ข่าวแพรวา โดนขู่ฆ่าย้ายรพ.หนีอีก-แม่กราบขอโทษ เหยื่อสาวซิ่งซีวิคดับเพิ่มอีกหนึ่งที่รพ.

เด็ก มธ.เหยื่อสาวซิ่งซีวิคทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจ ยธ.ส่ง ผอ.ป.ป.ท.ตามคดี ยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

วันนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางโรงพยาบาลวิภาวดี แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากกรณี น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16ปี ขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถตู้โดยสาร ยี่ห้อโตโยต้า สีเทาฟ้า ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร บนทางด่วนโทลล์เวย์ เพิ่มอีก 1 ราย  เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว คือ น.ส.จันจิรา ซิมกระโทก อายุ 22ปี นักศึกษาชั้นปีที่4 สาขาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะนี้นำศพส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดแล้ว และจนถึงขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.อรชร  ว่าจะเข้ามาให้ปากคำเมื่อใด

ขณะที่ สน.วิภาวดี พ.ต.ท.ชัยวิณ เสมาทอง ผอ.ป.ป.ท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผอ.สปท.5 ป.ป.ท. และพ.ต.ท.พงศพร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสืบสวนและสะกดรอย กรมบังคับคดีพิเศษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ฉัตรชัย  เอี่ยมอ่อง พงส.(สบ3) เจ้าของคดี จากนั้น พ.ต.ท.พงศธร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก
นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม  ให้มาขอข้อมูลจากพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีดังกล่าว  เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมาก โดยเพียงแค่มาดูในเรื่องของการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเพื่อให้เกิดความเป็น ธรรมกับทั้ง  2ฝ่ายเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนในการสอบปากคำพยานและผู้ต้องหาแต่อย่างใด เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขู่ฆ่าสาวซิ่ง ย้ายรพ.หนีอีก-แม่กราบขอโทษ

กลายเป็นคดีที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีอุบัติเหตุสยองขวัญส่งท้ายปีเสือดุ รถตู้โดยสาร ถูกรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ขับโดย น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16 ปี ชนท้ายบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ จนรถตู้เสียหลักพลิกคว่ำกระแทกเสาไฟฟ้า ผู้โดยสารกระเด็นออกจากตัวรถร่วงลงมากระแทกพื้นใกล้กับแยก ม.เกษตรฯ ถนนวิภาวดีรังสิต เสียชีวิตรวม 8 ศพ บาดเจ็บ 7 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

แม่ย้ายสาวซิ่งหนีตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเช้าวันที่ 30 ธ.ค. นางลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา  แม่ของ น.ส.แพวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา  ที่ก่อเหตุขับรถชนรถตู้บนทางด่วนโทลเวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ให้สัมภาษณ์รายการเช้าข่าวข้น ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ว่า ฝากกราบขอโทษทุกๆคน ทุกๆครอบครัวที่สูญเสียและบาดเจ็บ เราไม่หลบไปไหนแน่ แต่ขอให้กระแสของอารมณ์ในสังคม คลี่คลายลงกว่านี้ก่อน ระหว่างนี้จะส่งป้าของเด็ก ไปเป็นตัวแทนกราบแสดงความเสียใจ ทั้งที่งานศพและที่โรงพยาบาล ตอนนี้ครอบครัวเราทุกข์มาก ไม่มีใครได้นอนหลับเลยตั้งแต่เกิดเหตุ ช็อกและเสียใจอยู่แล้ว ที่ลูกสาวไปทำให้เกิดอุบัติเหตุคนตายถึง 8 คน มีคนเอาเบอร์โทรศัพท์ของเราไปลงในเฟสบุ๊ค เอารูปแพรวาไปลง มีโทรศัพท์ด่าทอเข้ามาตลอดทั้งคืน

ยันไม่ได้หนีไปต่างประเทศ

และดิฉันกับสามี ต้องกราบขอโทษจริงๆ เราต้องย้ายแพรวาออกจาก รพ.วิภาวดี ไปอีก รพ.หนึ่ง และไปอีกที่หนึ่ง ตอนนี้อยู่รพ.ที่3แล้วเพราะมีการขู่ทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่า ทั้งจากโทรศัพท์และจากช่องทางอื่น รวมถึงบุกเข้าไปในห้องพัก ซึ่งเราเข้าใจในอารมณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้ ทาง รพ. ก็ขอให้เราย้ายออกไปด้วย ไม่ใช่เราตัดสินใจฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้ลูกพักรักษาตัวในที่แห่งหนึ่ง ไม่ได้หนีไปต่างประเทศ เราหนีคดีได้ แต่เราหนีความผิดไม่ได้หรอกค่ะ


