สิงโตเหม่อ!แซมบ้าตีเจ๊าทดเจ็บ

เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีรวมทั้งเปิดซิงในสนามนิว เวมบลีย์อย่างน่าเจ็บแสบหลังปล่อยให้ดีเอโก้ซึ่งเตี้ยที่สุดในสนามโขกตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 หลังก่อนหน้านี้เดวิด เบ็คแฮมคัมแบ็คสวยเปิดฟรีคิกให้เทอร์รี่โขกขึ้นนำอย่างสุดสวย

อังกฤษ 1-1 บราซิล

สนาม: นิว เวมบลี่ย์

ประตู: 1-0 จอห์น เทอร์รี่ น.69,1-1 ดีเอโก้ น.90+2

เปิดฉากครึ่งแรก อังกฤษ

ได้เสียวในนาที 12 เดวิด เบ็คแฮม อาศัยไหวพริบวางบอลยาวตัดแผงหลังบราซิลเลี่ยน ไมเคิล โอเว่น พุ่งเข้าโฉบไม่ทันบอลเข้าซองนายทวาร เฮลตัน

อีก 7 นาทีถัดมา บราซิล

น่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างยิ่งเมื่ออุตส่าห์ส่งบอลซุกสู้ก้นตาข่ายไปแล้วจากจังหวะ มิเนโร่ ตักบอลโด่งยาวมาถึง จิลแบร์โต้ ซิลวา แอบสอดขึ้นมาโหม่งเข้าไป แต่ผู้กำกับเส้นยกธงว่า ดาวเตะ เดอะกันเนอร์ส ล้ำหน้าทั้งๆที่จากจังหวะภาพช้าไม่น่าจะล้ำ

เข้าสู่ครึ่งชั่วโมง สิงโตคำราม

สบโอกาสได้ส่องแบบหวังผล จากจังหวะ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ถูก จิลแบร์โต้ สกัดล้มคว่ำ กรรมการเป่าฟรีคิกระยะ 25 หลา เดวิด เบ็คแฮม รับหน้าที่ปั่นไซด์ข้ามกำแพงอยู่แล้วก่อนบอลจะเลี้ยวหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น

อาศัยเกมสวนกลับเล่นงานแผงหลังเจ้าถิ่นอีก 4 นาทีถัดมา ว๊ากเนอร์ เลิฟ ถูก จอห์น เทอร์รี่ สกิดล้มคว่ำ คราวนี้ แซมบ้า ได้ฟรีคิกระยะทำการบ้าง โรนัลดินโญ่ รับหน้าที่ปั่นไซด์ข้ามกำแพงบอลหลุดเสาออกไปแบบมีลุ้นเล็กๆ

เหลืออีก 5 นาทีสุดท้าย

บราซิล อาศัยความสามารถเฉพาะตัวสร้างความปั่นป่วนเกมรับทีมสิงโตต้องพะว้าพะวง โดยเฉพาะจากจังหวะ โรนัลดินโญ่ ลากจี้จากฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านหลุดเสาไกล หมดครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอไร้สกอร์

เข้าสู่ครึ่งหลังขุนพล เซเลเซา

อาศัยการต่อบอลที่แม่นยำเล่นงานแผงหลังอังกฤษต้องปั่นป่วน โรบินโญ่ ลากจี้มาทางซ้ายก่อนจะจ่ายให้ กาก้า พลิกกลับตัวส่งต่อ โรนัลดินโญ่ ที่รอตั้งป้อมอยู่แถวสองได้ยิงปั่นไซด์บอลไปแฉลบขา เล็ดลี่ย์ คิง ที่พยายามสกัดเปลี่ยนทางยังดีที่ พอล โรบินสัน นายทวารร่างอ้วนยังไม่หลงปัดออกไปอย่างน่าชมเชยและจังหวะฟรีคิก โรนัลดินโญ่ ครอสมาจุดนัดพบเสาสองเข้าหัว นัลโด้ วิ่งมาโหม่งไม่เข้ากรอบ

ที่ถอยไปตั้งรับอยู่นานเริ่มทำเกมบุกมาบ้างนาที 56 คาราเกอร์ โดน จิลแบร์โต้ ทำฟาวล์ริมเส้นฝั่งขวากรรมการเป่าให้เป็นฟรีคิก เบ็คแฮม รับหน้าที่ครอสโด่งเข้ามาในกรอบเขตโทษ โอเว่น พยายามโฉบมาโหม่งข้ามคาน

