อีหรอบเดิม!ต่างดาวพลิกไล่ยิงราชันตายคาบ้าน 2-1


โคปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก 

วันพุธที่ 18 มกราคม 2555
 

 เรอัล มาดริด 1 : 2 บาร์เซโลน่า  

สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว 

ประตู : 1-0 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.11, 1-1 คาร์เลส ปูโญล น.49, 1-2 เอริค อบิดัล น.77
 

เกมนัดนี้ถือเป็นศึก"เอล กลาซิโก้"ครั้งที่ 9 ของโจเซ่ มูรินโญ่ในฐานะเรอัล มาดริด โดยที่ผ่านมา เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสยังไม่สามารถยัดเยียดความปราชัยให้กับบาร์เซโลน่า(ใน 90 นาที)ได้แม้แต่หนเดียว(เสมอ 4 แพ้ 4) 

ขณะที่ลิโอเนล เมสซี่ซูเปอร์สตาร์ฝั่ง"อาซูลกราน่า"เป็นตัวแสบของ"โลส บลังโกส"อย่างแท้จริงเมื่อกระทุ้งได้ถึง 6 ประตูและผลจากดีกรีความเดือดพล่านในศึกนี้ทำให้มีถึง 8 ใบแดง (เรอัล 6 , บาร์ซ่า 2) 

ครึ่งแรก 

ต่างดาวระวังไว้!เปเป้ขยับเล่นกลาง 
มูรินโญ่ตัดสินใจดันเปเป้ขึ้นมาเล่นกลางรับแล้วให้คาร์วัลโญ่ลงมาเล่นเซนเตอร์แบ็คแทน ขณะที่โรนัลโด้,เบนเซม่าและอิกวาอินออกสตาร์ทตัวจริงพร้อมกันเป็นหนที่ 4 ด้านเป๊ปส่งปินโต้ลงมาเฝ้าเสาแทนบัลเดสตามคาด โดยมีฟาเบรกาส,อเล็กซิสและเมสซี่ยืนประจำการแดนหน้า 

โด้สุดยอด!สับก่อนซัดตุง 
เริ่มเกมมาเพียง 11 นาทีเรอัล มาดริดได้ได้จังหวะสวนกลับแล้วเป็นเบนเซม่าที่วางบอลยาวจากครึ่งสนามไปยังพื้นที่ว่างด้านซ้ายให้โรนัลโด้สปีดตามไปเอาบอลก่อนสับขาหลอกปิเก้เข้าไปซัดผ่านตัวปินโต้ให้ทีมนำ 1-0 และถือเป็นลูกที่ 26 ในซีซั่นนี้ของปีกเลือดโปรตุกีสด้วย 

อเล็กซิสโหม่งจูบคาน 
แต่นาที 16 บาร์เซโลน่าตอบโต้ขึ้นมาอย่างได้ลุ้นเมื่อฟาเบรกาสตัดสินใจตักบอลข้ามแนวรับเจ้าบ้านให้อเล็กซิสวิ่งสอดเข้าไประหว่างสองผู้เล่น"ราชันชุดขาว"แล้วพุ่งโหม่งผ่านมือคาซิญาสไปกระแทกคาน 

เกมชักเดือดขึ้นแล้ว 
เกมเริ่มทวีความร้อนแรงมากขึ้นเมื่อเปเป้โดนใบเหลืองจากการไปเหยียบใส่เท้าบุสเก็ตส์จนนอนดิ้นด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ปิเก้ก็รับใบเหลืองตามไปติดๆหลังไปปะทะกับเปเป้ในจังหวะเล่นลูกกลางอากาศ 

เมสซี่เลื้อยไปส่องติดเซฟ 
นาที 26 เมสซี่แข้งเจ้าของบัลลงดอร์ 3 สมัยกระชากบอลลุยขึ้นไปทางฝั่งซ้ายแล้วจี้เข้าหาโทษไปกระทุ้งใส่คาซิญาสแต่กัปตันทีม"โลส บลังโกส"ยังล้มเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม 

เด็กวิทย์กระทุ้งหลุดเสา 
อีกสามนาทีถัดมายังเป็น"อาซูลกราน่า"ที่บุกเข้าใส่โดยบอลเริ่มจากอเล็กซิสส่งต่อไปให้ฟาเบรกาสผ่านบอลเข้าไปทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษให้อิเนียสต้าสปีดตามไปยิงหลุดเสาหวุดหิวด 

คาซิญาสพุ่งตอว์ปิโด้อย่างเท่ 
นาที 33 คาซิญาสโชว์การอ่านเกมขั้นเวิร์ลด์คลาสเมื่อเห็นฟาเบรกาสวางบอลยาวมาหน้าเขตโทษก็ทำให้นายด่านมือหนึ่งทีมชาติสเปนรีบวิ่งออกจากเส้นไปพุ่งโหม่งแบบตอว์ปิโดเพื่อสกัดกันเลยทีเดียว 

จบครึ่งแรกเรอัล มาดริดนำบาร์เซโลน่า 1-0 จากประตูของโรนัลโด้ เราคงต้องมารอดูกันว่าพลพรรค"อาซูลกราน่า"จะฮึดกลับมาได้หรือไม่ในครึ่งเวลาหลังเพราะไม่อย่างนั้นคงทำงานวันเกิดครบรอบ 41 ปีของเป๊ปกร่อยแน่นอน 

ครึ่งหลัง 

เร็วจัง!ปูโญลโขกตีเสมอ 
กลับมาโซ้ยแข้งกันต่อในครึ่งหลังยังไม่มีการเปลี่ยนตัวจากทั้งสองฝ่ายแต่เพียงนาที 49 บาร์เซโลน่าก็มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายแล้วบอลถูกเปิดมาที่เสาไกลแล้วเป็นปูโญลที่สลัดหนีเปเป้เข้าไปโถมตัวโหม่งตุงตาข่าย นับเป็นลูกที่ 2 ในซีซั่นนี้ของเจ้าตัว 

