ปลายเดือนก่อน ซามูเอล เอโต้ กองหน้าทีมชาติแคเมอรูน แห่งค่าย อินเตอร์ มิลาน ถูกลีกอิตาลีสั่งพักแข้ง 3 แมตช์ พร้อมปรับอีก 30,000 ยูโร (ประมาณ 1.185 ล้านบาท) โทษฐานเอาศีรษะพุ่งเข้าใส่ บอสท์ยัน เซซาร์ เซนเตอร์แบ๊กทีมชาติสโลวีเนีย ของสโมสร คิเอโว่ เวโรน่า ระหว่างการทำศึกกัลโช่ เซเรีย อา ที่บ้านของฝ่ายหลัง เมื่อ 21 พฤศจิกายน ซึ่งผลคือเจ้าถิ่นชนะ 2-1 แม้เอโต้ไม่ถูกไล่ออก แถมเป็นคนทำประตูตีไข่แตกให้ต้นสังกัดในนาทีสุดท้ายด้วย แต่ก็ไม่รอดเมื่อโดนเล่นงานจากภาพวิดีโอหลังเกม
ให้ดูกรณีเอโต้เป็นตัวอย่าง ทำไปแล้วทีมก็ไม่ชนะ แถมตัวเองยังโดนแบน คู่กรณีที่เล่นนอกเกมกับเขาก่อน ก็ไม่ได้รับการลงโทษ ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครอยากเอาเรื่องเซซาร์อีก ถ้าคิดแค่คนอื่นทำผิด แล้วเราก็ทำผิดได้เหมือนกัน จะกลายเป็นเราเองที่แย่กว่า ไม่มีใครเห็นใจด้วย แถมต่อไปก็ห้ามเราทำผิด เพราะถ้าทำผิดกับใคร ก็แปลว่าเขามีสิทธิ์เอาคืนกับเราได้เช่นกัน คนดีคือผู้รู้จักการให้อภัย ลืมสิ่งผิดของผู้อื่น เพราะทุกคนมีสิทธิ์ทำพลาดด้วยกันทั้งนั้น เราเองยังอยากให้คนอภัยเลยเวลาทำเรื่องไม่ดี ส่วนคนอีกประเภทคือผู้ที่จ้องเอาคืน ล้างแค้น คอยหาจุดด้อยของผู้อื่น ให้ตรองดูนะครับว่าแบบไหนจะมีความสุข ความสงบมากกว่า
ว่ากันว่านี่คือต้นแบบของเอโต้ เพราะ 4 ปีก่อน หนึ่งในนักเตะเก่งที่สุดในโลกอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส เคยน็อตหลุด ใช้หัวโหม่งหน้าอก มาร์โก มาเตราซซี่ ในนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 หลังถูกเซนเตอร์แบ๊กทีมชาติอิตาลี ด่าแม่เป็น คุณตัว ส่งผลให้จอมทัพฝรั่งเศสโดนไล่ออกจากเกม และทีม ตราไก่ พ่ายจุดโทษ ชวดแชมป์โลกสมัย 2 ในท้ายที่สุด เห็นไหมว่าใช้อารมณ์แล้วได้อะไรขึ้นมา ต่อให้ถูกด่ารุนแรงแค่ไหน ต้องคิดให้ว่านั่นคือลมปากไม่มีความหมายใดๆ เราเองก็อาจเคยใช้คำไม่สุถาพกับคนอื่น แล้วเห็นด้วยกับที่เราโดนโต้ตอบกลับมาใช่ไหม
ใช่ว่าในวงการฟุตบอลจะมีแต่พวกอารมณ์หลุดบ้างนานๆที เพราะ เจ้าหัวเสือ สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน คือตัวอย่างของคนอารมณ์ร้อน ทำตัวห้าวอยู่เสมอ ให้ของลับแม้แต่แฟนบอลตัวเอง ระหว่างเกมชนะเกาหลีใต้ 3-2 ในศึกฟุตบอลโลกปี 94 ที่สหรัฐฯ เพราะทนเสียงโห่ฮาที่ตัวเองเล่นได้ย่ำแย่ไม่ได้ ส่งผลให้ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส ต้องส่งกลับบ้านทันที ผลคือ อินทรีเหล็ก พลาดโอกาสป้องกันแชมป์ หลังพ่าย บัลแกเรีย 1-2 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเฟนแบร์กก็ไม่เคยติดทีมชาติอีก แม้ทุกคนยอมรับในฝีเท้า แต่ไม่มีใครรับประกันอารมณ์ของเขาได้
ในเกมระดับชาติ ความผิดพลาดเล็กน้อย ก็มักเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องระลึกว่าเราใส่เสื้อทีมชาติ เป็นตัวแทนของชาติ เวลาทำผิด คนอื่นเขาจะด่าคนทั้งประเทศ เหมือนที่เราเองก็เหมารวมฝ่ายตรงข้ามว่าแย่ด้วยกันทั้งหมด ทั้งๆความจริงอาจไม่ใช่ แม้กาลเวลาผ่านมานาน 20 ปี แต่คงไม่มีใครลืมช็อตถ่มน้ำลายใส่หัว รูดี้ โฟลเลอร์ กองหน้าเยอรมัน ของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด นักเตะฮอลแลนด์ ถึง 2 ครั้ง ในฟุตบอลโลก 1990 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่อิตาลี ไรจ์การ์ดไม่พอใจที่อีกฝ่ายพุ่งล้มจนตัวเองได้ใบเหลือง เลยถ่มน้ำลายเป็นมัดจำไปก่อน และไม่กี่นาทีต่อมา เจ้า เป็ดน้อย ทำท่าเหมือนชาร์จผู้รักษาประตู จึงมีปากเสียงกับนักเตะดัตช์อีกรอบ คราวนี้ ฆวน โลสเทา เชิ้ตดำอาร์เจนไตน์ตัดสินใจไล่ทั้งคู่ออกจากสนาม หลังเกมผ่านมาได้เพียง 22 นาที ส่งผลให้แข้งดัตช์ถ่มน้ำลายใส่โฟลเลอร์อีกรอบ ผลคือไรจ์การ์ดตกรอบ และโดนด่า ส่วนคู่กรณีคว้าแชมป์โลก
กลับมากันที่เกมระดับสโมสรกันบ้าง นี่คือการเลียนแบบไรจ์การ์ดของ ฮาเวียร์ ปิโนล่า กองหลังอาร์เจนไตน์ ของ 1. เอฟเซ เนิร์นแบร์ก เพราะถ่มน้ำลายใส่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มิดฟิลด์ฝั่งตรงข้าม ในเกมบุนเดสลีกาเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่ง เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค เปิดอัลลิอันซ์ อารีน่า ถล่มผู้มาเยือน 3-0 ต่อมาสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน สั่งแบนปิโนล่า 4 นัด และไม่มีใครชมเชยเขาด้วย ต่อให้ชไวน์สไตเกอร์จะทำอะไรจนทำให้โมโหขนาดนั้น ก็ไม่มีใครสนเช่นกัน