บทสรุปแห่งความเป็นที่สุด ส่งท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2007

และเป็นถ้วยใบใหญ่ที่สุดในยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2007 ปิดฉากลงแล้ว ในเกมรอบชิงชนะเลิศ เมื่อ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ด้วยความสมหวังของ ปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ที่เชือด หงส์แดง ลิเวอร์พูล 2-1 คว้าแชมป์ไปครอง

ชำระบัญชีที่เคยแพ้ในรอบชิงฯปี 2005

ไปอย่างน่าเจ็บใจได้สำเร็จ ซึ่งครั้งนั้น มิลาน นำก่อน 3-0 ในครึ่งแรก แต่ถูก หงส์แดง ตีเสมอเป็น 3-3 ในครึ่งหลัง และ หงส์แดง คว้าแชมป์ด้วยชัยชนะในการดวลจุดโทษไปในที่สุด

ส่งท้ายสุดยอดลูกหนังสโมสรยุโรปปีนี้

เสาร์สปอร์ต รวบรวมสถิติสุดยอด ในหลากแง่มุมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2007 มาฝากแฟนลูกหนัง เป็นการส่งท้าย ติดตามชมกันได้เลย

ทำสถิติลงสนามในศึกยูโรเปี้ยนคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงฯ สูงสุด 8 ครั้ง เท่ากับ ปาโก เกนโต นักเตะรีล มาดริด ที่ทำไว้ในช่วงปี 1950 และ 1960 ซึ่ง เกนโต ยังทำสถิติได้แชมป์มากที่สุด 6 ครั้ง ขณะที่การได้แชมป์ครั้งนี้ทำให้ มัลดินี และ อเลสซานโดร คอสตาคูร์ตา ได้แชมป์เป็นสมัยที่ 5

เปาโล มัลดินี วัย 38 ปี เป็นนักเตะอายุมากที่สุด ที่ลงเล่นเป็นกัปตันทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำลายสถิติของ อันโตนิโอ รามาลเลตส์ นายทวารบาร์เซโลนา ที่ครองสถิติมายาวนาน 46 ปี โดยทำไว้ในปี 1961 และ คอสตาคูร์ตา วัย 41 ปี เป็นนักเตะนอกสนามที่อายุมากที่สุดในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีก

นอกจากนั้น เปาโล มัลดินี ยังทำสถิติเป็นกัปตันทีมคนที่ 10

ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ยุโรปมากกว่า 1 ครั้ง เพราะได้แชมป์ในฐานะกัปตันทีม 2 ครั้งคือปี 2003 ที่เอาชนะ ม้าลาย ยูเวนตุส ด้วยการดวลจุดโทษ และมาคว้าแชมป์ปีนี้อีกหน ส่วนสถิติสูงสุดคือ ฟรานซ์ เบคเคนเบาว์ ที่เป็นกัปตันทีมนำ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก คว้าแชมป์ 3 สมัยในปี 1974, 1975 และ 1976

ยังเป็นนักเตะอิตาลีเพียงรายเดียว ที่ทำสถิติลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 100 แมตช์ โดยลงเตะแมตช์ที่ 100 ปีนี้ในรอบ 2 กับ เซลติก

คลาเลนซ์ เซดอร์ฟ :

มิดฟิลด์ เอซี มิลาน เป็นนักเตะคนเดียวที่ได้ 4 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากยูโรเปี้ยนคัพ มาเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยได้ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งที่ 4 กับ 3 สโมสร คือ ไอแอกซ์, รีล มาดริด และเอซี มิลาน 2 ครั้ง

คาร์โล อันเชลอตติ :

กุนซือเอซี มิลาน เป็นเพียง 1 ใน 5 คนที่ผ่านการคว้าแชมป์รายการนี้ทั้งในฐานะโค้ชและผู้เล่น โดย อัลเชลอตติ เคยได้แชมป์กับมิลาน ในฐานะผู้เล่นปี 1989 และ 1990 และได้แชมป์ในฐานะโค้ชปี 2003 และปีนี้

เอซี มิลาน :

ได้แชมป์เป็นสมัยที่ 7 จากการเข้าชิง 11 ครั้ง ในประวัติศาสตร์ 52 ปีของรายการนี้ และเป็นการเข้ารอบชิงฯหนที่ 3 ในรอบ 5 ปี อีกทั้งทำให้ มิลาน ขยับเข้าใกล้สถิติคว้าแชมป์สูงสุดที่ ราชันชุดขาว ทำไว้ 9 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลสถิติหยุดอยู่ที่ 5 สมัย จากการเข้าชิง 7 ครั้ง

ต้องโหวตให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่ทำหน้าเศร้าที่สุดหลังจากทีมพ่ายแพ้ และกล่าวด้วยว่า ตอนนี้หัวใจของผมแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว

ส่วน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง กล่าวฝากสาวกหงส์ไว้น่าฟังว่า ในกีฬาฟุตบอล เราต้องไม่พลาดโอกาสทอง เพราะถ้าพลาดจะมีโอกาสพลิกผันกับทีมได้ทุกเวลา และเกมนี้ลิเวอร์พูลทิ้งโอกาสนี้ไปเอง