ยอมรับลูกขับรถเร็ว

นาง ลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่า เหตุที่เกิดลูกสาวยอมรับว่าขับรถเร็ว เพราะจะรีบเอารถไปคืนเพื่อน  รถไม่ใช่ของเรา ดิฉันไม่เคยอนุญาตให้ลูกขับรถไปข้างนอกแบบนั้น พอชนแล้วลูกติดอยู่ในรถ พอเจ้าหน้าที่ช่วยออกมาได้ ในสภาพกระจกทิ่มแทงที่ก้น นั่งไม่ได้ ลูกจึงไปยืนพิงขอบถนน ตำรวจขอดูบัตร และการประกัน ลูกสาวผิดแน่ที่อายุ 16 ไม่มีบัตร แพรวารีบกดบีบี บอกเพื่อนว่ารถชนและถามเรื่องประกันของรถคันนี้ ไม่ใช่มัวเล่นบีบีตามที่บางท่านเข้าใจ

อยากให้ดูจากหลักฐานพยานทุกอย่าง น้องยอมรับว่าขับมาด้วยความเร็วสูง ตอนเกิดเหตุรถตู้กินเลนมาเลนในของลูกก็เลยยิงไฟสูงขอทาง พอรถตู้หลีกทาง เราก็เร่งสปีดเพื่อให้พ้น แต่รถตู้ก็เข้ามาในเลนของน้องอีก แต่หลบไม่ทันเลยพุ่งชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้ตำรวจดูกล้องทุกกล้อง ถ้าน้องผิดจริง เราก็ยินดีให้น้องเข้ากระบวนการทุกอย่างนางลัดดาวัลย์ กล่าวและว่า ตอนนี้อยากจะไปกราบทุกๆคน ไปแสดงความเสียใจ ไปเยี่ยม ตัวน้องเองก็เครียดบอกกับแม่ว่า เอาชีวิตหนูไปเลยไหม ทำไมหนูไม่ตาย ส่วนที่บอกว่าคุณพ่อแพรวาเป็นทหารก็ยอมรับว่าเคยเป็นทหาร ตอนนี้ก็เป็นทหารนอกราชการ ตั้งแต่อายุ 39 ปีเป็นข้าราชการบำนาญไม่มีอิทธิพลใดๆ ผิดด้วยเหรอที่นามสกุลนี้ ตอนนี้รอรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้ชัดเจนก่อนจึงจะออกมาแถลง อยากให้ตำรวจตรวจสอบสภาพรถ กล้องทุกคนว่าผิดจริงไหม พูดไปเหมือนแก้ตัวแต่เราอยากให้มีการตรวจสอบ

นศ.ธรรมศาสตร์ตายเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่าล่าสุดเมื่อเวลา 04.00น. น.ส. จันทร์จิรา ซิมกระโทก น.ศ.ชั้นปีที่ 4 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด 9 ราย


“มาร์ค”ลั่นไม่มีใครอยู่เหนือกม.
ก่อนหน้านั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามกรณีอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถตู้โดยสารบนทางด่วน หรือโทลย์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ซึ่งคู่กรณีเป็นเยาชนอายุเพียง 16 ปี และเป็นลูกหลานผู้มีชื่อเสียง ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าคดีจะเงียบไปว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ ส่วนจะทำให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรนั้น เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องมีการติดตามคดีอย่างเต็มที่

“เทพเทือก”ไม่สนลูกหลานใคร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  กรณีดังกล่าวได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด อย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนผู้ที่กระทำความผิดนั้นถึงแม้ว่าจะมีนามสกุลอะไร หรือเป็นลูกใคร กฎหมายก็ว่าไปตามบรรทัดฐานกฎหมาย ไม่สามารถเว้นให้ใคร หรือไม่เว้นให้ใครได้  กรณีที่อาจจะมีความแตกต่างกันคือ หากผู้กระทำความผิดเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นกรณีหนึ่ง แต่ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นผู้เยาว์ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่ว่าทั้งสองกรณีนั้นก็มีความผิดที่บัญญัติไว้ในกฎหมายไว้แล้ว ในส่วนที่ประชาชนยังแคลงใจที่คดียังไม่มีความคืบหน้านั้น ตนจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่แถลงการณ์ในคดีนี้เพื่อตอบข้อสงสัยของประชาชนต่อ ไป

