เด็กจาก โนชองต์ ซูร์ มาร์น ซึ่งอยู่ห่างจากปารีสไปทางตะวันออก 10.6 กิโลเมตร มีบุพการีเป็นชาวเซเนกัล และอยู่กับสโมสรท้องถิ่นก่อนมาสังกัดสตราส์บูร์กตั้งแต่ 12 ขวบ และทำผลงานเยี่ยมจนติดทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 16, 19, 20 และ 21 ปี ตามลำดับ โดยยิงให้ต้นสังกัด 9 ประตูจากการลงสนาม 27 นัด นับจากเริ่มต้นลงเตะระดับอาชีพครั้งแรกเมื่อ 3 พ.ย. 2008 และ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ก็เซ็นสัญญากับเขานานถึง 5 ปี
เอ็นริช วัลเลส (เบอร์มิงแฮม ซิตี้)
แม้วัลเลส หรือชื่อเต็ม เอ็นริช วัลเลส ปราต จะอายุเพียงแค่ 20 ปี แต่การมาเล่นพรีเมียร์ลีกกับ เบอร์มิงแฮม ก็เป็นประเทศที่ 3 ในชีวิตพเนจรของเขาแล้ว เพราะเป็นเด็กฝึกหัดของ บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด ยุคเดียวกับ ไก อัสซูลิน กับ ยาโก้ ฟัลเก้ ก่อนย้ายออกไปอยู่ เอ็นเอซี เบรด้า สโมสรใน เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ตั้งแต่อายุ 18 แต่มีโอกาสลงสนามช่วงปี 2008-10 เพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น แม้สามารถเล่นทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ กับปีกซ้าย และต้องออกจากสังกัดหลังหมดสัญญา
วัลเลสได้รับการแนะนำจากตัวแทนของ อัลแบร์ต ริเอร่า อดีตปีกชาวสแปนิชของ ลิเวอร์พูล ให้มาทดสอบฝีเท้าที่เบอร์มิงแฮม จนได้เซ็นสัญญาหนึ่งฤดูกาล และมีโอกาสได้เล่นร่วมกับ มิเกล มาร์กอส มาเดร่า หรือ มิเชล เพื่อนร่วมชาติ ซึ่งเป็นกองกลางเหมือนกัน
แดนนี่ วิลสัน (ลิเวอร์พูล)
ถึงเพิ่งอายุเพียงแค่ 18 แต่เซนเตอร์แบ๊กรายนี้ ก็ติดทีมชาติสกอตแลนด์ ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี และ ลิเวอร์พูล ต้องทุ่มซื้อจาก กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 2.4 ล้านยูโร (ประมาณ 98.54 ล้านบาท) และจะเพิ่มเป็น 3.6 ล้านยูโร (ประมาณ 147.81 ล้านบาท) ตามผลงาน โดยที่ผ่านมาเขาคือเจ้าของตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2010 ของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล และสมาคมนักเตะอาชีพในสกอตแลนด์ หลังช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก กับสกอตติช ลีก คัพ ปี 2010 โดยปี 2009 ก็เคยเป็นแชมป์สกอตติช คัพ มาแล้ว
วิลสันเซ็นสัญญามาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ 3 ปี โดยสาเหตุหนึ่งเพราะขวัญใจของเขาคือ เคนนี่ ดัลกลิช ตำนานกองหน้าของสก็อต และทีม หงส์แดง นั่นเอง และถึงแม้ประสบความสำเร็จกับเรนเจอร์ส แต่เจ้าตัวกลับเป็นแฟนบอล กลาสโกว์ เซลติก สโมสรเก่าของ คิง เคนนี่
รามิเรส (เชลซี)