ตอนนี้เราต้องคิดกันว่า เราต้องพัฒนาปรับปรุงทีมกันต่อไป

เพราะว่าเราต้องก้าวไปข้างหน้าอีก ทุกคนทำงานกันมาหนัก แต่ถ้าเราต้องการไล่จี้ทีมอย่าง แมนฯ ยูฯ หรือ เชลซี และเข้าชิงฯแชมเปี้ยนส์ลีกอีกหน เราต้องล้ำหน้าไปอีก 2 ก้าว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้ใน 2-3 สัปดาห์ การพัฒนาทีมเราต้องทำงานหนักกันตลอดเวลาเป็นเวลานาน

กากา มิดฟิลด์เอซี มิลาน ครองดาวซัลโวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2007 ซัดไป 10 ประตู และเป็นนักเตะที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงทุกนัด ที่ 2 ปีเตอร์ เคราช์ (ลิเวอร์พูล), รุด ฟาน นิสเตลรอย (รีล มาดริด), เฟร์นานโด มอริเอนเตส (บาเลนเซีย), ดิดิเยร์ ดร็อกบา (เชลซี) ทำได้คนละ 6 ประตูเท่ากัน

แต่ รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกดัตช์ยังครองสถิติดาวซัลโวสูงสุด

ไว้ตลอดกาลที่ 12 ประตู ในฤดูกาล 2002-2003 ส่าน อินซากี ที่เหมาคนเดียว 2 ประตูให้ มิลาน คว้าแชมป์ปีนี้ ทำประตูรวมในถ้วยยุโรปใบนี้ไปแล้ว 58 ประตู เป็นอันดับ 3 ส่วนอันดับ 2 ได้ ราอูล กับ อังเดร เชฟเชนโก ที่ยิงได้รวม 59 ประตู และอันดับ 1 ตลอดกาลเป็นของ แกร์ด มุลเลอร์ 62 ประตู

ยิงเข้ากรอบมากที่สุด : ยังเป็น กากา ยิงเข้ากรอบ 28 ลูก ในยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีกฤดูกาลนี้ ที่ 2 คริสเตียโน โรนัลโด (แมนฯ ยูฯ) 22 ลูก และที่ 3 ฟิลิปโป อินซากี (เอซี มิลาน) กับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา (เชลซี) คนละ 15 ลูก

ยิงออกนอกกรอบมากที่สุด : คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมสับของแมนฯ ยูฯ ยิงทิ้งยิงขว้างไป 18 ครั้ง

ส่งให้เพื่อนยิงประตูมากที่สุด : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ ปีกพ่อมด ไรอัน กิกส์ ของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติส่งให้เพื่อนยิงประตูมากที่สุด 7 ครั้ง

ทำฟาวล์มากที่สุด : ซาบี อลองโซ (ลิเวอร์พูล) 31 ครั้ง

โดนทำฟาวล์มากที่สุด : ฟรานเชสโก ตอตติ (โรมา) 36 ครั้ง

ชนะมากที่สุด : เกมที่ ผีแดง แมนฯ ยูฯ เปิดบ้านต้อน โรมา 7-1

ทำล้ำหน้า มากที่สุด : ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกเชลซี 20 ครั้ง

ได้ใบเหลืองมากที่สุด : มาร์ก ฟาน บอมเมล (บาเยิร์น มิวนิก), ดาวิด ปิซาร์โร (โรมา), โรแบร์โต อยาลา (บาเลนเซีย), ดาวิด อัลเบลดา (บาเลนเซีย) คนละ 5 เหลือง เท่ากัน

ยิงประตูเฉลี่ยต่อนัดมากที่สุด : ราชันชุดขาว เฉลี่ยนัดละ 2.25 ประตู และทำได้ทั้งหมด 18 ประตู ที่ 2 แมนฯ ยูฯ เฉลี่ยนัดละ 1.92 ประตู ทำได้ทั้งหมด 23 ประตู, ที่ 3 บาร์เซโลนา 1.75 ประตู ทำได้ทั้งหมด 14 ประตู ส่วน เอซี มิลาน อยู่อันดับ 6 ยิงได้เฉลี่ยนัดละ 1.54 ประตู และทำได้ทั้งหมด 20 ประตู ซึ่งเลฟสกี ยิงประตูเฉลี่ยต่อนัดน้อยที่สุด 0.17 ประตู และทำได้แค่ประตูเดียว

เอซี มิลาน : จากแมตช์รอบชิงฯกับลิเวอร์พูลปีนี้ ทำให้ ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน ลงเล่นในฟุตบอลยุโรปครบ 300 แมตช์ และการทำได้ 2 ประตูในรอบชิงฯ ยังเป็นประตูที่ 500 ในถ้วยยุโรปของเอซี มิลานด้วย

ปิดท้ายด้วย 11 นักเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ออลสตาร์ เลือกสรรค์โดย กีฬาเดลินิวส์ ดังนี้ (จัดระบบการเล่นแบบ 4-4-2) ประตู : ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี), กองหลัง : เปาโล มัลดินี (เอซี มิลาน), จอห์น เทอร์รี (เชลซี), เจมี คาร์ราเกอร์ (ลิเวอร์พูล), ยอห์น อาร์เน ริสเซ (ลิเวอร์พูล), กองกลาง : ฟรานเชสโก ต็อตติ (โรมา), เดวิด เบคแคม (รีล มาดริด), กากา (เอซี มิลาน), สตีเวน เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), กองหน้า : ฟิลิปโป อินซากี (เอซี มิลาน), ดิดิเยร์ ดร็อกบา (เชลซี).

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์