ชาวโลกไซเบอร์วิจารณ์กันหึ่ง

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีมีอุบัติเหตุดังกล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวจากเฟสบุ๊ค มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ตำรวจว่าจะทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอให้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะจะเป็นพิสูจน์ฝีมือ หากผลคดีพิสูจน์ออกไปทิศทางใดต้องมีหลักฐานประกอบโดยชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ พยานแวดล้อม และภาพวงจรปิดพบร่องรอยการกระแทก ทั้งนี้คณะกรรมาธิการได้ทำหนังสือเชิญพนักงานสอบสวนมาชี้แจงต่อ กมธ.ตำรวจในวันที่ 5 ม.ค.นี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเหตุการณ์ผ่านไปได้ 2 วัน ปรากกฎว่าชาวโลกออนไลน์นับหมื่นคนได้กระทู้ข้อความวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์ เน็ตอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น  

ชี้เหตุมาจากความประมาท

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบดูแลงานด้านจราจร เปิดเผยถึงมาตรการล้อมคอกอุบัติบนทางด่วน หรือโทลย์เวย์ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความประมาท ดูจากกล้องวงจรปิดมีการขับกระชั้นชิดกัน เมื่อเกิดเหตุกะทันหันการหยุดรถจึงทำไม่ได้ ไม่ได้เกิดจากการปาดหน้า รถที่ชนกันก็ไม่แรงเพียงแต่มีการสะกิดรถตู้ให้เสียหลัก แรงเหวี่ยงทำให้ประตูด้านหลังรถตู้เปิดออก ประกอบกับผู้โดยสารไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ ทำให้ไม่ได้ทันตั้งตัวจึงหลุดลอยออกจากรถตู้ทำให้เสียชีวิตในที่สุด  เหตุที่หลุดออกจากตัวรถ เพราะผู้โดยสารไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย จึงกระเด็นออกมาตกลงจากทางด่วนที่มีความสูงถึง 20 เมตร

อ้ำอึ้งยังไม่ฟันธงเอาผิดใคร
ส่วนเรื่องมาตรการความปลอดภัยจากที่ผู้ขับรถเก๋งคู่กรณีมีอายุเพียงแค่ 16 ปี แน่นอนว่ายังไม่สามารถมีใบขับขี่รถยนต์ได้ จึงต้องมาวิเคราะห์ว่าทำไมถึงขับรถยนต์ได้ กรณีนี้จะมีคำถามตามมาว่าถ้าเป็นลูกของเรา แล้วเอารถยนต์ออกจากบ้านไป ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าไม่มีใบขับขี่จะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องหามูลเหตุอีกครั้ง พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่กรณีนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นรถยนต์ของผู้ปกครอง หรือเป็นรถของเพื่อนที่ยืมมา หากเป็นรถของผู้ปกครองก็อาจจะเป็นการปล่อยปะละเลยไม่ห้ามปราม ซึ่งต้องพิสูจน์กันอีกครั้ง

จ่อปรับสาวซีวิค1พันบาท
พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผบก.จร.กล่าวว่า กรณีที่ผู้ขับขี่รถเก๋ง คือ น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา มีอายุเพียง 16 ปี ซึ่งยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์นั้น เบื้องต้น น.ส.อรชร จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ในกรณีนี้ยังถือว่าเป็นเยาวชนอยู่ก็ต้องมีการเชื่อมโยงถึงเจ้าของรถคันดัง กล่าว วาเป็นของใคร และยินยอมให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถออกไปขับบนท้องถนนได้อย่างไร กรณีนี้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มีแค่โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนความผิดกรณีขับรถด้วยความประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้นเป็นคดีอาญาที่มีบทลงโทษหนัก ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน

ข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่

     พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความคืบหน้ายังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งจากที่เกิดเหตุ จากกล้องวงจรปิด และพยานในที่เกิดเหตุ สำหรับ น.ส.อรชร ผู้ขับขี่รถเก๋ง ยังไม่พร้อมให้สอบปากคำในขณะนี้ เบื้องต้นแม่ น.ส.อรชร ขอเข้าให้ปากคำแทนในฐานะผู้ปกครอง โดยขอให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ไปตามกระแสสังคมอย่างที่เป็นอยู่ เบื้องต้น น.ส.อรชร มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ขณะที่ความผิดที่ขับขี่รถโดยประมาททำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ต้องรอการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาดังกล่าว

