จบลงไปแล้วสำหรับศึกแดงเดือดพร้อมกับฟอร์มอันสุดอลังการของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ซัดแฮททริคปลดวิญญาณ หงส์แดง ลิเวอร์พูล
แน่นอนเหล่าสาวกเดอะเร้ด เดวิลส์ชื่นอกชื่นใจกับ เบอร์บาตอฟ ลบข้อครหาเล่นไม่คุ้มค่าตัว 30 ล้านปอนด์ที่ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อุตส่าห์ลงทุนไปเมื่อปี 2008 ตอนนี้ตอบแทนให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแล้ว
แต่จะว่าไปใครได้ดูเกมนัดนี้จะเห็นว่าเกมรับของปีศาจแดงยังมีรูโหว่ให้ต้องแก้
ตลอดทั้งเกมตอนที่สกอร์นำ 2-0 นั้น ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายขึงเกมอยู่ฝ่ายเดียวแทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมจากย่านเมอร์ซี่ไซด์ได้ทำเกมบุกเลย
จนกระทั่ง จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังที่เป็นจุดอ่อนของทีมมอบของขวัญเสียค่าโง่ทำฟาวล์ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในเขตโทษนำมาสู่จุดโทษและ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ซัดเข้าไปไม่เหลือ
จากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมาเกมรับปั่นป่วนจน ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ต้องลงมาช่วยแล้วไปทำฟาวล์น่าเกลียดใส่ ตอร์เรส โชคดีด้วยซ้ำที่ เฟล็ตเชอร์ น่าจะโดนใบแดงก่อนที่ เจอร์ราร์ด ปั่นฟรีคิกตามตีเสมอ
แต่ที่ทีมปีศาจแดงกลับมาเอาชนะได้คงเป็นเพราะประสบการณ์ที่มีมากกว่าทีมอื่นๆ เคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆยิ่งเล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองแล้ว พวกเขามักเอาตัวรอดได้เสมอ
ส่วน ลิเวอร์พูล นั้นไม่ต้องพูดถึงเลยมีปัญหาแทบทุกส่วนไล่ตั้งแต่กองหลังยันกองหน้า
จริงอยู่แม้ หงส์แดง จะยิงประตูในรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้ถึง 2 ประตูแต่มันไม่ใช่การเล่นแบบโอเพ่น เพลย์ ทั้งหมดล้วนเกิดจากลูกตั้งเตะทั้งนั้น
เกมรุกของ รอย ฮอดจ์สัน ขาดจินตนาการอย่างสิ้นเชิงและทื่อไม่มีมิติอะไรที่น่ากลัวเลย
มักซี่ โรดริเกซ ช้าเกินไปไม่เหมาะกับสไตล์ฟุตบอลเร็วๆของอังกฤษ
ปู่รอยน่าจะทดสองใช้บริการ ไรอัน บาเบิ้ล ที่มีความกระหายอย่างพิสูจน์ตัวเองบ้าง
แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงจะเป็น เฟร์นานโด ตอร์เรส เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ปัญหาบาดเจ็บที่รบกวนอยู่ตลอดเวลาส่งผลต่อฟอร์มการเล่นและประสิทธิภาพการพังประตูของหอกแก้มแดงตกต่ำลงไปเยอะพอสมควร
ทว่าดูเหมือน ลิเวอร์พูล ฝากความหวังการพังประตูไปที่ ตอร์เรส ต้องแบกรับภาระอยู่คนเดียว
มีเพียง เจอร์ราร์ด เท่านั้นที่ยังฝากผีฝากไข้ได้ นอกนั้นแทบไม่มีใครสอดแทรกเข้ามาพังประตูได้เลย
นี่คือจุดอ่อนที่ปู่รอยต้องพยายามหาทางออกและต้องตระหนักดีวาต่อไปนี้คงหวังพึ่ง ตอร์เรส คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว
เครดิต ลูกกลมกลม