ขาดฟาร์ทไม่ขาดใจ

 ทีแรกอยากจะเขียนถึงเกม เอล กลา ซิโก้ แต่สุดท้ายแล้วเลือกเรื่องไก่ๆ มาให้อ่านกันเพลินๆดีกว่า..

 

บอกตามตรงคงไม่มีใครนึกว่า ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะกลายเป็นราชาแห่งการคัมแบ็คได้ขนาดนี้ ในเมื่อทีมต้องเจอปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งอาการบาดเจ็บที่นับวันจะมีผู้เล่นเดินเข้าโรงหมอมากขึ้นทุกทีๆ
 

นี่ผมลองเปิดเข้าไปดูในเว็บไซด์ที่ใช้เช็คอาการบาดเจ็บของผู้เล่นพรีเมียร์ ลีก ปรากฏว่า สเปอร์ส กลายเป็นอันดับหนึ่งไปซะแล้ว มีผู้เล่นเจ็บอยู่ถึง 11 ราย ไล่เรียงตั้งแต่ โจนาธาน วู้ดเกต คนนี้เจ็บมานานแล้ว บ้างก็ว่าใกล้เลิกแล้ว เพราะอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบและกระดูกเชิงกรานไม่ดีขึ้นซักที
 

ลำดับต่อมามี เจมี่ โอฮาร่า (หลัง), เล็ดลี่ย์ คิง (โคนขาหนีบ), โจวานี่ โดส ซานโต๊ส (ช่องท้อง), เดวิด เบนท์ลี่ย์ (กล้ามเนื้อน่อง), เจอร์เมน จีนาส (น่อง/ กระดูกหน้าแข้ง), ทอม ฮัดเดิลสตัน (ข้อเท้า/เท้า), ร็อบบี้ คีน (ข้อเท้า/เท้า), ไมเคิล ดอว์สัน (หัวเข่า)
 

ล่าสุดหมาดๆ ยูเนส กาบูล (สะโพก/ต้นขา) และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (เอ็นหลังหัวเข่า) ยังดีที่ว่า ดอว์สัน กลับมาลงซ้อมได้แล้ว เพียงแต่ต้องเรียกความฟิตอีกพักใหญ่ ๆหลังพักไปนานพอควร
 

ปัญหาอาการบาดเจ็บเป็นของคู่กันกับคลับไก่มาช้านานแล้ว แฟนสเปอร์สเองคงรู้ซึ้งดีในข้อนี้ 
 


src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O101201A5N5K.jpg
ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โชคร้ายบาดเจ็บต้องพักยาว 1 เดือน



กระนั้นการที่ต้องลงเล่นในถ้วยยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยในซีซั่นนี้ เป็นการเพิ่มความล้าให้กับผู้เล่นมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าลูกทีมของแฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ทำไมถึงล้มหมอนนอนเสื่อกันง่ายเหลือเกิน
 

วิบากกรรมอันนี้ทุกทีมที่เข้าแข่งในฟุตบอลสโมสรยุโรป ต้องประสบกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าทีมไหนจะมีขุมกำลังมากพอในการทำศึกแต่ละรายการหรือไม่
 

ในส่วนของสเปอร์ส นั้น อาจไม่ถึงกับมีทีมที่ใหญ่มากมายนัก แต่จ่าแฮร์รี่ สามารถประคับประคองทีมให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี
 

หลังจากออกไปแพ้ให้กับ โบลตัน มาเละเทะในลีก ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า สเปอร์ส จะกลับมาร้อนแรงได้อีกครั้งเมื่อคู่ต่อสู้ลำดับถัดมาเป็น ซันเดอร์แลนด์, แบล็คเบิร์น, อาร์เซน่อล, แวร์เดอร์ เบรเมน และ ลิเวอร์พูล
 

อย่างไรก็ดีขุนพลไก่ทำกันได้ 5 นัดดังกล่าวพวกเขาไร้พ่าย มีแค่เสมอ ซันเดอร์แลนด์ เท่านั้น ที่เหลือกวาดชัยเรียบวุธไม่ว่าจะเป็นในพรีเมียร์ ลีก หรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก
 

สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมานานแล้วคือ ลูกฮึด ของผู้เล่นท็อตแน่ม หลายปีดีดักเวลา โดน ทีไรไม่เคยกลับมาได้
 

ปีนี้ต่างออกไป คงเหมือนที่ ลูก้า โมดริซ และ เซบาสเตียง บาสซง พูดนั่นแหล่ะว่าทีมชุดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสปริต อันนี้ไม่มีใครเถียง แต่จะดีพอสำหรับการท้าทายตำแหน่งแชมเปี้ยนรายการใดรายการหนึ่งนั้น อันนี้ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่..
 