ตร.เร่งสอบปากคำคนเจ็บ

ที่โรงพยาบาลวิภาวดี พ.ต.ท. พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก. งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต เดินทางมาสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บ ได้แก่ นายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี นักศึกษา ปี 3 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และน.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี นักศึกษา ปี 4 คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเดียวกัน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำพยานซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่พอให้การได้ และรวบรวมพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด

ย้ายรพ.“แพรวา”ผวาถูกขู่ฆ่า

ส่วน น.ส.อรชร หรือแพรวา คนขับรถฮอนด้าซีวิค ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บปวดที่สะโพก ซึ่งการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าวต้องปิดเป็นความลับ เนื่องจากตอนนี้ น.ส.อรชร มีความหวาดกลัว เพราะถูกข่มขู่เอาชีวิต อย่างไรก็ตามยังไม่ได้สอบปากคำ น.ส.อรชร และยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจาก น.ส.แพรวา เป็นเยาวชน ตำรวจต้องรอสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ ซึ่งหลังจาก น.ส.อรชร หายดีจะเชิญตัวมาสอบปากคำทันที ตนยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย               

ร้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

ด้านนายวรัญญู กล่าวว่า หลังเลิกเรียนตนขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางกลับบ้านย่านงามวงศ์วาน นั่งอยู่แถวด้านใน หลังขึ้นรถจ่ายเงินเสร็จก็หลับมาตลอด กระทั่งมารู้สึกตัวตอนที่รถถูกชนอย่างรุนแรง รถหมุนคว้างจนตนล้มไปทับผู้โดยสารอีกคน ก่อนที่จะรวบรวมสติคลานออกมาจากซากรถตู้ ซึ่งขณะนี้แพทย์ผ่าตัดกระดูกไหปลาร้าที่หัก และหัวเข่า อาการโดยทั่วไปดีขึ้นมากแล้ว ขณะที่นางภัคนันท์ เกตุชู อายุ 53 ปี แม่นายวรัญญู กล่าวว่า หลังทราบข่าวตนรู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าผู้ประสบเหตุจะเป็นลูกตัวเอง ทั้งนี้อยากขอร้องให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นต้นเหตุครั้งนี้อย่างเฉียบ ขาด               

จวกคู่กรณีไม่โผล่รับผิดชอบ

นางพิจิตรา ปัญญาประเสริฐ อายุ 48 ปี อาชีพนักข่าววิทยุใน จ.เชียงใหม่ แม่ น.ส.กัญจน์นภัส กล่าวว่า วันเกิดเหตุลูกนั่งรถตู้กำลังมาขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต เดินทางกลับบ้าน แต่กลับมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ซึ่งอาการโดยทั่วไปดีขึ้น แต่ยังน่าเป็นห่วงเรื่องของเส้นเลือด สะโพก ส่วนคดีความยังไม่ได้คิด ต้องรอให้ลูกดีขึ้นก่อน ทั้งนี้อยากให้คู่กรณีมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง เพราะตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครมาแสดงความรับผิดชอบเลย

“แม่เหยื่อ”ชี้เป็นอุทาหรณ์
            
นางรัตติยา คตันธา อายุ 52 ปี แม่นายปรัชญา คันธา อายุ 21 ปี   นักศึกษา ปี 3  คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.สมคิด ศรีนาเมือง ร้อยเวร สน.วิภาวดี เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับกดำเนินการเรื่องประกันชีวิตของนายปรัชญา  โดยนางรัตติยา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ต้องการที่จะเรียกร้องอะไร แต่เหตุที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย หากจะมีดำเนินการทางกฎหมายอยากให้ผู้เสียหายทุกคนคุยกัน  สำหรับนายปรัชญาที่ผ่านมาเป็นเด็กดี ขยันเรียน เชื่อฟังพ่อแม่ เคยได้ทุนแลกเปลี่ยนของสโมสรโรตารี่ ไปมลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา  อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเรื่องของความประมาท อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ขับรถบนท้องถนนให้มีความระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นมาอีก

