ 30 อิตาลี่ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิก และเป็นทาง อันเดรีย ปีร์โล่ ที่ได้ส่องบอลกระเด้งหลุดเสาออกไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 32 อิตาลี่ได้ลุ้นอีกครั้งคราวนี้ได้ยิงจากนอกกรอบเขตโทษเต็มข้อเป็นทาง เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ้ ที่ได้กด คานซิยาสต้องออกแรงทุบออกมา
นาทีที่ 38 อิตาลี่มีโอกาสอีกครั้งจาก มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่เลี้ยงบอลจากด้านซ้ายโล๊ะมาจนเกือบถึงกลางประตูก่อนที่จะตัดสินใจกดด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษบอลลอยข้ามคาน
สเปนที่โดนบุกมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมากลับได้ประตูขึ้นนำห่าง 2-0 ใน นาทีที่ 41 จากจังหวะเปิดเกมของ คานซิยาส มาทางซ้ายให้ อัลบ้า โหม่งขึ้นหลังก่อนที่ตัวแบ็กซ้ายป้ายแดงของบาร์เซโลน่าจะวิ่งเติมเกมขึ้นไปข้างหน้าและเป็นทาง ซาบี้ เออร์นันเดซ ที่จ่ายบอลสุดคมให้ทางดาวเตะรายนี้หลุดเข้าไปดวลกับยอดนายด่านชาวอิตาลี่ ก่อนที่จะเลือกยิงสวนตัวเข้าไปช่วยให้กระทิงดุนำ 2-0
หลังจากนั้นอิตาลี่พยายามเปิดเกมรุกทวงประตูคืนแต่ไม่สำเร็จจบเกมครึ่งแรกสเปนนำ 2-0
เริ่มเกมครึ่งหลังอิตาลี่มีการเปลี่ยนตัวส่ง อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ลงสนามมาแทนที่ของ อันโตนิโอ คาสซาโน่
นาทีที่ 46 อิตาลี่น่าจะได้ประตูไล่ขึ้นมาจากจังหวะที่ อบาเต้ เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนที่จะโยนเข้ามากลางประตูเป็นทาง อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ที่ได้โอกาสลงมาโหม่งบอลลอยข้ามคานไปเพียงนิดเดียว
เกมผ่านไป 5 นาทีเป็นทางสเปนที่ยังคงบุกได้อย่างมากกว่าและวูบวาบกว่ามากทีเดียว
นาทีที่ 51 อิตาลี่น่าจะได้ประตูตีเสมอสุดๆ เมื่อทาง ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ที่ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษและได้โอกาสยิง แต่คานซิยาสปัดออกมาเข้าทางซ้ำครั้งที่ 2 เบาไปเข้ามือ คานซิยาส
นาทีที่ 57 อิตาลี่เปลี่ยนตัวเป็นคนที่ 3 ในเกมนี้เมื่อถอดทาง ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ออกแล้วส่ง ตีเอโก้ ม็อตต้าร์ ลงสนามแทน
อิตาลี่ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิก นาทีที่ 58 เป็นปีร์โล่ที่ได้โยนเข้ามาลุ้นกันที่กลางประตู คานซิยาสปัดออกไปทางซ้าย ดิ นาตาเล่วิ่งตามไปเก็บ ก่อนตัดสินใจไหลเข้ากลางบริเวณหน้ากรอบเขตโทษให้ทาง มาริโอ บาโลเตลลี่ ได้กดด้วยขวาบอลลอยข้ามคานไปอีกครั้ง
นาทีที 60 อิตาลี่ต้องเหลือ 10 คนในสนามเมื่อทาง ตีเอโก้ ม็อตต้า ที่เพิ่งลงไปใหม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าต้องหามออกจากสนาม
เข้าสู่นาทีที่ 70 อิตาลี่ที่เหลือ 10 คนก็ยังคงพยายามที่จะบุกเพื่อเอาประตูขึ้นมาให้ได้ ขณะเดียวกันทางสเปนก็เล่นจังหวะช้าลงเน้นการครองบอลเป็นหลัก
นาทีที่ 75 สเปนส่งทาง เฟอร์นันโด ตอร์เรส ลงมาแทนที่ของ เชส ฟาเบรกาส
นาทีที่ 78 สเปนน่าจะได้ลูกที่ 3 อันเดรียส อิเนสต้าดึงจังหวะรอ จอห์ดี้ อัลบ้า เติมมาทางซ้ายก่อนไหลไปให้แบ็กตัวเก่งตบเข้ากลางไปที่เสาสองเปโดร โรดริเกรซ ยืนรอโล่งๆ ได้ยิงบอลหลุดกรอบแบบน่าผิดหวัง แต่กรรมการยกธงเป็นลูกล้ำหน้า
นาทีที่ 85 สเปนได้ประตูที่ 3 ปิดกล่องจากการยิงของ เฟอร์นันโด้ ตอร์เรส
นาทีที่ 87 สเปนถอด อันเดรียส อิเนสต้าออกแล้วส่ง ฆวน มาต้า ลงสนาม
นาทีที่ 89 สเปนนำห่างไป 4-0 เมื่อทาง ตอร์เรสได้บอลหลุดมาทางกรอบเขตโทษด้ายซ้ายก่อนที่จะสะกิดไปให้ ฆวน มาต้า ได้กดเข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากนนั้นสเปนครองบอลเอาไว้ทั้งหมดจนกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน สเปนเป็นแชมป์สมัยที่ 2 เอาชนะอิตาลี่ไปได้ 4-0