10ยอดนักเตะที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก

10 ยอดนักเตะที่ไม่เคยสัมผัสถ้วย “ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก”






อันดับที่ 10 ปาทริค วิเอร่า





วิเอร่า ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงถาวร ทั้งใน อาร์เซน่อล และ ทีมชาติฝรั่งเศส โดยเฉพาะในทัพ “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนคู่หูในแดนกลางไปกี่คน เขาก็ยังทำหน้าที่ของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ อาร์เซน่อล ก่อนจะคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ร่วมกับ ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ และศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปร่วมกับทัพ “เลส์ เบลอส์” แต่ไม่เคยได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


อันดับที่ 9 ไมเคิ่ล โอเว่น





ยุครุ่งเรืองที่สุดของ “เบบี้โกล” เกิดขึ้นในสมัยค้าแข้ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อเขาพาทีมคว้า 3 แชมป์ฟุตบอลถ้วยได้ในปี 2001 โชคร้ายที่ถ้วยยุโรปเป็นเพียงถ้วยยูฟ่า คัพ เท่านั้น แต่อย่างน้อยในปีนั้นเขาก็คว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองได้ ก่อนที่เขาจะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ไปอยู่กับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เมื่อปี 2004 แต่ก็ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยเล่นกับ ลิเวอร์พูล ออกมาได้อีกเลย ซ้ำยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด แต่อย่างน้อยปีนี้เขายังพอมีลุ้นคว้าแชมป์ยุโรปร่วมกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้


อันดับที่ 8 มิชาเอล บัลลัค





สำหรับ จอมทัพทีมชาติเยอรมัน ในชีวิตนี้อาจมีโอกาสดีที่สุดแค่ยืนดูคู่แข่งชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เป็นได้ เขาเป็นกำลังสำคัญที่พาทีม “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ในปี 2002 ก่อนจะพ่ายต่อ เรอัล มาดริด ไปด้วยประตูชัยสุดสวยของ ซีเนดีน ซีดาน แต่เมื่อเขาย้ายไปร่วมทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เขาก็ไม่เฉียดเข้าใกล้ขนาดนั้นอีกเลย จนมาอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เขามีโอกาสอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ ปี 2008 แต่พลาดท่าพ่ายพลพรรค “เร้ด เดวิลส์” ไปอย่างน่าเสียดายในการดวลจุดโทษ แม้ว่าเขาจะซัดจุดโทษลูกแรกให้ทีมได้ก็ตาม


อันดับที่ 7 พาเวล เนดเวด





สุดยอดมิดฟิลด์ทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก คว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ในปี 2003 ซึ่งเป็นปีที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถพาทัพ “เบียงโคเนรี่” เข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ แต่โชคร้ายที่เขาลงสนามในเกมนั้นไม่ได้ เนื่องจากติดโทษแบน และเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้อีกด้วย


อันดับที่ 6 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช





แน่นอนว่าด้วยวัย 28 ปี และการค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ทำให้เขายังมีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ได้ในปีนี้ หรือปีต่อๆ ไป แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นกับทั้ง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน และสามารถคว้าแชมป์ลีกในประเทศร่วมกับทั้ง 3 ทีม แต่เขายังไม่เคยสัมผัสแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยิ่งกว่านั้น เขายังไม่เคยทำประตูในรอบน็อคเอ้าท์ได้เลยอีกด้วย


อันดับที่ 5 ฟาบิโอ คันนาวาโร่





กัปตันทีมชาติอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในปราการหลังที่ดีที่สุดในโลก เขามีส่วนสำคัญมากที่ช่วยให้ ปาร์ม่า ประสบความสำเร็จในช่วงปลายยุค 90 และย้ายไปเล่นกับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน อยู่ช่วงสั้นๆ ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในช่วงที่ค้าแข้งกับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส แต่หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวในวงการลูกหนังแดนมะกะโรนี เขาก็โยกไปค้าแข้งในสเปน ร่วมกับ เรอัล มาดริด และคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ 2 สมัย แต่ไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้จะเป็นเจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า และรางวัลบัลลงดอร์ ในปี 2006 หลังพาทัพ “อัซซูรี่” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จ