เหตุผลก็คือตัวผู้เล่นที่บาดเจ็บมากมายอันอาจจะบั่นทอนความสามารถโดยรวมของทีมได้
 

ผู้เล่นอย่าง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท มีค่าดั่งทอง แฟนไก่เมื่อเห็นเขาตอกลูกส้นคืนให้เพื่อนในเกมกับหงส์ แล้วเจ็บหนักถึงขั้นเอ็นหลังหัวเข่าฉีกขาดพักยาว 1 เดือน อดหวั่นใจไม่ได้ว่าไก่จะกลับมาทรุดเหมือนเก่า
 

อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป ในเมื่อ ลูก้า โมดริซ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติโครเอเชีย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาก็เข้าขั้นดาวเตะชั้นยอดเหมือนกัน ลูกผ่านของเขาช่วยให้ทีมได้โอกาสเข้าทำที่ดี ขณะที่การสอดขึ้นมาพังประตูด้วยตนเองก็ยอดเยี่ยม หนำซ้ำยังช่วยไล่ดักสกัดคู่แข่งในเกมรับอีก
 

ด้าน อารอน เลนน่อน ปีกจรวดของไก่เดือยทอง กลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้งแล้ว ทำให้สเปอร์ส มีเกมรุกอันตรายทางริมเส้นทั้งสองด้าน และ กล่าวขานกันว่าเป็นตัวริมเส้นที่มีความเร็วมากสุดในพรีเมียร์ ลีก แล้ว ขวา-เลนน่อน และ ซ้ายเป็น เบล แค่เห็นชื่อคู่แข่งก็วิ่งกันตับแลบแล้ว 
 


src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O101201B0L5M.jpg
อารอน เลนน่อน และ แกเร็ธ เบล พร้อมลงปั่นป่วนแผงกองหลังคู่แข่งตลอดเวลา



ปัญหาคือตัวจบสกอร์ที่ต้องคมกว่านี้ เจอร์เมน เดโฟ ดูเหมือนจะสนิมเกราะอยู่เยอะพอควร หลังหายบาดเจ็บกลับมาเที่ยวนี้กระสุนด้านไปเยอะ แม้แต่จุดโทษก็กลายเป็นของยากสำหรับเขาไปซะอีก
 

สำหรับเกมรับไม่มี กาบูล ที่ต้องพักไปถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม นี้ แต่ เซบาสเตียง บาสซง ก็มีผลงานดีในเกมกับ ลิเวอร์พูล อันจะพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง
 

ทว่าอีกจุดหนึ่งที่กลายเป็นจุดอ่อนของสเปอร์สไปแล้วคือตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ หลังจาก ฮัดเดิลสตัน กับ จีนาส เจ็บ จำเป็นต้องใช้ วิลสัน ปาลาซิออส ซึ่งยังทำได้ไม่ดี เสียบอลง่าย และ ไม่ได้ช่วยให้เกมรับเหนียวแน่นขึ้นมาซักเท่าไหร่
 

ครั้นจะไปพึ่ง ซานโดร ดาวรุ่งจากบราซิล ก็คงไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดซักเท่าไหร่ ในเมื่อความอ่อนประสบการณ์ของเขา บวกกับยังปรับตัวให้เข้ากับความเร็วของฟุตบอลอังกฤษไม่ได้ ทำให้จ่าแฮร์รี่ คงต้องปวดหัวต่อไป พร้อมกับทนใช้ ปาลาซิออส ไปพลางๆก่อน
 

ตอนนี้ลองมาดูสามแมตซ์ข้างหน้าของท็อตแน่ม เริ่มจากเยือน เบอร์มิ่งแฮม (เสาร์ที่ 4 ธ.ค.) ต่อด้วยการออกไปเยือน ทเวนเต้ แชมป์พรีเมียร์ ดัตซ์ ฤดูกาลก่อน ในศึกยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดสุดท้าย (อังคารที่ 7 ธ.ค.) และ กลับมาเปิดบ้านเจอกับ เชลซี (อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค.)
 

สามเกมนี้หากสเปอร์ส เก็บชัยได้หมดคงเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สำคัญที่เกมเยือน เบอร์มิ่งแฮม นี่แหล่ะ เพราะว่าออกนอกรังไก่มักจะคลายความเก่งลงไปหลายพะเรอเกวียน
 

ส่วนเกมกับ ทเวนเต้ นั้นไม่ซีเรียสมาก เพราะได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว แต่จ่าแฮร์รี่ คงให้ความสำคัญอยู่เหมือนกัน ในเมื่อหากเก็บชัยได้เป็นแชมป์กลุ่ม งานในรอบต่อไปจะได้เบาหน่อย
 

ขณะที่เกมกับเชลซี นั้น ได้เล่นในเดอะ เลน ทว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ลอนดอน ดาร์บี้ แมตซ์ เรื่องจะก้มหัวยอมกันง่ายๆ คงไม่มี แม้ว่าสถิติที่เจอกันมาไก่จะหงอยแทบทุกครั้งก็เถอะ
 

แฟนไก่เชียร์ทีมรักในซีซั่นนี้อาจจะอึดอัดเล็กน้อยในตอนต้น เพราะทีมจะออกตัวช้า โดนนำตลอด แต่มาได้เชียร์กันมันในช่วงท้ายเกมที่พลิกกลับมาชนะได้ตลอด นี่ก็ปาเข้าไป 5 นัดแล้วที่คัมแบ๊กจากแพ้มาเป็นชนะได้
 

เอาน่าหากมันจะอึดอัดไปจนกระทั่งจบฤดูกาลแล้วไก่พลิกกลับมาชนะได้ตลอด คนรักไก่คงยอมอยู่แล้ว.......


 
> KIM KON-DEE



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์