คำสัญญาที่แอนฟิลด์

  ถ้าคำสัญญาต่างๆ เป็นความจริง ลิเวอร์พูลคงขึ้นไปอยู่ในฐานะเดียวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี ได้แล้ว


ผมต้องขีดเส้นใต้คำพูดของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ประโยคนี้เอาไว้ตั้งแต่ครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าววันแรกๆ หลังเลือกทางเดินสีน้ำเงิน


ไม่ได้จดจำคำพูดนี้เพื่อเอามาทิ่มแทง เอล นินโญ่ ซึ่งผ่าน 2 เกมอันไม่น่าจดจำเอาเสียเลยหรอกครับ หากเพื่อเตือนใจตัวเองต่างหากว่าลิเวอร์พูลก็เป็นเสียอย่างนี้


มีคำสัญญามอบให้มากมาย แต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง


เชื่อถือคำพูดของตอร์เรสได้มากน้อยแค่ไหน? อาศัยสามัญสำนึกประกอบกับพฤติกรรมเจ้าของเก่าทั้งสองคนมันก็มีความเป็นไปได้สูง


ตอร์เรสตัดใจอำลาถิ่นบิเซนเต้ กัลเดร่อน เพื่อมาหาความสำเร็จที่จับต้องได้ ลิเวอร์พูลในวันอ้าแขนต้อนรับเขากำลังเปล่งประกายอวบอิ่มพร้อมไล่ล่าความสำเร็จเต็มตัว มีแชมป์ยุโรปปี 2005 แชมป์เอฟเอ คัพ 2006 มี ราฟา เบนิเตซ มี ชาบี อลอนโซ่ มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด แถม ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาตอนตลาดหน้าหนาวก่อนหน้านั้นอีกคน


กับนักฟุตบอลระดับตอร์เรส ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่า เขาเป็นคนอาภัพความสำเร็จอย่างรุนแรง


มีเพียงประตูโทนในนัดชิงยูโร 2008 ที่แอร์นส์ ฮัพเพิ่ล สตาดิโอนกระมังที่พอจะหยิบมาเชยชมให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปคราวนั้นตอร์เรสสามารถพูดได้เต็มปากว่ามีส่วนร่วมกับกองทัพกระทิงดุแม้สตาร์ตัวจริงในแดนหน้าจะเป็น ดาบิด บีย่า ที่คว้าดาวซัลโวก็ตาม


กับฟุตบอลโลก 2010 ตอร์เรสหายไปกับความร้อนแรงของบีย่าเหมือนเดิม ยิ่งกว่านั้นมันไม่มีเหตุการณ์ดราม่าในนัดชิงมาช่วยอีกแล้ว ภาพที่เขาวิ่งไล่กวดลูกบอลแล้วเอ็นหลังหัวเข่ากระตุกลงไปนอนโอดโอยริมสนามซอคเกอร์ ซิตี้ ยังติดตาใครหลายๆ คน


ยิ่งกับฟุตบอลสโมสร ทีมตราหมีไม่มีอะไรให้เขาเลยนอกจากความรัก ส่วนเกียรติยศความสำเร็จให้เต็มที่เลยก็แค่รอบรองฯ โกปา เดล เรย์ ผลงานในลีกก็ไม่เอาไหนเริ่มต้นนับหนึ่งจากลีกาสองด้วยซ้ำ ปีนขึ้นมา ลา ลีกา ได้ก็ไม่เคยทำอันดับดีกว่าที่ 7 ยิ่งกับบอลยุโรปไม่ต้องพูดถึงเพิ่งได้สัมผัสกับมันก็ตอนย้ายมาสวมชุดหงส์แดงนี่แหละ


เพราะฉะนั้น ปม ของเฟร์นานโด ตอร์เรส จึงน่าสนใจและเห็นใจในเวลาเดียวกัน


ความเหนื่อยกายคงไม่เท่ากับที่หน่ายใจ สัญญิงสัญญาทั้งหลายที่ลิเวอร์พูลประเคนให้ว่าจะมีเกียรติยศประดับบารมีให้เขาไม่ต้องอายเพื่อนร่วมทีมชาติสเปนกลายเป็นแค่ลมปาก ขายอลอนโซ่ ขายมาสเคราโน่ ตะเพิดราฟา และไม่มีนักเตะใหม่จำพวก ระดับเดียวกัน เข้ามาแม้แต่คนเดียว