สตีฟ แม็คคลาเรน

บอสอังกฤษปรับแท็กติกส์กันใหม่ส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กับ คีรอน ดายเออร์ ลงมาเล่นแทน โจ โคล และ อลัน สมิธ ตามลำดับ ขณะที่ แซมบ้า ขยับบ้างถอด มิเนโร่ แล้วให้ เอ็ดมินสัน ทำหน้าที่แทน ในนาที 63

เปลี่ยนตัวไม่ทันไร

2 ตัวสำรองโดนบอลครั้งแรกเกือบแผลงฤทธิ์ทันทีในอีกนาทีถัดมา ดายเออร์ จ่ายให้ แลมพาร์ด แตะต่อ ดาวนิ่ง ลักไก่ตะบันไกลระยะ 30 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดเดือดร้อน เฮลตัน นายทวารต้องปัดข้ามคาน

และแล้วกองเชียร์ผู้ดีได้ฉลองประเดิมเปิดสนามใหม่เฮดังๆ

จากจังหวะ เบ็คแฮม เปิดลูกฟรีคิกเท้าชั่งทองทางฝั่งขวาไปยังเสาสอง จอห์น เทอร์รี่ สอดจากแดนหลังขึ้นมาโหม่งเต็มหัวเข้าเสาไกล อังกฤษ นำ 1-0

บราซิล พยายามโหมบุกมากขึ้นแต่ทว่าปล่อยโอกาสทองหลุดลอยไปเองจากจังหวะ โรนัลดินโญ่ แทงต่อให้ เวส บราวน์ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาแทน เทอร์รี่ไม่กี่วินาทีเกือบทำช็อกหลังเป็นตัวสุดท้ายแต่ดันไปสะดุดลื่นล้มจนจ่ายคืนหลังแป๊กเปิดโอกาส อฟอนโซ่ อัลเวส โฉบเข้าไปยิงแต่แตะหนีมือ โรบินสัน มากไปหน่อยบอลหลุดกรอบออกหลัง

เหลือ 10 นาทีจะหมดเวลา

บราซิล พลาดโอกาสทองอีกครั้งจากจังหวะ โรนัลดินโญ่ โยนลูกเตะมุมทางขวามาให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา โหม่งชงส่งต่อ อฟอนโซ่ อัลเส ได้โขกระยะไม่ถึง 10 หลาข้ามคานออกไปเอง

ชัยชนะน่าจะตกเป็นของ สิงโตคำราม อยู่แล้ว

แต่ทว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 กลับต้องฝันสลายถูกตีเสมอ อฟอนโซ่ อัลเวส ส่งให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา หยอดโด่งจากฝั่งขวามาให้ ดีเอโก้ แอบสอดขึ้นมาล้มตัวโหม่งคนเดียวโล่งๆตุงตาข่าย จบเกม อังกฤษ ได้แค่เจ๊า 1-1

อังกฤษ:

พอล โรบินสัน,เจมี่ คาราเกอร์,เล็ดลี่ย์ คิง,จอห์น เทอร์รี่(เวส บราวน์ น.73),นิคกี้ ชอรี่ย์,เดวิด เบ็คแฮม(เจอร์เมน จีนาส น.77),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,แฟรงค์ แลมพาร์ด(ไมเคิล คาร์ริค น.88),โจ โคล(สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.62),อลัน สมิธ(คีรอน ดายเออร์ น.62),ไมเคิล โอเว่น(ปีเตอร์ เคราช์ น.83)

บราซิล:

เฮลตัน,ดาเนี่ยล อัลเวส(ไมค่อน น.65),นัลโด,ฮวน,จิลแบร์โต้,โรนัลดินโญ่,มิเนโร่(เอ็ดมินสัน น.63),จิลแบร์โต้ ซิลวา,กาก้า(อฟอนโซ่ อัลเวส น.72),โรบินโญ่(ดีเอโก้ น.74),ว๊ากเนอร์ เลิฟ

ผู้ตัดสิน:ดร.มาร์คุส แมร์ก

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: