ศึกแห่งศักดิ์ศรีโหมโรงก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ชิพอังกฤษ
ลีกยอดฮิตที่สุดในโลก ฤดูกาล 2007-2008 “เดอะ เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ 2007” ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง “แชมป์เอฟเอคัพ” เชลซี กับ “แชมป์พรีเมียร์ลีก” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ฤกษ์ฟาดแข้งกันในวันอาทิตย์ที่ 5 ส.ค. นี้ ที่นิวเวมบลีย์ สเตเดี้ยม เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย มีถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี และทรูวิชั่นส์ ยูบีซี ช่อง 65 อีเอสพีเอ็น งานนี้แฟนบอลพันธุ์แท้ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
เป็นการคัมแบ๊กสู่เวมบลีย์อีกครั้ง ในรอบ 7 ปี ของศึกลูกหนังรายการนี้
เพราะในปี 2000 ที่ยังใช้ชื่อว่าศึก “แชริตี ชิลด์” คือครั้งล่าสุดที่เตะกันในเวมบลีย์ ซึ่ง “แชมป์เอฟเอคัพ” เชลซี เอาชนะ “แชมป์พรีเมียร์ลีก” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 2-0 จากการยิงของ 2 นักเตะดัตช์ จิมมี ฟลอย ฮัสเซลเบงก์ และ มาริโอ เมลช็อต จากนั้นสนามเวมบลีย์เดิมถูกรื้อเพื่อสร้าง “นิวเวมบลีย์” และศึกลูกหนังรายการนี้ต้องย้ายไปฟาดแข้งกันที่มิล เลนเนียม สเตเดียม ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์
จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ศึกลูกหนังรายการนี้
เริ่มเปิดฉากฟาดแข้งเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1908 เป็นแมตช์การกุศล “เดอะ เอฟเอ แชริตี ชิลด์” ที่เป็นการพบกันระหว่างแชมป์ลีกอาชีพกับลีกสมัครเล่น ซึ่ง “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ แชมป์เซาเธิร์น ลีก ในนัดแรก 1-1 และกลับมาชนะในนัดรีเพลย์ 4-0 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้ง 2 นัด แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา รายการนี้ไม่มีการเตะนัดรีเพลย์อีกเลย
จากนั้นในปี 1947 เท็ด โครเกอร์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ)
เสนอให้ ศึกลูกหนัง “เดอะ เอฟเอ แชริตี ชิลด์” (ใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่ปี 1908-2002) ย้ายมาฟาดแข้งกันที่เวมบลีย์ สเตเดียม และให้เป็นการวัดศักดิ์ศรีกันระหว่าง แชมป์ลีก กับแชมป์เอฟเอคัพ ฤดูกาลล่าสุด รวมทั้งเป็นแมตช์ก่อนเปิดฤดูกาลต่อไป เกมฟาดแข้งรายการนี้ถูกเรียกว่าแมตช์การกุศล เพราะรายได้ส่วนหนึ่งถูกบริจาคให้การกุศล โดยนับตั้งแต่ปี 1974 -2000 เอฟเอนำรายได้ส่วนหนึ่งกว่า 5 ล้านปอนด์ ไปบริจาค
ศึกลูกหนัง คอมมูนิตี ชิลด์ ปีที่ผ่านมา “แชมป์เอฟเอคัพ” ลิเวอร์พูล
คว้าถาดแชมป์อันทรงเกียรติไปครอง ด้วยการเชือด “แชมป์พรีเมียร์ลีก” เชลซี ไป 2-1 แต่ในปีนี้ยิ่งน่าเร้าใจ น่าลุ้นกว่าเดิมประการแรก ในฤดูกาลที่ผ่านมา “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กระชากแชมป์กลับคืนมาจาก “สิงห์สำอาง” เชลซี ได้สำเร็จ ทำให้เชลซีพลาดการได้ครองแชมป์สมัยที่ 36 ติดต่อกันอย่างน่าเจ็บใจ เป็นการครองตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 9 ของ “ผีแดง” นับตั้งแต่เปลี่ยนระบบมาเป็นพรีเมียร์ชิพ และเป็นสมัยที่ 16 ในลีกสูงสุด หากนับตั้งแต่ลีกสูงสุดอังกฤษยังเป็นดิวิชั่น 1
แต่เชลซี ก็ฝากรอยแค้นให้ “ผีแดง” เช่นกัน จากการคว้าแชมป์
เอฟเอคัพ เมื่อ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เฉือนเอาชนะ “ผีแดง” 1-0 ดังนั้นในฤดูกาลใหม่ที่จะเปิดฉากขึ้นตั้งแต่ 11 ส.ค. นี้เป็นต้นไป ทั้ง 2 ทีมซึ่งอยู่ในกลุ่ม “บิ้กโฟร์” ที่จะแย่งแชมป์กันอีก ร่วมกับอีก 2 ทีมอย่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล การพิสูจน์ศักดิ์ศรีกันก่อนเปิดฤดูกาล จึงเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ ย่อมกระหายที่จะคว้าชัยชนะ เพื่อข่มขวัญคู่แข่ง และสร้างความมั่นใจก่อนเปิดฤดูกาล นี่คือสิ่งที่ 2 กุนซือคู่กัด โฮเซ มูรินโญ ของเชลซี และ “เฟอร์กี” เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย่อมต้องคิดเหมือนกัน