แด่สเปเชี่ยล วัน มูรินโญ่

แด่สเปเชี่ยล วัน มูรินโญ่

แม้เป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินสุดในชีวิตตลอดการกุมบังเหียนแต่ โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคนนี้ประกาศออกมาแล้วแพ้ในวันนี้เพื่อที่จะเอาชนะในวันข้างหน้า

นี่คือ เอล กลาซิโก้ ครั้งแรกที่ มูรินโญ่ ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองอันกลายเป็นบทเรียนอันแสนแพงและเจ็บแสบที่ต้องจดจำไม่มีวันลืม

จริงอยู่ที่ เรอัล มาดริด ปราชัยแบบน่าอดสูที่สุดแต่มันเป็นเพียงแค่เกมๆนึงเท่านั้นยังวัดอะไรไม่ได้ว่าพวกเขายังห่างชั้นเทียบ บาร์เซโลน่า ไม่ติด

หลายคนมองถึงสาเหตุความพ่ายแพ้ย่อยยับเป็นเพราะแท็กติกส์ของ มูรินโญ่ นั้นผิดพลาดเน้นเปิดเกมบุกแลกไปเลยซึ่งถือว่าผิดธรรมชาติเพราะใครๆต่างก็รู้ดีว่าเขาถนัดเกมตั้งรับมากกว่า

พิจารณาจากรายชื่อ มูรินโญ่ ใส่ตัวรุกพร้อมกันถึง 4 คนก็คือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้,คาริม เบนเซม่า,อังเคล ดิ มาเรีย และ เมซุต โอซิล

ส่วน ซามี่ เคดิร่า และ ชาบี้ อลอนโซ่ ลงไปช่วยเกมรับอยู่กันแค่สองคนแต่ต้องรับมือผู้เล่นจอมเทคนิคที่มีความสามารถเฉพาะตัวแพรวพราวไม่ว่าจะเป็น อันเดรส อิเนสต้า,ชาบี้ เอร์นานเดซ,ลิโอเนล เมสซี่ และ เปโดร โรดริเกซ ทั้งหมดนี้สามารถเลี้ยงบอลลากผ่านได้อย่างสบายๆ

แต่ มูรินโญ่ ก็ยอมเสี่ยงที่จะสู้ในเมื่อสกอร์ยังตามถึงสองประตูในครึ่งแรกเขาสั่งกองหลังดันขึ้นสูงไปเลยเพื่อเอาคืนเท่ากับเปิดพื้นที่ว่างเหลือเยอะให้แข้งบาร์ซ่าวางบอลทะลุได้เพิ่มอีกสองประตูบวกด้วยอีกหนึ่งเม็ดในช่วงทดเจ็บ

บางทียากที่จะเข้าใจว่าทำไม มูรินโญ่ คิดอะไรอยู่ทำไมถึงเปิดเกมแลกกับโคตรทีมที่เล่นเกมบุกดุดันที่สุดในโลก

แต่นี่คือ เรอัล มาดริด ทีมยิ่งใหญ่ระดับโลกไม่ใช่ อินเตอร์ มิลาน สโมสรแห่งอิตาเลี่ยนซึ่งเน้นแท็กติกส์เกมรับอย่างเดียว ดังนั้นคนอย่าง มูรินโญ่ แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญชาญชัยไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว

แม้ มาดริด เล่นสู้ไม่ได้แต่ไม่สามารถตัดสินว่า บาร์ซ่า จะครองแชมป์ลา ลีกา หนทางยังอีกยาวไกลการแข่งขันยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ แถมช่องว่างระหว่างคะแนนห่างกันเพียงแค่สองแต้ม

ที่ผ่านมา มูรินโญ่ พิสูจน์แล้วกว่าจะก้าวมายืนอยู่จุดนี้ฝีมือล้วนๆจนได้รับการว่าจ้างคุมสโมสรที่ยิ่งใหญ่ทีมราชันชุดขาวและผลงานดีมาโดยตลอดเพิ่งมาสะดุดกะอีแค่นัดเดียว

ไม่ว่าจะอย่างไรยังไงก็เขายังเป็น เดอะสเปเชี่ยล วัน อยู่วันยันค่ำ


ลูกกลมกลม