เชสก์ชิพ-เด็กวิทย์วอลเล่ย์ 
นาที 55 ฟาเบรกาสฉวยโอกาสเล่นลูกเก่งของทีม"บาร์ซ่า"ด้วยการชิพบอลเข้าไปในเขตโทษให้อิเนียสต้าวอลเล่ย์ที่ระยะ 8 หลาแต่เพราะมีรามอสเข้ามาบีบเลยซัดไม่เข้ากรอบ 

เบนเซม่าโหม่งสะบัดชนเสา 
อีกสามนาทีให้หลังทางอัลตินท็อปเติมเกมขึ้นมาทางกราบขวาก่อนบรรจงเปิดบอลไปที่เสาไกลให้เบนเซม่าเทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดไปชนเสานอกกระดอนออกหลังประตูไปอย่างน่าเสียดาย 

เปเป้เกรียนได้ใจ 
นาที 64 เปเป้สร้างชื่อเสียให้กับตัวเองอีกแล้วหลังล้มลงไปกองกับพื้นแล้วมาอ้างว่าโดนฟาเบรกาสเล่นงานเข้าที่หัวทั้งที่ไม่โดนอะไรสักนิด ยังดีกรรมการไม่แจกใบเหลืองที่สองข้อหาลวงโลก 

เท่านั้นไม่พอเมื่อไม่กี่อึดใจให้หลังเมสซี่มาโดนทำฟาวล์จนลงไปนั่งอยู่กับพื้นแล้วเปเป้ก็เจตนาเดินไปเหยียบมือของแข้งอาร์เจนไตน์อีก ช่างงามหน้าจริงๆที่เขาทำแบบนี้ 

บุสเก็ตส์โขกข้ามคาน 
หลังจากนั้นในนาที 70 บาร์เซโลน่ามีโอกาสลุ้นประตูอีกครั้งเมื่อชาบีครอสลูกฟรีคิกเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วเป็นบุสเก็ตส์ที่ได้ขึ้นโหม่งเดี่ยวๆในกรอบ 6 หลาแต่ดันเหินข้ามคาน 

ราชันเงิบ!อบิดัลเติมมายิง 
แต่แล้ว"ราชุดชุดขาว"ก็ต้องมาหงายเงิบในนาที 77 เมื่อเมสซี่จ่ายบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้อบิดัลที่โอเวอร์แล็ปขึ้นมารับบอลไปยิงสวนตัวคาซิญาสเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาดให้"อาซูลกราน่า"พลิกกลับมาแซงนำ 2-1 ทั้งยังเป็นลูกที่ 2 ที่แข้งเลือดเฟร้นช์ทำได้ใน 4 ปีครึ่งที่อยู่กับสโมสร 

โคเอนเทราเล่นนอกเกมช่างแย่มาก 
ช่วงท้ายเกมเมสซี่กับโคเอนเทราปะทะกันจนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่ก่อนที่แบ็กซ้ายโปรตุกีสโชว์ความเถื่อนด้วยการเอามือกดหัวกองหน้าต่างดาวเสียแทบทิ่มดิน 

อย่างไรก็ตามที่สุดแล้วบาร์เซโลน่าก็เก็บชัยไปด้วยสกอร์ 2-1 กุมความได้เปรียบเหนือเรอัล มาดริดในศึกโคปา เดล เรย์รอบ 8 ทีมสุดท้าย แถมยอดทีมแคว้นคาตาลันยังไม่แพ้ใครมา 51 เกมติดในยามที่พวกเขามีปูโญลออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โดยครั้งสุดท้ายที่ปราชัยคือเกมแชมเปี้ยนลีกส์ปี 2010 ที่เจอกับอินเตอร์ มิลานของมูรินโญ่ 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

เรอัล มาดริด : 
อีเคร์ คาซิญาส 6, ลาสซานา ดิยาร์ร่า 6 (เมซุต โอซิล น.66, 5.5), เซร์คิโอ รามอส 5, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 4.5 , ฟาบิโอ โคเอนเทรา 5 , เปเป้ ***4  (เอสเตบัน กราเนโร่ น.80, 5), ชาบี อลอนโซ่ 6, ฮามิต อัลตินท็อป 6, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 6 , กอนซาโล่ อิกวาอิน 4.5 (โฆเซ่ มาเรีย กาเญฆ่อน น.66, 5 ), คาริม เบนเซม่า 5.5 

สำรองไม่ได้ใช้ : อันโตนิโอ อาดาน, ราอูล อัลบิโอล, มาร์เซโล่, ริคาร์โด้ กาก้า 

เทรนเนอร์ : โจเซ่ มูรินโญ่ 

บาร์เซโลน่า : โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ 5, ดาเนียล อัลเวส 5, คาร์เลส ปูโญล 7.5  , เคราร์ด ปีเก้ 5.5 , เอริค อบิดัล 7 , ชาบี เอร์นานเดซ ***7.5 (ธิอาโก้ อัลคันทาร่า น.86, N/A), เซร์กิโอ บุสเก็ตส์ 5 , อันเดรส อิเนียสต้า 6.5, อเล็กซิส ซานเชซ 7 (อาเดรียโน่ กอร์เรอา น.82, 5), เชสก์ ฟาเบรกาส 5.5 (ไอซัค คูเอนก้า น.88, N/A), ลิโอเนล เมสซี่ 7 

สำรองไม่ได้ใช้ : บิคตอร์ บัลเดส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, โจนาธาน ดอส ซานโต๊ส, เซร์กี้ โรแบร์โต้ 

เทรนเนอร์ : โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์