เป็นที่รู้กันดีว่านักเตะบราซิลมักไม่ค่อยประสบความสำเร็จในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ว่าจะเป็น ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ, อัลซิเดส หรือ มิเนโร่ แต่ รามิเรส ซานโต๊ส โด นาสซิเมนโต้ หรือ รามิเรส ก็พร้อมพิสูจน์ตัวเอง โดยเซ็นสัญญา 4 ปีย้ายจาก เบนฟิก้า ลิสบอน มาด้วยราคา 22 ล้านยูโร (ประมาณ 903.32 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการค้าแข้งกับสโมสรต่างแดนแห่งที่ 2 ในรอบ 2 ปีของเขาเช่นกัน
นักเตะวัย 23 ปีรายนี้ เป็นมิดฟิลด์ทีมชาติ แซมบ้า ชุดเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2008 และแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 แถมผ่านศึกฟุตบอลโลก 2010 โดยทำหน้าที่ตัวจริงเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งชนะ ชิลี 3-0 นอกจากนั้นอีก 3 แมตช์ลงเล่นฐานะตัวสำรอง ส่วนการเล่น 1 ฤดูกาลกับเบนฟิก้า ซึ่งซื้อเขามาจาก ครูเซโร่ ในราคา 7.5 ล้านยูโร (ประมาณ 307.95 ล้านบาท) เจ้าตัวตอบแทนด้วยผลงาน 4 ประตู จาก 26 นัด และช่วยให้ครองแชมป์ลีก และลีก คัพ ของโปรตุเกส แต่สำหรับเชลซี คาดหวังให้เขามาทำหน้าที่แทน มิชาเอล บัลลัค จอมทัพกัปตันทีมชาติเยอรมัน ซึ่งย้ายกลับประเทศบ้านเกิดไปแล้ว
มารูยาน ชามัคห์ (อาร์เซน่อล)
หัวหอกวัย 26 ผู้เกิดในเมืองตงแนงส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส สร้างชื่อด้วยการพาทีมชาติโมร็อกโกคว้ารองแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2004 โดยแพ้ ตูนีเซีย เจ้าภาพ 1-2 แถมช่วย ชิรงแดงส์ บอร์กโดซ์ สโมสรแห่งแรกในอาชีพค้าแข้ง ครองแชมป์ลีก คัพ ปี 2007 กับ ซูเปอร์คัพ ปี 2008 รวมทั้งกวาดอีก 3 รายการในปี 2009 ทั้งลีก เอิง, ลีก คัพ และ ซูเปอร์คัพ จนได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของโมร็อกโกในปีนั้น
แต่หลังอยู่ใน สต๊าด ฌักส์ ฌาบ็อง เดลม่าส์ มานานถึง 1 ทศวรรษ ทำสถิติซัดไป 56 ประตู จาก 230 เกม เมื่อจบฤดูกาล 2009-10 เขาก็เลือกย้ายออกมาแบบไร้ค่าตัว และเซ็นสัญญา 4 ปีกับอาร์เซน่อล แม้ว่าจะได้รับความสนใจจากหลายสโมสร เช่น อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่ในลีกดัตช์ แต่ชามัคห์เลือกที่จะร่วมงานกับ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือซึ่งพูดภาษาเดียวกัน แถมมีนักเตะเชื้อสายฝรั่งเศสหลายรายในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกต่างหาก
เมาโร โบเซลลี่ (วีแกน แอธเลติก)
กองหน้าชาวกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา ได้สวมเสื้อหมายเลข 9 ให้วีแกนในฤดูกาลนี้ หลังถูกซื้อมาจาก เอสตูเดียนเตส เด ลา พลาต้า ยักษ์ใหญ่ในลีกอาร์เจนไตน์ ด้วยค่าตัว 7.4 ล้านยูโร (ประมาณ 303.84 ล้านบาท) หลังช่วยสโมสรดังกล่าวคว้าแชมป์ โกปา ลิเบร์ตาดอเรส เมื่อปี 2009 โดยเจ้าตัวยังครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของการแข่งขันด้วย ล่าสุดเขายังเป็นดาวยิงสูงสุดในศึก เคลาซูร่า พรีเเมียร์ ดิวิชั่น ปี 2010