อันดับที่ 4 จานลุยจิ บุฟฟ่อน





“จีจี้” ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบที่สุดในรุ่นของเขา คว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งเวทีกัลโช่ เซเรีย อา มาแล้ว 7 สมัย บุฟฟ่อน เริ่มต้นสร้างชื่อมากับ “จัลโล่บลู” ปาร์ม่า เช่นเดียวกับ คันนาวาโร่ ก่อนจะสร้างสถิตินายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลก เมื่อโยกมาเฝ้าเสาในถิ่นโอลิมปิโก ตูริน ด้วยค่าตัว 51.5 ล้านยูโร (ประมาณ 2,472 ล้านบาท) และเข้าใกล้แชมป์มากที่สุดในปี 2003 แต่พ่าย เอซี มิลาน ในรอบชิงชนะเลิศ ที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ


อันดับที่ 3 เดนนิส เบิร์กแคมป์





ตำนานกองหน้าของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ในอังกฤษได้เกือบทุกรายการ ขาดเพียงแค่แชมป์ลีก คัพเท่านั้น เป็นหัวใจสำคัญของ อาร์เซน่อล ในชุดทำสถิติไร้พ่าย 44 นัดติดต่อกัน “ไอซ์เบิร์ก” ลงสนามในสีเสื้อ “ปืนโต” ไป 424 นัด สูงสุดเป็นอันดับ 10 ของสโมสร ซัดไปทั้งหมด 120 ประตู ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้อีก 166 ครั้ง และยังได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีทักษะการเล่นยอดเยี่ยมที่สุดของโลก คงไม่ผิดอะไรถ้าจะบอกว่า ขวัญใจตลอดกาลของเหล่า “เดอะ กันเนอร์ส” คนนี้ เป็นนักเตะคนหนึ่งที่สมควรได้ลิ้มรสแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สักครั้งในชีวิต


อันดับที่ 2 รุด ฟาน นิสเตลรอย





เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดของเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นอันดับ 2 รองจาก ราอูล กอนซาเลซ ยอดดาวยิงของ เรอัล มาดริด โดย หัวหอกดัตช์วัย 33 ปี ซัดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแล้ว 60 ประตู เป็นดาวซัลโวของทัวร์มาเมนต์มาแล้ว 3 ฤดูกาล และจากรายชื่อดาวยิงสูงสุด 10 อันดับแรก ฟาน นิสเตลรอย มีประสิทธิภาพในการทำประตูที่สุด ด้วยอัตราการทำประตูได้ 77 เปอร์เซ็นต์ต่อเกม เขาล่าตาข่ายให้ทัพ “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนจะไปค้าแข้งกับ “ราชันชุดขาว” นอกจากจะไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์ใหญ่ที่สุดของสโมสรยุโรป เขายังไปไกลสุดแค่รอบรองชนะเลิศในปี 2002 เท่านั้น


อันดับที่ 1 โรนัลโด้





ยอดศูนย์หน้าชาวบราซิเลียน ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก เป็นเจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า 3 สมัย เคยคว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน ร่วมกับ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ศึกพรีเมียร์ดัตช์ ร่วมกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ กับ บาร์เซโลน่า เคยได้แชมป์ ยูฟ่า คัพ กับ อินเตอร์ มิลาน ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ในสเปน เขาเคยเล่นให้ทั้ง มาดริด และ บาร์ซ่า ในอิตาลี เขาก็เคยเล่นให้ทั้ง 2 ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองมิลาน โรนัลโด้ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกร่วมกับขุนพล “แซมบ้า” ได้ถึง 2 สมัย และยังครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของศึกเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ด้วยจำนวน 15 ประตู ในปี 2003 อาการบาดเจ็บของเขา ทำให้ “ราชันชุดขาว” ไปไกลแค่รอบตัดเชือก ขณะที่ในปี 2007 เขาติดคัพ-ไทด์ จากการลงเล่นให้ มาดริด ทำให้เขาหมดสิทธิร่วมฉลองแชมป์กับพลพรรค “ปีศาจแดง-ดำ”



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์