จ่ายเบื้องต้นรายละ2 แสน

ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)นายปิยะพันธ์  จัมปาสุต  ประธานคณะกรรมการบริหาร ขสมก.(บอร์ด) ร่วมกับนายโอภาส เพชรมุณี ผอ.ขสมก. และนายพิริยะ กลับวิหค  ผจก.ฝ่ายสินไหมรถยนต์ บริษัทนำสินประกันภัย จำกัด ร่วมแถลงกรณีรถตู้โดยสารเกิดอุบัติเหตุว่า ในฐานะที่ขสมก. ดูแลควบคุมรถตู้โดยสารสายดังกล่าว ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เร่งประสานบริษัทประกันภัยเพื่อช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน โดยตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.นี้ บริษัทประกันภัยฯจะช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตาม พ.ร.บ. คุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถรายละ 1 แสนบาท และตามประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 รายละ 1 แสนบาท รวมรายละ 2 แสนบาท ส่วนผู้บาดเจ็บ 6 คน  ในรถตู้จะดูแลค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินที่เกิดขึ้นจริง   

ญาติผู้ตายรับเพิ่มอีก1 ราย

ส่วนคู่กรณีทราบว่าบาดเจ็บเล็กน้อย  และหากในที่สุดคดีความสิ้นสุดลงผู้เสียชีวิต และผูบาดเจ็บจะได้รับการเยียวยามากกว่านี้  เนื่องจากรถตู้ดังกล่าวได้ทำประภัยชั้น 1  ระยะเวลาประกัน 31 ธ.ค. 2552—31 ธ.ค. 53  คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตร่างกายเฉพาะส่วนที่เกินวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาทต่อคน และ 10 ล้านบาทต่อครั้ง  ความเสียหายต่อทรัพย์สิน  2 ล้านบาทต่อครั้ง  ส่วนรถคู่กรณีตรวจสอบเบื้องต้นทำประกัยภัยไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย  เรื่องที่ผู้เสียหายจะเรียกค่าชดเชยจากบริษัททางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เนื่องจากแท่งกั้นทางด่วนเตี้ยเกินไปเป็นเหตุให้รถพุ่งชนนั้น เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายดำเนินการได้ตามกฎหมาย  สำหรับขสมก.จะเข้มงวดผู้ประกอบการรถตู้เพื่อคุมเข้มเรื่องความปลอดภัยโดย บังคับให้ทำประกันชั้น 1


สังคมออนไลน์ร่วมไว้อาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสูญเสียบุคลากรระดับมันสมองของประเทศหลายคน  ทำให้วันนี้บนโลกออนไลน์เต็มไปด้วยการแสดงความไว้อาลัยแด่ผู้จากไป มีการตั้งกระทู้ถามถึงบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้รวมถึงการทวงถามหา ความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ภายในสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ซึ่งต้องสูญเสียบุคลากรวิจัยไปถึง 3 ท่าน โดยบรรดาพนักงานรวมถึงผู้บริหารต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น และไว้อาลัยแด่ผู้จากไปในบล็อกภายในหรือนาสด้า โซไซตี้ เป็นจำนวนมาก

“สวทช.”สุดเศร้าสูญเสียดร.

ดร.ยงยุทธ  ยุทธวงศ์  ที่ปรึกษาอาวุโส  สวทช. อดีต รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กล่าวถึงความสูญเสียที่ไม่คาดคิดว่า “การจากไปของศาสตรา และเพื่อนนักวิจัยอีก 2 ท่าน เป็นความสูญเสียที่เราไม่คาดคิดและยังทำใจยอมรับไม่ได้  ศาสตราเป็นนักวิจัยหนุ่มที่กำลังมาแรงทำงานได้ผลดีมาก และจากความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างใกล้ชิด และขยันขันแข็ง ทำให้เขาต้องประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางที่เขาเป็นเพียงผู้โดยสาร ศาสตราเป็นคนน่ารัก อุปนิสัยใจคอดี เป็นที่รักของทุกคน และเสียสละเพื่อเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ การจากไปของศาสตราเป็นการสูญเสีย แต่จะไม่สูญเปล่า พวกเราจะพยายามสานต่องานที่เขาได้ริเริ่มไว้อย่างดี และจะพยายามป้องกันไม่ให้มีการสูญเสียที่น่าเสียดายเช่นนี้อีกในอนาคต”
นอกจากนี้ในส่วนรัฐกิจสัมพันธ์ของ สวทช.บนเฟสบุ๊ค ได้มีการลงประวัตินักวิจัยทั้ง 3 ท่าน และแจ้งสถานที่ประกอบพิธีศพ พร้อมทั้งเปิดให้ชาวเฟสบุ๊คร่วมไว้อาลัยแด่นักวิจัยทั้ง 3 ท่าน ซึ่งมีผู้เข้าไปแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้บรรยากาศภายใน สวทช.เต็มไปหมดความโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์