แต่ก่อนหน้านั้นโบเซลลี่ก็เคยพา โบคา จูเนียร์ส ซิวแชมป์รายการนี้ในปี 2007 รวมถึงได้แชมป์ โกปา ซุดอเมริกานา ปี 2004 แถมหากย้อนกลับไปอีก เขาเคยออกมาค้าแข้งต่างแดนมาแล้วช่วงฤดูกาล 2005-06 โดยอยู่กับ มาลาก้า บี ในสเปน แต่ยิงแค่ 5 ประตู จาก 32 นัด คราวนี้ขอแก้ตัวอีกครั้งด้วยการเลือกมาเซ็นสัญญา 4 ปีกับวีแกน โดยไม่มีปัญหาเรื่องใบอนุญาตประกอบอาชีพ เพราะมีหนังสือเดินทางอิตาเลียน
วินสตัน รีด (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)
เขาคือผู้สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับทีมชาติ นิวซีแลนด์ ในศึกลูกหนังที่แอฟริกาใต้เมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะประตูแรกในทีมชาติของเขาช่วยตีเสมอ สโลวะเกีย 1-1 และทำให้พลพรรค กีวี ได้คะแนนแรกจากการแข่งขันรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก แต่จริงๆดาวเตะชาวเมารัวัย 22 ได้สัญชาติเดนมาร์กตั้งแต่ปี 2006 และเคยเล่นให้ทีมชาติชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีของแดนโคนม ช่วงปี 2008-10 โดยย้ายออกจากนิวซีแลนด์ตั้งแต่ 10 ขวบ เพราะแม่ได้สามีใหม่เป็นชาวเดนิช
รีดสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊ก และแบ๊กขวา เซ็นสัญญาย้ายจาก เอฟซี มิดทิลลันด์ สโมสรอาชีพแห่งแรกในเดนมาร์ก และร่วมงานกันอย่างยาวนานถึง 5 ปี โดยเขามีสถิติทำ 2 ประตู จากการลงสนาม 84 แมตช์ในถิ่น เอ็มซีเอช อารีน่า มาอยู่กับ เวสต์แฮม ด้วยค่าตัว 4.2 ล้านยูโร (ประมาณ 172.45 ล้านบาท) ภายใต้สัญญา 3 ปี โดยสวมเสื้อหมายเลข 2 ที่ว่างลงตั้งแต่ ลูคัส นีลล์ นักเตะจากทวีปออสเตรเลียอีกคน ย้ายออกไป
อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แบ๊กซ้ายวัย 24 ปี กลายเป็นที่จับตามองทันทีเมื่อ เรือใบสีฟ้า ยอมทุ่มซื้อเขามาจาก ลาซิโอ สโมสรในอิตาลี ถึง 22.7 ล้านยูโร (ประมาณ 932.06 ล้านบาท) และเซ็นสัญญายาว 5 ปี ทั้งๆเซอร์เบียก็ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2010 ด้วยการเป็นอันดับบ๊วยของกลุ่ม แถมผลงานที่กัลโช่ เซเรีย อา ก็ไม่โดดเด่นมากมาย โดยยิง 6 ประตู จากการลงสนาม 3 ปี 82 แมตช์ ก่อนหน้านั้นก็อยู่สโมสรอย่าง คูคาริคกี้ สแตนคอม (2004-06) กับ โอเอฟเค เบลเกรด (2006-07)
จุดเด่นของโคลารอฟคือเติมเกมรุกดี โดยสามารถขึ้นไปเล่นเป็นปีกซ้ายได้ด้วย และมีลูกยิงที่หนักหน่วงคล้าย ซินิซ่า มิไฮจ์โลวิช ขวัญใจชาวเซิร์บของเขา แถมยังมีประสบการณ์ระดับชาติโชกโชน เพราะเคยได้รองแชมป์ยุโรปปี 2007 ร่วมกับชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ก่อนไปเตะโอลิมปิก 2008 และเล่นให้ชุดใหญ่ตั้งแต่ปีนั้น แต่การมาอยู่ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ก็ทำรายได้ให้ลาซิโอแบบมหาศาล เพราะซื้อเขาดาวเตะรายนี้มาแค่ 800,000 ยูโร (ประมาณ 32.84 ล้านบาท)