มันก็น่าคิดกับคำพูดของตอร์เรสนะครับ


แน่ล่ะว่าถ้าเขาเลือกย้ายทีมตอนจบฤดูกาลมันจะสวยกว่าที่เป็นอยู่เยอะ คงไม่มีเดอะค็อปคนไหนใจไม้ไส้ระกำส่งเสียงก่นด่าตามตูดไปหรอก สตีเว่น เจอร์ราร์ด เองก็คงสบสายตาแล้วยิ้มให้ตอนจับมือก่อนเริ่มเกมไม่ได้ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันอย่างที่เห็นในเกมที่เดอะบริดจ์อย่างนั้น


แต่ก็นั่นล่ะครับ เขาเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว สิ่งที่เหลือก็แค่ไปตามถนนของตน


ถ้ามองในมุมของเชลซี ค่าตัว 50 ล้านปอนด์ไม่เพียงได้ตอร์เรสไปอยู่ด้วยเท่านั้น หากยังน่าจะทำให้ไฟในตัว โรมัน อบราโมวิช คุโชนขึ้นมาอีกหนด้วย คำนวนดูแล้วทีมสิงโตน้ำเงินครามได้คุ้มกับที่เสีย เผลอๆ แฟนบอลจะได้กำไรในเรื่องอารมณ์โดยเฉพาะช่วงปิดฤดูกาลต้องจับตาดูให้ดี


ส่วนลิเวอร์พูล สิ่งหนึ่งที่เดอะค็อปต้องยอมรับคือพวกเขาสะดุดขาตัวล้มลงไปเอง ฤดูกาล 2008-09 เป็นฤดูกาลที่ใกล้แชมป์ที่สุดแต่ดันเสมอสุ่มสี่สุ่มห้า หลังจากนั้น แมนฯ ยูฯ อุตส่าห์ขายอาวุธหนักอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกไป หงส์แดงก็ดันปล่อย ชาบี อลอนโซ่ เหมือนกันราวกับกลัวคู่ต่อสู้ทั้งหลายจะเสียเปรียบ แถมยังตามมาด้วยการงอแงของมาสเคราโน่อีกคน


ความวุ่นวายทั้งหลายในแอนฟิลด์ส่งผลให้การสะดุดขาตัวเองล้มในคราวนั้น ลิเวอร์พูลยังพยุงตัวขึ้นมาตั้งหลักไม่ได้ ยิ่งมองไปที่แบ๊กอัพเป็น 2 เจ้าของมะกัน ทอม ฮิคส์ กับ จอร์จ จิลเลตต์ ก็ยิ่งน่าละเหี่ยใจ


ไอ้คำสัญญาทั้งหลายที่ ตอร์เรส อ้างถึงก็คงเป็นเรื่องพวกนี้แหละ เพียงแต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว


บางทีถ้าไม่มี 50 ล้านปอนด์จากค่าตัวของ เอล นินโญ่ เดอะค็อปก็คงไม่ได้รู้เสียทีว่า มร.จอห์น เฮนรี่ ที่สอง เจ้าของคนใหม่นั้นจริงจังกับสโมสรแค่ไหน


ในฐานะแฟนบอลหงส์แดงคนหนึ่ง ยอมรับครับว่าถ้า 50 ล้านปอนด์นั้นอยู่ในมือ ฮิคส์ กับ จิลเลตต์ มันก็น่ากังวลว่าจะถูกเจียดมาสู่มือคิงเคนนี่สักกี่มากน้อย


เชื่อว่าคงกระจุ๋มกระจิ๋มไม่ถึง 20 ล้านปอนด์ หรือเอาแค่ 15 ล้านปอนด์ก็ฉลองกันแล้ว


ถ้าคำสัญญาต่างๆ เป็นความจริง ลิเวอร์พูลคงขึ้นไปอยู่ในฐานะเดียวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี...


เสียดายเหมือนกันนะครับ เสียดายที่คำสัญญาเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นในยุคที่ จอห์น เฮนรี่ เข้ามาเทกโอเวอร์แล้ว


ตังกุย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์